สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 24 ตอนที่ 709 ข้าก็มีทางเลือกให้ท่านสองทางเช่นกัน
ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปากพลางยกยิ้มเล็กน้อย ทว่าแววตาของนางกลับทอประกาย “เยี่ยโยวเหยา ท่านลองเดาดูสิว่าข้าจะเลือกอย่างไร? ”
ร่างของเยี่ยโยวเหยาสั่นไหวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ซูจิ่นซีแย้มยิ้มแผ่วเบา
“เยี่ยโยวเหยา ข้าก็มีทางเลือกให้ท่านสองทางเช่นกัน”
นางเรียนแบบคำพูดเมื่อครู่ของเยี่ยโยวเหยา
“ทางเลือกที่หนึ่ง กลับไปเป็นโยวอ๋อง รัชทายาทแห่งต้าฉิน จากนี้ไป ท่านกับข้าไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก ทางที่ดี อย่าได้พบกันอีกเลยตลอดชีวิตนี้
อีกทางเลือกหนึ่ง ตามข้าไปที่แคว้นหนานหลี กงจู่อย่างข้าจะให้ท่านได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ให้ท่านได้ปรนนิบัติอยู่ข้างกายข้า แม้จะไม่มีฐานะใดๆ แต่ข้าจะทำให้ท่านได้เพลิดเพลิน มีความสุข และรุ่งโรจน์อย่างที่บุรุษใดในใต้หล้าไม่อาจจินตนาการได้ ข้าสัญญากับท่าน ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น ชีวิตนี้ ข้าจะมีท่านเพียงผู้เดียว และจะไม่มีวันแต่งงานอีก”
ในทางกลับกัน เอาใจเขามาใส่ใจเรา เยี่ยโยวเหยาจะเลือกอย่างไร?
ซูจิ่นซีช่างบังอาจ กล้าตั้งปัญหาที่ไม่อาจตัดสินใจได้ต่อหน้าเยี่ยโยวเหยา ทั้งยังให้เยี่ยโยวเหยาเลือกอีก
เยี่ยโยวเหยาตกใจเล็กน้อย ทว่าในไม่ช้า แววตาของเขาก็ปรากฏความเย็นชา บรรยากาศรอบตัวเย็นยะเยือกและน่ากลัวอย่างมาก
ทันใดนั้น เขาก็ก้าวไปหาซูจิ่นซีหนึ่งก้าว
ระยะห่างระหว่างทั้งสองใกล้กันมากขึ้น ส่วนซูจิ่นซีก็ถูกเขาบังคับให้ถอยหลังไปหนึ่งก้าว
เยี่ยโยวเหยาก้าวไปข้างหน้า ซูจิ่นซีก้าวถอยหลัง เยี่ยโยวเหยาก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว ซูจิ่นซีถอยหลังอีกก้าว
จนกระทั่งเขาบังคับให้ซูจิ่นซีเดินไปถึงขอบหน้าผา ไม่มีทางให้หนีอีกแล้ว เมื่อนางเกือบตกหน้าผา เยี่ยโยวเหยาก็คว้าเอวของซูจิ่นซี และโน้มตัวลงไปดึงร่างของนางไว้
ด้านหลังเป็นเหวลึกที่ปกคลุมไปด้วยทะเลหมอก ไกลออกไปคือท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยสีสันสดใส
“ซูจิ่นซี เจ้าช่างกล้ายิ่งนัก! ผู้ใดบังอาจให้เจ้ามาข่มขู่ข้า? ไม่เจอกันหลายเดือน เจ้าไปกินดีเสือดาวมาหรืออย่างไร?
ยังจะแต่งงานอีกครั้งหรือ?
เจ้าคิดจะแต่งงานกับผู้ใด? ”
ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปาก นางกำลังจะเอ่ยปากพูด ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับแย่งพูดขึ้นก่อน
“อย่าแม้แต่จะคิดเรื่องแต่งงานใหม่! ”
ดวงตางดงามของซูจิ่นซีมองเข้าไปในดวงตาเคร่งขรึมของเยี่ยโยวเหยาอย่างลึกซึ้ง
“เยี่ยโยวเหยา เช่นนั้นท่านว่า พวกเราควรทำอย่างไร? พวกเราจะเอาชนะความบาดหมางฝังลึกเช่นนี้ไปได้อย่างไร? ”
นอกจากนางไม่ต้องการเป็นกงจู่ นอกจากเขาไม่ต้องการเป็นรัชทายาท และไม่ต้องการครอบครองใต้หล้า
“ซูจิ่นซี กงจู่แห่งแคว้นหนานหลีมีความสำคัญกับเจ้าถึงเพียงนั้นเชียวหรือ? ”
ซูจิ่นซีสนใจเรื่องเหล่านี้ที่ใดกัน?
