สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 24 ตอนที่ 695 คุณชายได้รับบาดเจ็บ
เมื่อซูจิ่นซีหลุดจากการขัดขวางของสัตว์เทพกิเลน รอยแยกบนท้องฟ้าที่ทอแสงสว่างก็ค่อยๆ จางหายไป
ทุกอย่างกลับสู่ความเงียบสงบราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ทว่าเวลานี้ ขาดคนไปหนึ่งคน!
คนผู้หนึ่งหายไปจากโลกนี้ตลอดกาล!
อวิ๋นจิ่นและจิ่วหรงจะไม่กลับมาอีกแล้ว!
ซูจิ่นซีมองท้องฟ้าอันเงียบสงัด ท้องฟ้าสีคราม เมฆขาว นกโบยบิน…
บรรยากาศที่เงียบสงบ
ราวกับมีภาพเหตุการณ์ปรากฏขึ้นมาในความคิด ฉายภาพของอวิ๋นจิ่นและจิ่วหรงสลับไปมาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่พบกันครั้งแรก จิ่วหรงดูสุภาพเรียบร้อย รอยยิ้มของเขาราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ กระหม่อมอวิ๋นจิ่นแห่งสำนักหมอหลวง คำนับพระชายา
ที่นอกเมืองหลวงแคว้นจงหนิง ซูจิ่นซีและฮั่วอวี้เจียววางเดิมพันเพื่อตามหาฆาตกรที่วางยาพิษฮองเฮา โดยมีกำหนดเวลาหนึ่งเดือน เมื่อครบกำหนด ฮ่องเต้ได้นำเหล่าขุนนางและทหารมาที่ประตูเมืองด้วยองค์เอง เพื่อรอซูจิ่นซีกลับเข้าเมือง และรอดูเรื่องตลกของนาง
จิ่วหรงเหยียบนกกระเรียนเหาะลงมาจากท้องฟ้าราวกับเทพเซียน เขาบรรเทาเรื่องราวที่เกิดขึ้นแทนนาง ทั้งยังมอบของขวัญวันเกิดให้นางอีกด้วย
……
รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา และเรื่องราวในสามชาติสามภพที่พัวพันกัน
ซูจิ่นซีคุกเข่าลงบนพื้น พลางยกมือกุมศีรษะและส่งเสียงร่ำร้องด้วยความเจ็บปวด
นางไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด นางจึงเศร้าโศกถึงเพียงนี้
นางเพียงรู้สึกว่าหัวใจของตนเจ็บปวดอย่างมาก! ราวกับมีบางอย่างกดทับที่หน้าอก ทำให้นางหายใจไม่ออก
ทิวเขาและป่าไม้โดยรอบเงียบสงัด สายน้ำไหลเอื่อยอย่างสงบ ท่ามกลางพื้นที่เปิดโล่ง ได้ยินเพียงเสียงร้องไห้และเสียงหัวใจเต้นแรงของซูจิ่นซี
ตั้งแต่เด็กจนโต ซูจิ่นซีไม่เคยร้องไห้เช่นนี้ นางไม่เคยร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกเช่นนี้มาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ข้ามมิติเวลามา นางยอมเสียเลือดเนื้อมากกว่าต้องร้องไห้ ทั้งนางยังไม่ยอมปล่อยให้ตนเองร้องไห้
ทว่าคราวนี้ นางควบคุมตนเองไม่ได้จริงๆ
สัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกน้อยค่อยๆ เดินไปยังข้างกายซูจิ่นซี พวกมันประคองร่างของซูจิ่นซีทั้งซ้ายและขวา ราวกับกำลังร่วมแบ่งเบาภาระและแบ่งปันความเศร้าโศกเหล่านี้ร่วมกับซูจิ่นซี
……
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ลมกระโชกแรงจนใบไม้ในป่าข้างทางปะทะกันเป็นเสียงดังกรอบแกรบ แสงแดดอันอบอุ่นยามบ่ายส่องกระทบร่างของสัตว์เทพรับใช้ทั้งสอง ราวกับว่าพวกมันถูกชุบด้วยชั้นแสงสีทอง
มืองดงามเรียวยาวที่เห็นข้อต่อได้อย่างชัดเจนค่อยๆ ยื่นออกมาจากแสงสีทอง และตบลงบนไหล่ของซูจิ่นซีที่กำลังเศร้าโศกเสียใจ
