สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 25 ตอนที่ 727 มู่หรงอวิ๋นไห่หายตัวไปแล้ว
ซูจิ่นซีกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ทางเดินที่ทั้งแคบและยาวพลันเกิดแสงสว่าง พื้นที่กว้างปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพวกเขา
ภายในพื้นที่นั้น แสงและเงาทับซ้อนกัน ราวกับชั้นของผ้าโปร่งแสงผืนบางที่ซ้อนทับกัน
ภายใต้แสงที่ดูคล้ายผ้าโปร่งบาง มีสระบัวขนาดใหญ่ ทุ่งดอกบัวบานสะพรั่ง ทั้งยังมีแมลงปอจำนวนมากบินล้อเหนือทุ่งดอกบัว
ในพริบตา กลิ่นหอมของดอกบัวก็เข้มข้นขึ้น
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วด้วยความตกใจ
นี่มันเกิดอันใดขึ้น? หรือว่าเป็นภาพลวงตา?
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซียังไม่ทันคิดว่าเกิดอันใดขึ้นกับภาพเบื้องหน้า องครักษ์และองครักษ์เงาที่ติดตามพวกเขามาด้วยก็เดินไปที่ทุ่งดอกบัวอย่างเชื่องช้าราวกับต้องมนตร์สะกด
พวกเขามองตรงไปที่ทุ่งดอกบัว แม้ดวงตาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทว่าแววตากลับเลื่อนลอย เหมือนถูกใครบางคนร่ายมนตร์สะกด
เมื่อซูจิ่นซีสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ นางจึงรีบเข้าไปห้าม “อย่าไป ทั้งหมดนี้เป็นภาพมายา เป็นภาพมายา”
ทว่าพวกเขาไม่ได้ยินเสียงของซูจิ่นซีแม้แต่น้อย และดูเหมือนว่าพวกเขาไม่เห็นซูจิ่นซีด้วยซ้ำ
ท้ายที่สุด ซูจิ่นซีเพียงผู้เดียวก็มีกำลังจำกัด คนที่ต้องมนตร์สะกดมีมากเกินไป
บางคนวิ่งผ่านตัวนางไปสัมผัสดอกบัว
คนวิ่งผ่านซูจิ่นซีไป ทันทีที่เขาสัมผัสดอกบัวในสระ ผิวหนังสีแทนบนนิ้วมือก็เปลี่ยนเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น ผิวหนังที่โผล่ออกมานอกเสื้อผ้าก็กลายเป็นสีดำ
ก่อนที่คนผู้นั้นจะกลายเป็นควันสีเขียวและลอยหายไป
ใช้เวลาไม่ถึงสิบวินาที ตั้งแต่เริ่มสัมผัสดอกบัวจนกระทั่งสลายหายไป
ซูจิ่นซีอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
ทว่าตอนนี้ นอกจากนางแล้ว คนที่อยู่ข้างนางไม่มีผู้ใดมีสติเลย
แม้แต่ดวงตาของเยี่ยโยวเหยาก็มีความผิดปกติเช่นกัน เขาเดินไปทางสระบัวอย่างเชื่องช้า
ซูจิ่นซีรีบคว้าแขนของเยี่ยโยวเหยาไว้ด้วยความตกตะลึง “เยี่ยโยวเหยา ท่านเป็นอันใด? ”
เยี่ยโยวเหยาหยุดเดิน ทว่าไม่ได้หันหลังกลับมา ดวงตาของเขาเลื่อนลอยและมองตรงไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นาน เยี่ยโยวเหยาก็สลัดมือของซูจิ่นซีออกและเดินต่อไปข้างหน้า
ผู้ที่กลายเป็นควันสีเขียวมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพวกเขาสัมผัสดอกบัวแปลกประหลาดเหล่านั้น ภาพเหตุการณ์นี้ช่างน่าหวาดกลัวและแปลกประหลาด
ซูจิ่นซีไม่อาจปล่อยให้เยี่ยโยวเหยาเป็นเหมือนคนเหล่านั้น
นางจับมือเยี่ยโยวเหยาแน่น
