สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 23 ตอนที่ 681 เกี่ยวข้องอันใดกันแน่
อาอวี่นึกอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ เขาวิ่งไปยังข้างกายซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่นอีกครั้ง “แม่นาง คุณชาย พวกท่านมีความสามารถด้านวิชาแพทย์หรือไม่? พวกท่านได้โปรดช่วยองค์หญิงของพวกเราด้วยเถิด! พวกเราไม่มีหมอเวทแล้ว”
เมื่อครู่ เขาได้ยินที่ซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่นคุยกัน จึงรู้ว่าซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่นมีความรู้ด้านการแพทย์
ช่วยคนต้องช่วยให้ถึงที่สุด ส่งพระถังซัมจั๋งต้องส่งให้ถึงชมพูทวีป ในเมื่อช่วยองค์ชายและองค์หญิงจากสัตว์ร้ายได้แล้ว ซูจิ่นซีไม่มีเหตุผลให้ต้องทนดูพวกเขาตาย นางเหลือบมองไปทางอวิ๋นจิ่น เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้สนใจ นางจึงตกปากรับคำอาอวี่ ก่อนจะเดินไปหาองค์หญิง
ทันทีที่ซูจิ่นซีเดินเข้าไปใกล้ องค์ชายก็รีบคว้าอาวุธขึ้นมาป้องกัน อาอวี่รีบแย้ง “องค์ชาย แม่นางผู้นี้รู้วิชาแพทย์ นางหาใช่ศัตรูของพวกเรา สัตว์เทพกิเลนและสัตว์เทพจิ้งจอกเก้าสีเมื่อครู่ ก็เป็นของแม่นางและคุณชายผู้นั้น”
องค์ชายมองใบหน้าของซูจิ่นซีและมองไปทางอวิ๋นจิ่น จากนั้นจึงมองสัตว์เทพกิเลนและสัตว์เทพจิ้งจอกเก้าสีที่กำลังต่อสู้อยู่กับสัตว์ร้าย เมื่อรู้สึกได้ว่าบนร่างของพวกเขาไม่มีกลิ่นอายของศัตรู จึงผ่อนคลายการป้องกันและยอมให้ซูจิ่นซีเข้าใกล้
ซูจิ่นซีนั่งยองและตรวจชีพจรขององค์หญิงอย่างละเอียด นางหยิบยาสมุนไพรออกจากระบบถอนพิษ ขณะเดียวกันก็นำเข็มเงินออกมาจากแขนเสื้อ
ซูจิ่นซีหยิบยาห้ามเลือดให้องค์หญิงหนึ่งเม็ด และให้คนไปนำน้ำสะอาดมาล้างแผล ก่อนจะทายาพิเศษชนิดหนึ่งลงบนบาดแผลและพันผ้าให้อย่างประณีต ทั้งยังฝังเข็มที่จุดสำคัญหลายจุดบนบาดแผลและหน้าอก
ทั้งหมดนี้ ซูจิ่นซีปฏิบัติเช่นเดิม นางกระทำอย่างระมัดระวัง เคร่งขรึม และจริงจัง ไม่มีผู้ใดกล้ารบกวน จนกระทั่งซูจิ่นซีดึงเข็มเงินเล่มสุดท้ายออก องค์ชายที่ใบหน้าซีดขาวด้วยความกังวลจึงเอ่ยปากถามองค์หญิง “อาอิน เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง? ”
หลังผ่านการฝังเข็มของซูจิ่นซี องค์หญิงก็มีชีวิตชีวามากกว่าเดิม รอยยิ้มปลอบโยนปรากฏที่มุมปาก “อาจวินวางใจได้ วิชาแพทย์ของแม่นางผู้นี้ดียิ่งนัก ข้าไม่เป็นอันใดแล้ว! ”
แม้องค์หญิงจะบอกว่าตนเองไม่เป็นอันใด ทว่าสถานการณ์จริงเป็นอย่างไรนั้น มีเพียงซูจิ่นซีเท่านั้นที่รู้
ซูจิ่นซีมีท่าทางเคร่งขรึมเล็กน้อย “เดิมที ร่างกายขององค์หญิงมีอาการบาดเจ็บภายใน กอปรกับสารพิษในร่าง เมื่อครู่ ขณะที่นางต่อสู้กับสัตว์ร้าย สารพิษในร่างได้ปะทุออกมา แม้ข้าจะระงับสารพิษไว้ชั่วคราว ทว่าหากต้องการถอนพิษต้องรักษาในระยะยาว ก่อนที่สารพิษในร่างจะได้รับการชำระล้างอย่างสมบูรณ์ องค์หญิงต้องไม่กระทำอันใดหุนพันพลันแล่น มิฉะนั้น ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร ไม่มีผู้ใดรับประกันได้”
