สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 23 ตอนที่ 687 พวกเขาคือใคร
เท้าของพวกเขาเพิ่งก้าวเข้าสู่เขตเวทมนตร์ม่านจันทรา ทันใดนั้น ภาพที่อยู่เบื้องหน้าก็หมุนวน เหตุการณ์เปลี่ยนไปในพริบตา
เมื่อเท้าเหยียบลงบนพื้น พวกเขาก็มาอยู่ท่ามกลางทะเลทรายเวิ้งว้าง ดวงอาทิตย์เจิดจ้าแผดเผาผืนดิน
ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว “ที่นี่คือที่ใด? ”
อวิ๋นจิ่นยังคงจับมือซูจิ่นซี พลางส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด ได้ยินมาว่า นอกจากคนของโลกเขตแดน คนภายนอกจะเข้าสู่โลกเขตแดนแต่ละครั้ง ล้วนไปในสถานที่ที่แตกต่างกัน ทว่าสิ่งที่แน่ชัดคือ ที่นี่ไม่ใช่ดินแดนนรกทั้งเก้า”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว “เหตุใดจึงพูดถึงดินแดนนรกทั้งเก้าบ่อยครั้ง ดินแดนนรกทั้งเก้าน่ากลัวมากหรือ? ”
อวิ๋นจิ่นแย้มยิ้ม และดีดหน้าผากของซูจิ่นซีด้วยความเอ็นดู “ไม่มีอันใด ที่นี่เป็นโลกที่ไม่คุ้นเคยอย่างสมบูรณ์ ทั้งยังมีอันตรายที่ไม่รู้จัก อยู่ใกล้ข้าไว้! ”
เป็นธรรมดาที่อวิ๋นจิ่นจะจับมือซูจิ่นซี ซูจิ่นซีพยายามสะบัดออกหลายครั้ง ทว่าอวิ๋นจิ่นยังจับไว้ไม่ปล่อย นางจึงอับจนหนทาง
หลังจากเข้าสู่โลกเขตแดน ซูจิ่นซีได้เปิดอาคมกำไลปี่อั้นและระบบถอนพิษ
ทั้งสองเดินไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็หยุดเดินด้วยท่าทางจริงจัง
“ได้ยินอันใดหรือ? ” อวิ๋นจิ่นถาม
“ข้างหน้ามีสัตว์ร้ายจำนวนไม่น้อย กำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเรา”
“เป้าหมายคือพวกเราสองคน? ”
ซูจิ่นซีส่ายศีรษะ “เหมือนจะไม่ใช่ นอกจากสัตว์ร้ายแล้วยังมีกลุ่มคนและม้าสองกลุ่มกำลังโจมตีสัตว์ร้ายในทิศทางที่แตกต่างกัน”
อวิ๋นจิ่นเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง “คงเป็นสงครามภายในของดินแดนนรกทั้งเก้า สัตว์ร้ายคือสัตว์ร้ายของแดนปีศาจ ม้าและคนสองกลุ่มที่เหลือซึ่งกำลังโจมตีสัตว์ร้าย คงเป็นคนจากแดนมาร”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนมุมปากของซูจิ่นซี “ดีเลย พวกเราก็ฉวยโอกาสนี้นำป้ายคำสั่งผ่านแม่น้ำฉางซือมา และรีบกลับออกไป”
รอยยิ้มพึงพอใจทำให้ซูจิ่นซีดูฉลาดยิ่งขึ้น อวิ๋นจิ่นอดลูบผมซูจิ่นซีด้วยความเอ็นดูไม่ได้ “ตกลง ป้ายคำสั่งสามป้ายให้เจ้าเลือก! เจ้าต้องการเลือกอันใดก็ได้”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วและสะบัดมืออวิ๋นจิ่น “อย่าแตะต้องผมของข้า เดี๋ยวมันเสียทรง! ”
“ตกลง! ” อวิ๋นจิ่นยกยิ้มและลูบผมของซูจิ่นซีอีกครั้ง
ซูจิ่นซีใกล้ระเบิดโทสะแล้ว “หมอหลวงอวิ๋น ให้ความใส่ใจกับสถานะของเจ้าด้วย เจ้าล้ำเส้นอีกแล้ว”
อวิ๋นจิ่นแย้มยิ้มอบอุ่นด้วยใบหน้าไม่เกรงกลัว “พระชายา ที่นี่คือโลกเขตแดน หาใช่อาณาจักรเทียนเหอ”
ความหมายคือ พวกเขาไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามธรรมเนียมการปกครอง
ซูจิ่นซีกัดฟันอย่างขุ่นเคือง ทว่านางรู้ดีถึงความแข็งแกร่งของตนเอง หากลงมือจริง นางย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอวิ๋นจิ่น วัดฝีมือไปก็ไม่ได้ประโยชน์อันใด อีกทั้งตอนนี้ยังไม่ใช่เวลามาขัดแย้งกันเอง
เมื่อมองไปที่ใบหน้าทะนงตนของอวิ๋นจิ่น ซูจิ่นซียิ่งมีสายตาเจ้าเล่ห์ นางกัดฟันพลางยกยิ้มมุมปากท้าทาย “ตกลง รอกลับถึงแคว้นหนานหลี ค่อยคิดบัญชีระหว่างเจ้ากับข้า”
“ตกลง! ” อวิ๋นจิ่นตอบรับด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ซูจิ่นซีหมุนตัวกลับไป สายตาอบอุ่นอ่อนโยนกลับแฝงไปด้วยความเคร่งขรึม เขามองแผ่นหลังของซูจิ่นซีด้วยความอาลัยอาวรณ์ และพูดในใจว่า หากพวกเราสามารถกลับไปแคว้นหนานหลีด้วยกัน
สัตว์ร้ายฝูงใหญ่ทรงพลังวิ่งมาราวกับควันสีดำ เพียงพริบตา พวกมันก็มาอยู่เบื้องหน้าพวกเขาแล้ว รอบด้านเป็นทะเลทรายอันไกลโพ้น ไม่มีที่ให้หลบซ่อน
อวิ๋นจิ่นจับมือซูจิ่นซีแน่น และกล่าวย้ำอีกครั้ง “จับข้าไว้ให้มั่น! ”
“อืม! ” ซูจิ่นซีพยักหน้าตอบรับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เมื่อเหล่าสัตว์ร้ายมาอยู่ตรงหน้า ทันใดนั้น สิงโตที่เป็นผู้นำก็แปลงกายเป็นมนุษย์ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเห็นซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่น
หนึ่งในนั้นชี้ไปที่ซูจิ่นซีกับอวิ๋นจิ่น และพูดว่า “เป็นพวกเขา สองคนนี้ช่วยคนเขาเผ่าอวิ๋นหุนและขัดขวางพวกเราที่เขาเมฆา”
“ใช่ เป็นพวกเขา! พวกเขาเข้าโลกเขตแดนมาได้จริงๆ ”
“พวกที่บุกรุกโลกเขตแดนต้องตาย ฆ่าพวกมัน! ”
“ใช่ ฆ่าพวกมัน! ”
ชั่วพริบตา เหล่าสัตว์ร้ายก็พุ่งเข้ามาหาซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่น ตามด้วยคนจากแดนมารและแดนวิญญาณ เมื่อพวกเขาได้ยินว่าซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่นไม่ใช่คนของโลกเขตแดน ก็พุ่งเข้าหาซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่น
กองทัพขนาดมหึมาปกคลุมทั่วทั้งทะเลทรายจนมืดมิด มองไม่เห็นเขตแดน เพียงเท้าเดียว คนเหล่านี้ก็สามารถเหยียบย่ำซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่นให้แหลกละเอียดเป็นชิ้นๆ โดยไม่เหลือซาก
อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วแน่น มือซ้ายจับซูจิ่นซีไว้ ส่วนมือขวาก็วาดวงกลมที่ข้อมือของซูจิ่นซีและตนเอง ทันใดนั้น แสงสีฟ้าอ่อนราวกับเชือกก็ล่ามอยู่บนข้อมือของเขาและซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว “นี่คือสิ่งใด? ”
“โซ่พันปี! ”
แม้ซูจิ่นซีจะไม่เคยเห็นของเช่นนี้มาก่อน ทว่าตอนนี้นางไม่แปลกใจแล้ว
จากนั้น อวิ๋นจิ่นก็เรียกอาวุธของตนซึ่งเป็นดาบแห่งจิตวิญญาณสีฟ้าอ่อนที่ทอประกายข่มขู่
ซูจิ่นซีมองปราดเดียวก็รู้ว่านั่นคือสุดยอดกระบี่จิตวิญญาณ กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ไท่หยวน เป็นอาวุธที่จิ่วหรงใช้เมื่อพันปีก่อน
ยามอยู่ต่อหน้าซูจิ่นซี อวิ๋นจิ่นไม่ปกปิดตัวตนของตนเองแม้แต่น้อย