พยายามหลายต่อหลายครั้งเพื่อปลุกเยี่ยโยวเหยาให้กลับมาได้สติ
“เยี่ยโยวเหยา ตื่น ข้าเอง จิ่นซี! เยี่ยโยวเหยาข้าเอง ซูจิ่นซี มองมาที่ข้า มองมาที่ข้าสิ ตื่นได้แล้ว! ”
ทว่าเยี่ยโยวเหยายังคงเดินไปข้างหน้า เขาไม่ได้ยินเสียงของซูจิ่นซีแม้แต่น้อย แรงฉุดรั้งไปข้างหน้ามีมากเสียจนซูจิ่นซีไม่สามารถรั้งตัวเขาไว้ได้
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วแน่น นางมองดูร่างที่หายไปในสระดอกบัว ความคิดในหัวของนางหมุนวนอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้า ซูจิ่นซีก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้ นางฉีกผ้าจากชุดของตน และผูกไว้ที่ดวงตาของเยี่ยโยวเหยา
ชั่วพริบตา เยี่ยโยวเหยาก็กลับมาเป็นคนเดิม สติสัมปชัญญะกลับคืนมา
“เกิดอันใดขึ้น? ”
แม้เยี่ยโยวเหยาจะถูกปิดตาทำให้มองไม่เห็น ทว่าซูจิ่นซียังคงส่ายศีรษะเล็กน้อยให้เยี่ยโยวเหยา
“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ดูเหมือนเราจะพบกับภาพลวงตา แต่มันไม่เหมือนภาพลวงตาเสียทีเดียว
ทุกคนเหมือนต้องมนตร์สะกดและรีบวิ่งไปที่ทุ่งดอกบัวข้างหน้า เมื่อพวกเขาสัมผัสดอกบัวเหล่านั้น ร่างก็กลายเป็นควันสีเขียวและสลายหายไป
เยี่ยโยวเหยา ท่านรู้สึกหรือไม่ว่าสถานที่ที่พวกเราอยู่ตอนนี้เป็นภาพลวงตา?
หากเป็นภาพลวงตาจริง เช่นนั้นเป็นภาพลวงตาแบบไหนกันแน่? ”
อย่างไรเสีย เยี่ยโยวเหยาก็รู้เกี่ยวกับภาพลวงตาและเขตเวทมนตร์มากกว่าซูจิ่นซี
เยี่ยโยวเหยารวบรวมสมาธิ ก่อนจะส่ายศีรษะอย่างรวดเร็ว “ข้าก็สัมผัสไม่ได้เช่นกัน! ”
แววตาของซูจิ่นซีเผยให้เห็นความผิดหวัง นางมองคนที่ลงไปยังสระบัวทีละคน “ช่วยชีวิตทุกคนก่อน เราไม่อาจปล่อยให้ทุกคนสละชีวิตโดยเปล่าประโยชน์”
ซูจิ่นซีพูดพลางเหาะขึ้นไปและร่อนลงข้างกายองครักษ์และองครักษ์เงา ก่อนจะฉีกเศษผ้าจากร่างกายของพวกเขาเพื่อนำไปปิดตา
คนที่ถูกปิดตาไม่สามารถมองเห็นแสงสว่างในสระดอกบัว สติสัมปชัญญะของพวกเขาจึงคืนกลับมาอย่างรวดเร็ว
พวกเขาช่วยซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาช่วยชีวิตคนได้มากขึ้น
ใช้เวลาไม่นานก็สามารถปิดตาทุกคนที่เหลือได้สำเร็จ
ซูจิ่นซีใช้ระบบถอนพิษและอาคมกำไลปี่อั้นเพื่อตรวจหาตำแหน่งอย่างรวดเร็ว
“ทุกคนฟังข้า สระดอกบัวและแสงสว่างเหล่านี้ทำให้หลงใหล ขอเพียงไม่มองมัน ทุกคนก็จะไม่เป็นอันใด พวกเราต้องหาทางออกให้เร็วที่สุด ทุกคนจับมือกันไว้หรือจับเสื้อผ้าของกันและกัน และติดตามข้ากับท่านอ๋องอย่างใกล้ชิด อย่าหลงทาง”
“พ่ะย่ะค่ะ! ”
ทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียง
ซูจิ่นซีมองหาทางออกอย่างละเอียด ด้วยความช่วยเหลือของเยี่ยโยวเหยา นางจึงทำลายภาพลวงตาได้อย่างรวดเร็วและพบทางออกในที่สุด
ทว่าขณะที่กำลังจะพาทุกคนเดินออกไป ซูจิ่นซีก็พบสิ่งผิดปกติบางอย่าง นางตื่นตระหนกและออกค้นหาท่ามกลางกลุ่มคน