เมื่อพูดถึงสารพิษในร่างกายขององค์หญิง ซูจิ่นซีพลันกดเสียงต่ำ มีเพียงองค์ชาย องค์หญิง และอาอวี่กับอาจูที่อยู่ใกล้นางเท่านั้นที่ได้ยิน
อย่างไรเสีย เรื่องเช่นนี้ ซูจิ่นซีก็ยังรู้ถึงความเหมาะสม ด้วยสถานะขององค์หญิง แม้นางจะถูกวางยาพิษหรือป่วยหนัก ก็ไม่ควรให้ผู้อื่นรับรู้มากนัก
เมื่อซูจิ่นซีพูดจบ สีหน้าขององค์ชายก็เปลี่ยนไปในทันที “อันใดกัน? อาอินถูกวางยาพิษหรือ? ”
ซูจิ่นซีเหลือบมององค์หญิง ใบหน้าองค์หญิงปรากฏความสับสน
เห็นได้ชัดว่าองค์ชายและองค์หญิงต่างไม่รู้เรื่องที่องค์หญิงถูกวางยาพิษ อย่างไรก็ตาม ตอนที่ซูจิ่นซีเข้าใกล้องค์หญิง ระบบถอนพิษได้แจ้งเตือนแล้วว่า ร่างกายขององค์หญิงได้รับยาพิษ
ซูจิ่นซีมั่นใจประสิทธิภาพของระบบถอนพิษในปัจจุบันมาก มันไม่มีวันผิดพลาด
นางตรวจอาการขององค์หญิงอย่างตั้งใจอีกครั้ง และใช้ระบบถอนพิษตรวจหาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนมั่นใจว่าองค์หญิงถูกวางยาพิษจริงๆ ทั้งยังไม่ใช่สารพิษธรรมดา
“พิษที่อยู่ในร่างขององค์หญิง เรียกว่าพิษกระชากวิญญาณ จากพัฒนาการของพิษในร่างกาย องค์หญิงคงได้รับพิษมาเป็นปีแล้ว” ซูจิ่นซีพูดจบก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “เมื่อพิษกระชากวิญญาณออกฤทธิ์ แม้มันจะสามารถควบคุมความคิดขององค์หญิง ทว่าไม่สามารถปิดกั้นจิตใต้สำนึกขององค์หญิงได้ แสดงว่าตัวองค์หญิงเองไม่สามารถจดจำเรื่องราวตอนที่พิษกระชากวิญญาณออกฤทธิ์ได้ ใช่หรือไม่? ”
ไม่รู้เพราะเหตุใด องค์หญิงกะพริบตาเล็กน้อย และรีบพูดปรามซูจิ่นซี “เจ้าพูดจาไร้สาระ ข้าเป็นเพียงโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย จะถูกวางยาพิษกระชากวิญญาณได้อย่างไร? เจ้า… เจ้าหยุดเหลวไหลได้แล้ว! ”
ซูจิ่นซีคิ้วกระตุก ไม่พูดสิ่งใด
เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงทราบอันใดบางอย่างเกี่ยวกับการวางยาพิษ ทว่านางไม่เต็มใจยอมรับต่อหน้าองค์ชาย ทุกคนต่างเห็นอกเห็นใจ และซูจิ่นซีก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขุดคุ้ยให้มากความ
นอกจากนั้น จุดประสงค์หลักของนางคือการรักษาอาการบาดเจ็บขององค์หญิง ส่วนเรื่องอื่นไม่ใช่กงการอันใดของนาง
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเล็กน้อยและลุกขึ้นยืน “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอันใดให้มากความ”
จากนั้น นางก็หันไปมองสัตว์เทพกิเลนและสัตว์เทพจิ้งจอกเก้าสีที่กำลังต่อสู้กับสัตว์ร้าย
พวกมันเป็นฝ่ายได้เปรียบ และสามารถเอาชนะสัตว์ร้ายทั้งหมดได้ เพียงต้องการเล่นกับพวกสัตว์ร้ายเหมือนแมวไล่จับหนู จนพวกมันตายอย่างเชื่องช้า
สัตว์เทพกิเลนไปเรียนรู้เรื่องไม่ดีเช่นนี้มาตั้งแต่เมื่อไร?
