สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 25 ตอนที่ 721 เจ้ากับข้าเป็นคู่ที่เหมาะสม
ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่า สิ่งที่ซูจิ่นซีสามารถมอบให้อู๋จุนได้มีเพียงกำปั้นเท่านั้น
ซูจิ่นซีซัดกำปั้นไปที่ต้นคอของอู๋จุนอย่างแรง
“เจ้าจะพูดหรือไม่? อย่าทำให้ข้าเสียเวลา! ”
“แม่นางพิษน้อย เจ้ากับข้าเป็นคู่ที่เหมาะสมที่สุด! ”
ซูจิ่นซีกระตุกมุมปากพลางกัดฟันกรอด “พูดออกมา! ”
อู๋จุนยังคงหัวเราะอย่างสุขใจ ก่อนจะบอกเรื่องทุกอย่างที่เขารู้ให้ซูจิ่นซีฟังตั้งแต่ต้นจนจบ
“ทองอมฤตเป็นแร่ล้ำค่าชนิดหนึ่งอยู่บนเขาคุนหลุนสามารถช่วยในการฝึกตน ทว่าลักษณะเป็นอย่างไรนั้น พี่จุนไม่เคยเห็น
ไม้อมฤต เป็นไม้ที่เติบโตในป่าไม้ไม่หวนกลับในแคว้นไหวเจียงและมีพิษร้ายแรง
น้ำอมฤต! เจ้าเคยเห็นสิ่งนี้มาแล้ว มันคือน้ำจากสระอู๋ฉิงของตำหนักเสวียนปิงแห่งวังตงไห่ติงเทียน ความจริงแล้ว ตัวของมันไม่มีประโยชน์อันใด ไม่แตกต่างจากน้ำธรรมดา แต่เมื่อผสมกับสิ่งล้ำค่าทั้งสี่แล้วจะได้ผลลัพธ์ที่ต่างออกไป”
ซูจิ่นซีนิ่งเงียบไม่รบกวน อู๋จุนจึงพูดต่อ
“ส่วนไฟอมฤต เป็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์เหนือตำหนักเทพหวงอินบนยอดเขาหลิงอวิ๋น ได้ยินมาว่าเมื่อสองพันปีก่อน มันถูกใช้ในการเปิดประตูแคว้นจิ้นโหลวเพื่อติดต่อกับโลกภายนอก ทั้งยังมีคนจากเผ่าสวรรค์ปกป้อง ทว่าหลายปีที่ผ่านมา แคว้นจิ้นโหลวในตอนนั้นไม่มีอีกต่อไปแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่ายังมีเพลิงศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตำหนักเทพหวงอินหรือไม่นั้น ข้ามิอาจรู้ได้”
ซูจิ่นซีคุ้นเคยกับยอดเขาหลิงอวิ๋นและแคว้นจิ้นโหลวเป็นอย่างดี เนื่องจากนางเพิ่งไปเยือนมาเมื่อไม่กี่วันก่อน
ทว่าหลังจากวันที่จิ่วหรงได้ลบความทรงจำของนาง ทำให้ตอนนี้ซูจิ่นซีจำไม่ได้แล้ว
นางค่อยๆ หรี่ตาลง “ข้ารู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่ทั้งสองแห่งนี้มาก เหมือนเคยได้ยินมาก่อน มันอยู่ที่ใด? ”
“อยู่ที่ใดนั้น พี่จุนไม่รู้! ทว่าหากต้องการตามหา สามารถตามหาได้อย่างแน่นอน! ”
ซูจิ่นซีพยักหน้าเห็นด้วย
“ดินอมฤตคือสิ่งใด? ”
“ดินอมฤตยังเป็นที่รู้จักกันในนามจ้าวแห่งพิษ เป็นดินที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในแผ่นดิน ยากที่จะระบุตำแหน่งที่แน่นอนได้ ทว่าสิ่งที่มีพิษร้ายกาจเช่นนี้ ต้องไปตามหาที่แคว้นไหวเจียงไม่ผิดแน่นอน”
ซูจิ่นซีครุ่นคิดครู่หนึ่ง นางยังมีข้อสงสัยบางอย่างต้องการถามอู๋จุน “เจ้ารู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร? นอกจากนั้น เจ้าจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เจ้าพูดนั้นถูกต้อง? ”
อย่างไรเสีย เรื่องราวที่ไม่มีผู้ใดรู้ ไม่มีหลักฐานยืนยันตรวจสอบ จริงหรือเท็จก็ยากจะตัดสิน
นางไม่มีเวลามาก หากพบข้อผิดพลาดจะทำให้ล่าช้าอย่างมาก
อู๋จุนยังคงแย้มยิ้ม เขาไม่โกรธที่ซูจิ่นซีตั้งข้อสงสัยและตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมา
“แหะ แหะ แม่นางพิษน้อย เจ้าไม่ดูเลยหรือว่าพี่จุนเป็นผู้ใด? ”
เขาพูดพลางพลิกฝ่ามือ เจ้าหมูน้อยพลันปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา
“หรือว่า เรื่องนี้มันยากสำหรับพี่จุนอย่างข้า? ”
ซูจิ่นซีเข้าใจในทันที อู๋จุนเป็นคนของสำนักถังเหมิน!