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเยี่ยโยวเหยา นางไม่ต้องการอ่อนแอ และไม่ต้องการก้มหัวให้เท่านั้น
“เยี่ยโยวเหยา ท่านคิดเห็นอย่างไร? ”
“ซูจิ่นซี ขอต้องการเพียงเจ้า ใต้หล้านี้ ข้าให้เจ้าได้ทั้งหมด! เหตุใดเจ้าจึงต้องการตำแหน่งกงจู่เล็กๆ นี้ด้วย! ”
“จริงหรือ? ”
“จริง! ”
“เยี่ยโยวเหยา ข้าไม่ต้องการใต้หล้า ข้าต้องการเพียงท่าน! ชั่วชีวิตนี้ ข้าต้องการท่านเพียงผู้เดียวเท่านั้น! ท่านไม่เป็นโยวอ๋องแห่งแคว้นจงหนิง ไม่เป็นรัชทายาทแห่งราชวงศ์ต้าฉิน ไม่ต้องการครอบครองใต้หล้าได้หรือไม่? พวกเราไปเมืองเหยาเฉิงด้วยกันเถิด ไปที่เขาคุนหลุน แผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาล ต้องมีที่ให้ท่านและข้าซ่อนตัวอย่างแน่นอน พวกเราไม่สนใจเรื่องทางโลกได้หรือไม่? ”
ดวงตาสดใสของซูจิ่นซีเต็มไปด้วยความคาดหวัง ดั่งทะเลดาวที่ล้อมรอบดวงตาดำขลับลึกซึ้งของเยี่ยโยวเหยา โอบอุ้มหัวใจของเยี่ยโยวเหยา
เยี่ยโยวเหยาพูดอย่างไม่ลังเล “ตกลง! ”
ทว่าหลังจากที่เยี่ยโยวเหยาพูดคำว่า ‘ตกลง’ ออกมา ทั้งสองก็ไม่พูดอันใดอีก เพียงจ้องมองอีกฝ่าย ก่อนจะหันหน้าเข้าหาแสงตะวัน หันหน้าสู่หุบเหวนรกที่อยู่ด้านหลัง และจ้องเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย
ในโลกนี้ ไม่มีผู้ใดรู้จักกันและกันดีเท่าพวกเขาอีกแล้ว พวกเขารู้ดีว่าต้องการสิ่งใดในชีวิต
ซูจิ่นซีไม่เคยละโมบในอำนาจและยศถาบรรดาศักดิ์ ทว่าเยี่ยโยวเหยาไม่ต้องการเช่นนั้นหรือ?
ซูจิ่นซีเข้าใจเป็นอย่างดี เยี่ยโยวเหยาไม่เพียงต้องการครอบครองใต้หล้า แต่เขาต้องการมากกว่านั้น!
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่เคยนึกถึงตนเอง ไม่เคยแม้แต่น้อย
เขาต้องการให้ใต้หล้าสงบสุข ปราศจากสงครามตลอดไป
เขาต้องการให้แผ่นดินที่ถูกแบ่งแยก กลับมารวมกันอีกครั้ง รวมเป็นหนึ่งเดียว และไร้ซึ่งความขัดแย้ง
เขาต้องการให้ตนเองมีครอบครัวที่สมบูรณ์และมั่นคง เช่นเดียวกับครอบครัวที่สมบูรณ์ของผู้คนมากมาย บนโลกใบนี้จะไม่มีเด็กกำพร้าพลัดถิ่นอีกต่อไป ในแผ่นดินนี้จะไม่มีความทุกข์ยากลำบาก ไม่มีคนเร่ร่อนไร้ที่อยู่อีกต่อไป
สิ่งที่เขาต้องการ ซูจิ่นซีเข้าใจเป็นอย่างดี
ดังนั้นพวกเขาต่างรู้ดี คำตอบของอีกฝ่ายตรงไปตรงมาอย่างมาก ทว่าหากต้องการทำให้เป็นจริง ย่อมยากและอันตรายหลายร้อยหลายพันเท่า
“ซูจิ่นซี… ”
เยี่ยโยวเหยามองซูจิ่นซีด้วยแววตาลึกซึ้งเสน่หา พลางยกมือลูบแก้มซูจิ่นซี เขาต้องการพูดบางอย่าง ทว่าพูดไม่ออก
“เยี่ยโยวเหยา! ”
“ข้าอยู่นี่! ”
“ท่านกลัวตายหรือไม่? ”
ก่อนที่เยี่ยโยวเหยาจะตอบ ซูจิ่นซีก็คว้าเสื้อของเยี่ยโยวเหยา และดึงร่างของเยี่ยโยวเหยาให้ตกลงไปในเหวลึกด้านหลัง!