ซูจิ่นซีคิ้วกระตุก นางตะโกนสั่ง “กิเลน รีบเผด็จศึกเสีย! ”
สัตว์เทพกิเลนรับคำสั่งของผู้เป็นนาย มันเงยหน้าขึ้นบนท้องฟ้า พลางเปล่งเสียงคำรามยาว จากนั้นจึงพ่นเปลวเพลิงกิเลนสีน้ำเงินออกมาสองระลอก ทันใดนั้น เปลวเพลิงกิเลนก็เผาผลาญทุกอย่างจนราบเป็นหน้ากลอง ไม่ว่าจะเป็นเสือดาว เสือ หรืองูหลาม ก็ถูกเผาจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก
สุดท้าย ท่ามกลางความตกใจและตกตะลึงของทุกคน สัตว์เทพกิเลนพาสัตว์เทพจิ้งจอกเก้าสีเดินเยื้องย่างกลับมาข้างกายซูจิ่นซีอย่างภาคภูมิใจ ทั้งพวกมันยังกลายร่างกลับมาอยู่ในสภาพสัตว์ตัวน้อยแสนน่ารักอีกครั้ง
อวิ๋นจิ่นยื่นแขนออกไป สัตว์เทพจิ้งจอกเก้าสีมองสัตว์เทพกิเลนอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะมุดเข้าไปในแขนเสื้อกว้างของอวิ๋นจิ่น
สัตว์เทพกิเลนกระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของซูจิ่นซีโดยไม่ต้องบังคับ มันลวนลามซูจิ่นซีโดยการถูไถหน้าอกของนางอย่างต่อเนื่อง พลางร้องเสียงต่ำอู้อี้เพื่อขอรางวัลจากซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีโยนสัตว์เทพกิเลนเข้าไปในอาคมกำไลปี่อั้นอย่างไม่เกรงใจ และมอบยาสมุนไพรสองสามอย่างเป็นรางวัล
สัตว์เทพกิเลนนั่งยองอยู่บนแท่นบูชา มันเหม่อมองท้องฟ้าอย่างเงียบงัน น้ำตาคลอเบ้าอย่างน่าสงสาร ทว่าเมื่อเห็นยาสมุนไพรก็ลืมสิ้นทุกอย่าง มันถือยาสมุนไพรและแทะอย่างมีความสุข! กระทั่งสัตว์เทพจิ้งจอกเก้าสี มันก็ลืมไปเสียสนิท
แม้นายท่านจะดุร้ายไม่ต่างจากเมื่อก่อน ทว่าตอนนี้ นายท่านให้ยาสมุนไพรมัน นับว่าใจกว้างมากแล้ว อย่างน้อยก็ใจกว้างมากกว่าเมื่อก่อนเยอะ
แท้จริงแล้ว สัตว์เทพกิเลนไม่รู้ว่า ซูจิ่นซีให้ยาสมุนไพรไม่ใช่เพราะใจกว้าง ทว่ายาสมุนไพรทั้งหมดที่ถูกเก็บไว้ในระบบถอนพิษได้รับการเพิ่มระดับขั้น ทั้งยังมียาสมุนไพรชั้นดีจำนวนมาก! สมุนไพรที่นางให้มัน คือสมุนไพรที่นางไม่ชอบ
แค่ก แค่ก…
หากสัตว์เทพกิเลนรู้ความจริง มันคงร้องไห้จนสลบอยู่บนแท่นบูชาเป็นแน่
ซูจิ่นซีตัดสินใจอย่างรวดเร็ว และเรียกสัตว์เทพกิเลนกลับคืน
แม้จะมองไม่เห็นสัตว์เทพทั้งสองตัวแล้ว ทว่าองค์ชายและองค์หญิง รวมถึงทุกคนในเผ่าอวิ๋นหุนยังคงตกตะลึง หลังจากได้เห็นการสังหารอันทรงพลังของสัตว์เทพกิเลนและสัตว์เทพจิ้งจอกเก้าสี
ซูจิ่นซีพูดกับอาอวี่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้เจ้ารับปากพวกเรา ขอเพียงพวกเราสองคนช่วยองค์ชายและองค์หญิงของพวกเจ้าได้ เจ้าจะพาพวกเราไปยังโลกเขตแดน วันนี้ คำร้องขอของเจ้า พวกเราทำสำเร็จแล้ว รักษาสัญญาของเจ้าด้วย! ”
อาอวี่ยังไม่ทันได้พูดอันใด องค์ชายก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจว่า “อันใดกัน พวกเจ้าจะไปโลกเขตแดนหรือ? ” เขาพูดด้วยใบหน้าถมึงทึง ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตรและระแวดระวัง
องค์หญิงก็รีบเอ่ยปากถามเช่นกัน “พวกเจ้าต้องการไปทำอันใดที่โลกเขตแดน? พวกเจ้ากับโลกเขตแดนมีความเกี่ยวข้องอันใดกัน? “