นอกจากสำนักถังเหมินจะเก่งเรื่องวิชาพิษแล้ว ยังชำนาญเรื่องอาวุธลับและกลไกอีกด้วย
นอกจากนั้น สิ่งของอย่างอาคมกำไลปี่อั้น ยังเป็นสิ่งของประเภทหนึ่งในการพัฒนาของสำนักถังเหมิน
อมฤตทั้งห้าเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ในการสร้างเครื่องมือกลไกที่ล้ำค่าของแผ่นดิน
ในฐานะที่สำนักถังเหมินเป็นสำนักอันดับหนึ่งของแผ่นดิน พวกเขาต้องไม่ละเลยสิ่งเหล่านี้อย่างแน่นอน
ดังนั้น นางไม่ควรสงสัยคำพูดของอู๋จุน
เมื่อเข้าใจจุดนี้ดีแล้ว ซูจิ่นซีจึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอีก นางพูดต่อไปว่า “ขอบคุณเจ้ามาก! ”
จากนั้น ซูจิ่นซีก็หันหลังเดินออกไป
อู๋จุนจับมือซูจิ่นซี “แม่นางพิษน้อย เจ้าจะไปอย่างนี้เลยหรือ? ”
ซูจิ่นซีหันหลังกลับมาพลางขมวดคิ้ว “แล้วจะให้ทำอย่างไร? ”
อู๋จุนเหยียดร่างกายมายังเบื้องหน้าของซูจิ่นซี และเปิดรอยแผลที่เกิดขึ้นทั่วร่างกายของเขา
“แม่นางพิษน้อย เจ้าดูสิ พี่จุนกลายเป็นแบบนี้ เจ้าต้องรับผิดชอบพี่จุน! ”
ซูจิ่นซีพูดอย่างไม่เกรงใจ “ท่านเทพโอสถผู้ยิ่งใหญ่ เกรงว่าท่านจะเข้าใจผิดแล้วกระมัง? รอยแผลเหล่านี้บนร่างกายท่าน ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับพระชายาอย่างข้าแม้แต่น้อย ท่านควรไปหาเยี่ยโยวเหยา ให้เขารับผิดชอบ ไม่ใช่ข้า! ”
นางพูดพลางดึงมือตนเองออกจากมือของอู๋จุนอย่างรวดเร็ว
จากนั้นจึงเปิดประตูเดินออกไป
อู๋จุนมองแผ่นหลังของซูจิ่นซีที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ ดวงตางดงามภายใต้หน้ากากเย็นชาพลันหรี่ลง
จนกระทั่งซูจิ่นซีเดินจากไปไกลจนมองไม่เห็นแผ่นหลังของนางอีกแล้ว อู๋จุนก็ยังคงหัวเราะฮิ ฮิ และนอนยกขาไขว้กันอยู่บนเตียง
วางมาดราวกับเป็นลูกพี่ใหญ่
“ลวี่หลี ข้ากระหายน้ำแล้ว! ”
ลวี่หลียื่นน้ำให้เขา
“ลวี่หลี ข้าหิวแล้ว! ”
ลวี่หลียื่นของว่างมาให้
“ลวี่หลี ข้าเจ็บไหล่ เจ้าบีบนวดให้หน่อย! ”
‘ตุบ’
ลวี่หลีวางกาน้ำชาลงบนโต๊ะอย่างแรง และจ้องมองอู๋จุนด้วยดวงตาเปล่งประกาย
“ท่านเทพโอสถผู้ยิ่งใหญ่ โปรดยกโทษให้ข้าน้อยที่ไม่อาจปรนนิบัติท่านได้ ที่นี่คือจวนโยวอ๋อง หากท่านต้องการบ่าวเพื่อปรนนิบัติรับใช้ ท่านโปรดกลับไปที่หุบเขาเทพโอสถของท่านเถิด! ”
ทันทีที่พูดจบ ลวี่หลีก็เดินออกจากประตูไปด้วยความขุ่นเคือง โดยไม่รอให้อู๋จุนได้ตอบโต้
อู๋จุนมองท่าทางที่เหมือนกันของลวี่หลีและซูจิ่นซี ก่อนจะหัวเราะด้วยความสนใจอย่างมาก
“แม่นางพิษน้อยฝึกฝนสาวใช้ได้ไม่เหมือนผู้ใด แม้ตอนโกรธยังเหมือนแม่นางพิษน้อยไม่มีผิดเพี้ยน! ”
“เฮ้อ! ” อู๋จุนยกมือสองข้างรองศีรษะ หาท่าที่สบายที่สุดและนอนลง “แม่นางพิษน้อย เมื่อใดเจ้าจะเข้าใจถึงหัวใจของพี่จุน! ”
……
เมื่อทราบตำแหน่งที่ตั้งของอมฤตทั้งห้าแล้ว ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาจึงวางแผนตามหามัน
ทั้งสองเริ่มต้นจากสิ่งที่หาง่ายที่สุด สิ่งแรกที่พวกเขาออกไปตามหาคือน้ำอมฤต ซึ่งอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