“…”
ซูจิ่นซีไม่มีการตอบสนอง มือนั้นจึงตบลงบนไหล่ของนางต่อไป
“…”
ซูจิ่นซียังคงไม่ตอบสนอง
มือนั้นยังตบไหล่ของนางอย่างต่อเนื่อง
……
ในที่สุด ซูจิ่นซีก็ขยับไหล่ นางพูดด้วยเสียงตะกุกตะกักว่า “เจ้ากิเลน อย่าวุ่นวาย! ข้ากำลังเสียใจอย่างมาก หัวใจของข้าเจ็บปวดยิ่งนัก! ”
“เด็กโง่ หากเจ้ายังร้องไห้ต่อไป! น้ำตาของเจ้าคงทำให้หัวใจของอาจารย์แตกสลายแล้ว! ”
ซูจิ่นซีหยุดร้องไห้ในทันที ร่างกายของนางแข็งทื่ออยู่นาน ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา ท่ามกลางแสงสีทองที่สาดส่อง ดวงตาพร่ามัวของนางจ้องมองไปยังร่างสีขาวดั่งหิมะที่ราวกับเทพเซียน
รูปลักษณ์ยังคงสง่างามดังเดิม คิ้วงดงามโก่งดั่งคันศร
ซูจิ่นซีตกตะลึงไปชั่วครู่
หลังจากนั้นจึงประคองสัตว์เทพกิเลนด้วยมือที่สั่นเทา พลางยกยิ้มขบขันตนเอง ทว่าน้ำตากลับไหลลงมาอย่างควบคุมไม่ได้
“สัตว์เทพกิเลน เหมือนข้าจะเห็นอวิ๋นจิ่น! ฮ่า ฮ่า… ข้าต้องดูผิดไปแน่ๆ ! ”
“โฮก… ”
“จี๊ด… จี๊ด… จี๊ด… ”
สัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสีส่งเสียงออกมาพร้อมกัน ทันใดนั้น พวกมันก็กระโดดขึ้นไปท่ามกลางแสงสีทองที่สาดส่องลงมา
ท่ามกลางแสงนั้น พวกมันเปรียบเสมือนปลาดุกที่แขวนอยู่บนร่างของบุคคลที่ราวกับเทพเซียน พวกมันถูไถลูบไล้ตามอำเภอใจ ทั้งยังดีดดิ้นออดอ้อนต่างๆ นานา
ภาพเหตุการณ์นี้ช่างสวยงามและดูกลมกลืน
ซูจิ่นซีจ้องมองอยู่ด้านนอกลำแสงนั้นด้วยดวงตาเศร้าโศก นางไม่กล้าแม้แต่กะพริบตา เพราะเกรงว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าจะกลายเป็นความว่างเปล่า
น้ำตายังคงไหลอาบแก้มของนางอย่างต่อเนื่อง
ผู้ที่อยู่ท่ามกลางรัศมีสีทองมองมาที่ซูจิ่นซีครู่หนึ่งหลังจากจัดการกับสัตว์เลี้ยงน่ารักทั้งสองแล้ว เขาก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากแขนเสื้อ และเดินอย่างเชื่องช้ามายังข้างกายซูจิ่นซีที่อยู่ท่ามกลางหญ้าสีเขียวซึ่งอาบแสงอันอบอุ่นยามบ่าย
เขาคุกเข่าลงและเช็ดน้ำตาบนใบหน้าให้ซูจิ่นซี
ดูเหมือนน้ำตาของซูจิ่นซีจะไม่ยอมหยุดไหล ทันทีที่เช็ดน้ำตาออก น้ำตาก็ไหลออกมาราวกับน้ำพุ
อวิ๋นจิ่นยังคงมีท่าทีจริงจัง เขาเช็ดน้ำตาให้นางด้วยความอดทน
มือของซูจิ่นซีสั่นเทา นางค่อยๆ จับข้อมือของอวิ๋นจิ่น ร่างของอวิ๋นจิ่นพลันแข็งทื่ออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“อวิ๋นจิ่น บอกข้ามา มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่? สิ่งที่ข้าเห็นเป็นความจริงหรือไม่? เจ้ายังไม่ตายใช่หรือไม่? ”
อวิ๋นจิ่นยังคงเช็ดน้ำตาให้ซูจิ่นซี ในขณะเดียวกันก็แย้มยิ้มให้นางอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มที่งดงามดั่งดอกไห่ถังนั้น เป็นรอยยิ้มที่มีให้ซูจิ่นซีโดยเฉพาะ
“พระชายาโปรดอภัย! กระหม่อมไม่เป็นอันใด ทำให้พระชายาเป็นกังวลแล้ว”