“เยี่ยโยวเหยา หากชีวิตนี้ข้ากับท่านไม่อาจอยู่ด้วยกันได้ หากท่านกับข้าถูกลิขิตให้ต้องแยกจาก เช่นนั้น ข้าก็อยากสัมผัสว่าการตายร่วมกับท่านมันเป็นอย่างไร! ”
“ท่านอ๋อง… พระชายา… ”
“ท่านอ๋อง… ”
“กงจู่… ”
“จิ่นซี… ”
ทุกคนต่างตกตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
ทว่าทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พวกเขาไม่ทันได้ตอบสนอง และไม่มีโอกาสขัดขวาง
พวกเขาทำได้เพียงนอนราบลงบนขอบหน้าผา และมองดูเงาร่างของซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาเล็กลงเรื่อยๆ ท่ามกลางทะเลหมอกที่หนาทึบ ในที่สุดพวกเขาก็หายไป
“นี่มันเกิดอันใดขึ้น? ” มู่หรงอ้าวเทียนตะโกนถามกองทัพสกุลหลานที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
หลานเสวียนหมิงใบหน้าซีดขาวด้วยความตกใจ “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน! ”
มู่หรงฉีขมวดคิ้วแน่น “แม่ทัพใหญ่หลาน เมื่อครู่ตอนที่อยู่ขอบหน้าผา น้องหญิงและโยวอ๋องพูดอันใดกัน? ”
เขารู้สึกว่าเยี่ยโยวเหยาต้องพูดสิ่งใดที่ไม่ควรพูด จนทำให้ซูจิ่นซีโกรธเคือง
ซูจิ่นซีเป็นผู้ดึงเยี่ยโยวเหยาให้กระโดดลงจากหน้าผา เขาเห็นอย่างชัดเจน
ทว่าจากวรยุทธ์ของเยี่ยโยวเหยา หากเขาไม่เต็มใจ ต่อให้วรยุทธ์ของซูจิ่นซีจะสูงเพียงใด นางก็ไม่มีทางลากเขาไปตายได้กระมัง?
หน้าผาลึกราวหมื่นจั้ง ต่อให้เป็นผู้ที่มีวรยุทธ์ยอดเยี่ยม หากตกลงไปก็ต้องตายอย่างแน่นอน
ยิ่งมองไปที่หน้าผา ใบหน้าของหลานเสวียนหมิงก็ยิ่งซีดขาว กระทั่งขาของเขายังสั่นสะท้าน
“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน! ”
“เจ้าอยู่ใกล้สองคนนั้นมากที่สุด เหตุใดจึงไม่ได้ยิน? ”
ในเวลานี้ หลานเสวียนหมิงไม่คิดปิดบังอันใดเพื่อหลอกลวงอีกฝ่าย
“ข้าไม่ได้ยินอันใดเลยจริงๆ แม้จะอยู่ใกล้ ทว่าเสียงของท่านอ๋องและพระชายาเบามาก ทั้งพวกเขายังใช้วิธีพูดโดยไม่ขยับปากอีกด้วย”
พวกเขาจงใจไม่ให้ผู้อื่นได้ยิน
เมืองหม่านเยวี่ยเป็นแนวป้องกันสุดท้ายระหว่างแคว้นหนานหลีกับแคว้นจงหนิง มีท่านเจ้าเมืองคอยดูแลความเรียบร้อย และมีมู่หรงอ้าวเทียนเป็นผู้บัญชาการที่ปกป้องเมืองนี้
ในฐานะที่ซูจิ่นซีเป็นกงจู่พระองค์เดียวของแคว้นหนานหลี หากเกิดเรื่องขึ้นที่นี่ พวกเขาทั้งสองคงไม่อาจผลักความรับผิดชอบนี้ไปได้ แม้มู่หรงอ้าวเทียนจะเป็นคนของสกุลมู่หรงก็ตาม
เจ้าเมืองหม่านเยวี่ยรู้สึกว่าศีรษะของตนคงหลุดออกจากบ่าแน่แล้ว
เขาถามมู่หรงฉีด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ฉีอ๋อง ตอนนี้พวกเรา… ควรทำอย่างไรดี? ”
เขารู้สึกว่า หากซูจิ่นซีตาย ร่างกายของนางคงแหลกละเอียด ความหมายของเขาคือ ต้องรายงานเรื่องนี้กลับไปที่เมืองเย่หลินหรือไม่