น้ำในสระอู๋ฉิงที่ตำหนักเสวียนปิง แทบเป็นของที่วางอยู่หน้าประตูบ้าน
ขณะที่ทั้งสองกำลังจะออกเดินทาง อู๋จุนก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง
เยี่ยโยวเหยานั่งอยู่ในรถม้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ไม่มีการเคลื่อนไหวอันใด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ทั้งสองคนวิวาทกัน ซูจิ่นซีจึงเตรียมจัดการส่งอู๋จุนออกไปให้เร็วที่สุด นางรีบลงจากรถม้า
ทันทีที่อู๋จุนพบซูจิ่นซี เขาดูท่าทางอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“แหะ แหะ แม่นางพิษน้อย เจ้ากับเยี่ยโยวเหยาไปหาน้ำอมฤตก่อน ส่วนดินอมฤตมอบให้เป็นหน้าที่พี่จุน หากหาดินอมฤตพบแล้ว พี่จุนจะนำมันกลับมาให้เจ้า
นอกจากนั้น พี่จุนจะช่วยสอบถามเกี่ยวกับตำแหน่งของตำหนักเทพหวงอินบนยอดเขาหลิงอวิ๋น และหากได้ความคืบหน้าจะแจ้งให้เจ้าทราบทันที”
ตามหลักเหตุผลแล้ว หากได้รับความช่วยเหลือจากอู๋จุน พวกเขาคงตามหาอมฤตทั้งห้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทว่าซูจิ่นซีไม่ต้องการเป็นหนี้บุญคุณบุรุษอื่นนอกจากเยี่ยโยวเหยา
“ไม่จำเป็น เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องเข้ามายุ่ง ข้าและเยี่ยโยวเหยาสามารถตามหามันได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน! ”
แม้อู๋จุนจะหัวเราะแห้ง ทว่าเขาไม่ยอมให้นางปฏิเสธ “เรื่องก็ตกลงกันตามนี้ เจ้าฟังพี่จุนเถิด! ”
หลังสิ้นเสียงพูดของอู๋จุน เสียงคมชัดกังวานราวกับกระดิ่งทองแดงก็ดังขึ้นจากทางด้านบน
“ใช่ พี่จิ่นซี ท่านวางใจเถิด! เรื่องไม้อมฤตมอบให้พี่เป่าอวี้กับข้าจัดการ มีพวกเราทั้งสองคนช่วยเหลืออีกแรง ท่านก็ตัดปัญหาไปได้หลายอย่างแล้ว! ”
อู๋จุนขมวดคิ้วมุ่น “สตรีผู้นี้ตามมาได้อย่างไร? ข้าเตือนฮูหยินเตี๋ยเมิ่งแล้วว่า หากสตรีผู้นี้ตามมาอีกครั้ง ข้าจะหักขาของนางเสีย”
ทันทีที่สิ้นเสียงพูด ถังเสวี่ยก็ปรากฏตัวต่อหน้าอู๋จุน นางยกมือเท้าสะเอวและยืนพิงข้างกายอู๋จุน
“ถังเป่าอวี้ เจ้ากล้าหักขาข้าหรือ? เจ้าไปกินดีเสือดาวหัวใจหมีมาเมื่อไร? ข้าจะตีเจ้า ข้าจะตีเจ้า! เจ้าลองหักขาข้าดูสิ”
อู๋จุนหัวเราะแห้งๆ พลางยกมือจับหน้าผากอย่างทำอันใดไม่ถูก
“บ้าที่สุด ชาติที่แล้วข้าทำกรรมอันใดไว้ถึงได้เจอนางในชาตินี้”
ดูเหมือนถังเสวี่ยจะอารมณ์ดี นางซ่อนรอยยิ้มไว้ที่หางตา ทว่าไม่แสดงความเบิกบานออกมาทางสีหน้า
“ชาติก่อน เจ้าทำให้สตรีตระกูลข้าต้องขุ่นเคือง ดังนั้นจึงต้องมาพบกับข้า ถังเสวี่ย ถังเป่าอวี้ ชาตินี้ท่านหนีข้าไม่พ้นหรอก”
อู๋จุนขมวดคิ้ว “ข้าหนีไม่พ้น หลบก็ไม่ได้หรือ? ”
เขาพูดพลางหัวเราะแห้งให้ซูจิ่นซี “แม่นางพิษน้อย พี่จุนจะออกไปตามหาไม้อมฤต หากพบแล้วจะรีบกลับมาหาเจ้า ขอตัว! ”
หลังจากพูดจบ แสงสีแดงพลันกะพริบ และร่างของอู๋จุนก็หายไปทันที
ถังเสวี่ยตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะไล่ตามอู๋จุนไป “ถังเป่าอวี้ ต่อให้เจ้าหนีไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียว ก็ไม่มีทางหนีข้า ถังเสวี่ยไปได้! “