มือของซูจิ่นซีที่วางอยู่บนแขนของอวิ๋นจิ่นชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะดึงกลับมาอย่างเชื่องช้า
ซูจิ่นซีหลบตา หลีกเลี่ยงไม่มองไปที่อวิ๋นจิ่น พยายามกลั้นน้ำตาของตนเองไว้ไม่ให้ร้องไห้ออกมา
ผ่านไปครู่หนึ่ง ซูจิ่นซีจึงสงบลง นางพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อควบคุมอารมณ์และลมหายใจให้เป็นปกติ
“ไม่เป็นอันใดก็ดี! ข้าคิดว่า… ” ซูจิ่นซีหยุดชะงัก และถามกลับไปว่า “เจ้าออกมาได้อย่างไร”
อวิ๋นจิ่นครุ่นคิด “กระหม่อมก็ไม่เข้าใจเช่นกัน เมื่อครู่ กระหม่อมใช้พลังเปิดท้องฟ้าของโลกเขตแดน และปล่อยให้พระองค์ออกมา ในเหตุการณ์นั้น กระหม่อมต้องตายเป็นแน่ ทว่าตอนที่ท้องฟ้ากำลังจะปิด จู่ๆ ก็มีพลังแปลกประหลาดผลักกระหม่อมออกมาอยู่ที่นี่”
อวิ๋นจิ่นพูดพลางยื่นขวดแก้วขวดหนึ่งให้ซูจิ่นซี “หลังจากออกมา กระหม่อมก็มีของสิ่งนี้เพิ่มขึ้นมาบนตัว! ”
ซูจิ่นซีมองเพียงครั้งเดียวก็รู้ว่าขวดแก้วนั้นบรรจุยาที่นางทิ้งไว้ให้อวิ๋นอี้ตอนแยกจากกัน
หลังจากบรรจุยารักษาลงในขวดแก้ว นางก็ทิ้งขวดยาให้อวิ๋นอี้
หรือว่า… อวิ๋นอี้จะช่วยเหลืออวิ๋นจิ่น?
ซูจิ่นซีรับขวดยามาเปิดดู
นางพบว่ายาเม็ดที่อยู่ภายในได้หายไปแล้ว ทั้งยังมีหญ้าลืมรักเพิ่มขึ้นมา
ซูจิ่นซีเข้าใจความหมายของอวิ๋นอี้ทันที
อวิ๋นอี้ไม่เพียงช่วยอวิ๋นจิ่น ทว่ายังใช้วิธีนี้เตือนสตินาง ไม่ให้ลืมข้อตกลงระหว่างพวกเขา
ภายใต้สถานการณ์เมื่อครู่ กระทั่งอวิ๋นจิ่นยังไร้หนทาง มีเพียงความตายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทว่าอวิ๋นอี้กลับช่วยอวิ๋นจิ่นโดยไม่ให้เขารู้ตัว
ดูเหมือนว่า ระดับการฝึกตนของอวิ๋นอี้จะสูงกว่าอวิ๋นจิ่น
เขาคือใครกันแน่?
อย่างไรก็ตาม ต่อให้คิดเรื่องเหล่านี้อย่างละเอียดก็ไร้ประโยชน์
ซูจิ่นซีจึงตัดสินใจไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก
แม้อวิ๋นจิ่นจะสงสัยว่าซูจิ่นซีรู้ว่าผู้ใดที่ช่วยเขา ทว่าเมื่อซูจิ่นซีไม่ต้องการพูดถึง อวิ๋นจิ่นจึงไม่เอ่ยปากถาม
เขามอบป้ายคำสั่งข้ามแม่น้ำฉางซือให้ซูจิ่นซี
“พระชายา พวกเราต้องรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด และไปยังแม่น้ำฉางซือ! เหลือเวลาไม่มากแล้ว ตอนนี้พวกเรายังอยู่ที่เขาเมฆา เขาเมฆามีพลังหยินรุนแรง หากอยู่ที่นี่นานย่อมไม่เป็นผลดี”
“ตกลง! ”
ซูจิ่นซีพยักหน้า จากนั้นจึงหันหลังเดินไปทางแม่น้ำฉางซือ
สัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสีเดินอยู่ตรงกลางระหว่างซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่น
เมื่อรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ สัตว์เทพทั้งสองจึงหันศีรษะมาพร้อมกัน พวกมันเห็นใบหน้าซีดขาวของอวิ๋นจิ่น และเลือดที่ไหลออกมาจากแขนเสื้อตลอดเวลา
ท่าทางของสัตว์เทพทั้งสองเปลี่ยนไปในทันที
คุณชายได้รับบาดเจ็บ!
ทั้งยังบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย!!!