ซูจิ่นซีมองไปที่อวิ๋นจิ่น ราวกับมองเห็นเหตุการณ์เมื่อพันปีก่อนที่นางต่อสู้เคียงข้างจิ่วหรง ท่าทางของซูจิ่นซีดูเหม่อลอย แม้ศัตรูกำลังบุกมาตรงหน้าก็ยังไม่รู้สึกตัว จนอวิ๋นจิ่นพานางหมุนเป็นวงกลมและหยุดลงอีกครั้ง นางจึงกลับมาได้สติ ก่อนจะเรียกกระบี่เฟิ่งอวี่ออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้น และประจันหน้ากับศัตรู
ราชาเฮยซาหู่ผู้นำแห่งแดนปีศาจ ยมทูตกุ่ยซาผู้นำแห่งแดนวิญญาณ จอมมารนรกเก้าขุมผู้นำแห่งแดนมาร ซึ่งเมื่อครู่ยังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทว่าเวลานี้กลับร่วมมือกับศัตรูเพื่อจัดการซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่น
เมื่อจอมมารนรกเก้าขุมเห็นกระบี่เฟิ่งอวี่ในมือของซูจิ่นซีดวงตาของเขาพลันเปล่งประกาย “เจ้ากับซีหวังมู่แห่งเขาคุนหลุนมีความเกี่ยวข้องอันใดกัน? ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว พลางเหลือบมองกระบี่เฟิ่งอวี่ในมือตนเอง จากนั้นจึงแย้มยิ้มและพูดว่า “ทำไม? กลัวหรือ? ”
ยมทูตกุ่ยซาเห็นเบาะแสบางอย่างจากอาวุธ “เจ้าเป็นคนของเขาคุนหลุนหรือ? ”
ซูจิ่นซีมีท่าทีเฉยเมย “วันนี้ ข้าสองคนหาได้มีเจตนารุกรานโลกเขตแดน สาเหตุที่บุกเข้ามาในโลกเขตแดน เพราะต้องการป้ายคำสั่งของท่านผู้นำทั้งสามเพื่อข้ามแม่น้ำฉางซือ ผู้นำดินแดนโปรดมอบให้ด้วยใจเอื้อเฟื้อ”
ราชาเฮยซาหู่หรี่ตาลง “อันใดกัน? พวกเจ้าต้องการไปที่ทะเลอู๋ว่างหรือ? ”
ทะเลอู๋ว่างไม่ใช่สถานที่ดีอันใด คนที่คิดจะไปทะเลอู๋ว่าง ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา
จอมมารนรกเก้าขุมหรี่ตา “พวกเจ้าต้องการไปทำอันใดที่ทะเลอู๋ว่าง? ”
“เรื่องนี้ ท่านผู้นำอย่าได้กังวล เพียงท่านผู้นำมอบป้ายคำสั่งให้พวกเราก็พอ!”
ยมทูตกุ่ยซาแย้มยิ้มเล็กน้อย “วาจาสามหาว ป้ายคำสั่งนี้ เจ้าคิดว่าเพียงเจ้าต้องการ ข้าก็ต้องให้เจ้าทันทีหรือ? พวกเจ้าเห็นโลกเขตแดนเป็นสถานที่เช่นไร? ”
ซูจิ่นซียกกระบี่เฟิ่งอวี่ในมือขึ้น แสงสีแดงและสีฟ้าโดยรอบกระบี่ค่อยๆ ทอประกายเจิดจ้า
“เช่นนั้นคงต้องลงมือ! พวกเราเข้ามาในโลกเขตแดนแล้ว ย่อมต้องนำป้ายคำสั่งมาให้ได้ หากท่านผู้นำทั้งสามไม่เต็มใจ คงต้องเสียเลือดกันแล้ว”
เมื่อราชาเฮยซาหู่เห็นลำแสงทั้งสองเส้นบนกระบี่เฟิ่งอวี่ที่อยู่ในมือของซูจิ่นซี ดวงตาของเขาพลันเปล่งประกาย ทั้งยังเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น “พลังหินเซิ่งอวิ๋นและแสงแห่งเงามืด พวกเจ้าครอบครองหินเซิ่งอวิ๋นหรือ? พวกเจ้าเอามาได้อย่างไร? พวกเจ้าเป็นใครกันแน่? ”
ต้องทราบก่อนว่า เขาส่งคนไปโจมตีเผ่าอวิ๋นหุนหลายครั้ง ทว่าไม่สำเร็จ แม้เผ่าอวิ๋นหุนจะอ่อนแอ แต่พลังกลับแข็งแกร่ง นับเป็นกระดูกที่กร่อนยาก
เขาสูญเสียทหารไปไม่น้อยเพื่อแย่งชิงหินเซิ่งอวิ๋น ไม่คาดคิดเลยว่า สองคนนี้ใช้เวลาไม่ถึงสองวันก็ได้รับสิ่งที่เขาเฝ้าฝันมาโดยตลอด
พวกเขาเป็นใครกันแน่?