เยี่ยโยวเหยารู้สึกถึงความผิดปกติจึงจับมือของซูจิ่นซีแน่น
“เกิดอันใดขึ้น? ”
ซูจิ่นซีพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เยี่ยโยวเหยา มู่หรงอวิ๋นไห่หายตัวไปแล้ว! ”
เยี่ยโยวเหยาเพิ่งตระหนักได้ว่า ตอนที่ช่วยกันยับยั้งกลุ่มคน เขาไม่เห็นมู่หรงอวิ๋นไห่เช่นกัน
“เขาหายไปที่ใด” ซูจิ่นซีไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น ริมฝีปากของนางสั่นเครือ ก่อนจะแสดงการคาดเดาภายในใจออกมาอย่างชัดเจน
“หรือว่า… หรือว่า เขาจะสัมผัสดอกบัวเหมือนคนพวกนั้น? ”
“ไม่ใช่แน่! ” เยี่ยโยวเหยารีบปฏิเสธแทนซูจิ่นซี
ไม่ว่าอย่างไร ในบรรดาคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ นอกจากเขาแล้ว มู่หรงอวิ๋นไห่และซูจิ่นซีนับเป็นคนที่ใกล้ชิดกันมากที่สุด
สำหรับคนที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมนั้น คนเรามักให้ความใส่ใจและสัมผัสรับรู้ได้อย่างว่องไว มากกว่าคนทั่วไปหรือสิ่งที่ไม่คุ้นเคย โดยเฉพาะสตรี
หากมู่หรงอวิ๋นไห่เดินผ่านซูจิ่นซีไปสัมผัสดอกบัวเหล่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่ซูจิ่นซีจะไม่สังเกตเห็น
อย่างไรก็ตาม เวลานี้มือของซูจิ่นซีเย็นเฉียบ
โดยเฉพาะนิ้วมือ
แม้มือจะเย็น ทว่าฝ่ามือกลับเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่เย็นยะเยือก
เยี่ยโยวเหยารู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวของซูจิ่นซี มันคือความจริง แม้นางจะพยายามปกปิดและกักเก็บความรู้สึก ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเยี่ยโยวเหยา การแสดงออกของนางกลับไร้ประโยชน์
ส่วนลึกภายในใจของซูจิ่นซี นางยังคงห่วงใยบิดาของนางอย่างมาก!
แม้ไม่เคยแสดงความใกล้ชิด แม้ไม่มีความสัมพันธ์กับซูจิ่นซี แม้เขาไม่เคยเลี้ยงดูซูจิ่นซีเลยตั้งแต่เด็ก
ทว่าความสัมพันธ์ทางสายเลือดนั้นเข้มข้นเสมอ หยั่งรากลึกในไขกระดูก และไม่มีสิ่งใดสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้
เลือดข้นกว่าน้ำ
เยี่ยโยวเหยาจับหัวไหล่ซูจิ่นซี และพูดปลอบใจนาง
“เจ้าอย่ากังวลไปเลย จากการคาดเดาของข้า เขาต้องถูกคนจากแคว้นไหวเจียงจับตัวไปแน่นอน ข้ารับประกันว่าเขาไม่ได้แตะต้องดอกบัวเหล่านั้นแน่นอน”
แม้การยืนยันจะไม่มีหลักฐานอื่นรับรอง ทว่าสิ่งที่เยี่ยโยวเหยาพูด ทำให้ซูจิ่นซีสบายใจมากขึ้น
ซูจิ่นซีพยักหน้า
เยี่ยโยวเหยาพูดอีกครั้งว่า “พาทุกคนไปยังจุดที่ปลอดภัยก่อน ข้าจะช่วยเจ้าตามหาเขาตามทางที่เราเดินผ่านมา”
ซูจิ่นซีพยักหน้าอีกครั้ง
ทั้งสองรีบพาทุกคนออกจากสระบัว เพื่อไปยังจุดที่คิดว่าปลอดภัยมากที่สุด
เยี่ยโยวเหยาจับมือซูจิ่นซี พยายามค้นหามู่หรงอวิ๋นไห่ตามเส้นทางที่เขาเดินผ่านมา ทว่าซูจิ่นซีกลับคว้ามือของเยี่ยโยวเหยาและพูดว่า
“ไม่ต้องแล้ว!”