สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 25 ตอนที่ 728 ท่านอ๋องอย่าเพิ่งเข้ามายุ่ง
“ไม่ต้องแล้ว! ”
เพราะซูจิ่นซีคาดเดาได้แล้วว่ามู่หรงอวิ๋นไห่อยู่ที่ใด
หากเขาตามพวกเราไม่ทัน เขาต้องไม่เป็นอันใดอย่างแน่นอน และเป็นไปไม่ได้ที่จะเดินตามทันกันทุกคน แต่เขากลับถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง
สิ่งนี้ไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์
เช่นนั้น สถานการณ์ที่เป็นไปได้มากที่สุดมีเพียงอย่างเดียว มู่หรงอวิ๋นไห่ถูกคนแคว้นไหวเจียงจับตัวไปแน่นอน
คนแคว้นไหวเจียงรู้ตัวแล้วว่าพวกเขาบุกรุกเข้ามาในตำหนักใต้ดิน
ในกลุ่มองครักษ์และองครักษ์เงามีคนที่เฉลียวฉลาดอยู่บ้าง ด้วยท่าทางที่ผิดปกติของซูจิ่นซี พวกเขาคาดเดาได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดอันใดขึ้น
ทันใดนั้นก็รู้สึกสันหลังเย็นวาบ
แม้แต่ใบหน้าของซูจิ่นซีก็ซีดเผือด
“เยี่ยโยวเหยา ตำหนักใต้ดินแห่งนี้อันตรายกว่าที่พวกเราคิดไว้มาก”
เนื่องจากจำนวนองครักษ์และองครักษ์เงาที่ติดตามมากับพวกเขา ล้วนอยู่ในการคำนวณของนาง
นางฝึกฝนอาคมกำไลปี่อั้นจนถึงระดับสูงสุดแล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงเสียงรอบข้าง แม้แต่เสียงลมหายใจของผู้คน เมื่อเปิดความถี่สูงสุด นางก็รับรู้ได้อย่างว่องไว
จากความเร็วของลมหายใจที่อยู่รอบบริเวณ ความหนาแน่นและความเข้มข้นของลมหายใจ ซูจิ่นซีสามารถตัดสินได้ทันทีว่ามีคนกี่คน เป็นฝ่ายพวกเขากี่คน และเป็นฝ่ายศัตรูกี่คน
ทว่าจนถึงเวลานี้ ซูจิ่นซีไม่พบสถานการณ์ผิดปกติแม้แต่น้อย และไม่พบว่ามีผู้อื่นกำลังเข้าใกล้ นอกจากคนของพวกเขาเอง
แม้แต่ตอนที่มู่หรงอวิ๋นไห่หายตัวไป นางก็ไม่พบความผิดปกติอันใด
อย่างไรก็ตาม ความจริงคือ มู่หรงอวิ๋นไห่หายตัวไปแล้ว!
มีคนลักพาตัวมู่หรงอวิ๋นไห่ไปต่อหน้าต่อตานาง ทั้งๆ ที่นางเปิดระบบแจ้งเตือนจนถึงระดับสูงสุด และเตรียมพร้อมทุกอย่างมาเป็นอย่างดี
เห็นได้ชัดว่าศัตรูแข็งแกร่งยิ่งนัก
หากเผชิญหน้ากับศัตรูประเภทนี้ ย่อมอันตรายอย่างมากแน่นอน
เยี่ยโยวเหยาราวกับสัมผัสได้ว่าซูจิ่นซีกำลังครุ่นคิดสิ่งใด เขากุมมือของนางไว้แน่น
“วางใจได้ ในใต้หล้านี้มีน้อยคนนักที่สามารถสังหารข้าได้ เจ้ากับข้ามีใจเดียวกัน เจอผีฆ่าผี เจอเทพจัดการเทพ ฝ่าฟันไปด้วยกัน”
ซูจิ่นซีรู้สึกถึงความอบอุ่นในหัวใจของนาง นางมองเข้าไปในดวงตาของเยี่ยโยวเหยา
“เยี่ยโยวเหยา ข้าเชื่อท่าน! ”
เยี่ยโยวเหยายกยิ้มมุมปากอย่างรักใคร่
เสียงของซูจิ่นซีนำพาความรู้สึกบางอย่างที่นางไม่ทันได้สังเกต
เป็นเสียงที่ถ่ายทอดออกมาจากความนึกคิดที่ลึกลงไปในหัวใจของนาง “เยี่ยโยวเหยา มู่หรงอวิ๋นไห่ยังตายไม่ได้ เขาเป็นหนี้มารดาข้า และสิ่งที่เขาเป็นหนี้มารดาข้า เขาต้องชดใช้ เขายังตายไม่ได้”
ทุกคนรู้ดีว่าคำพูดเหล่านี้ ซูจิ่นซีกำลังหาข้อแก้ตัวให้กับหัวใจตนเอง
เยี่ยโยวเหยายืนยัน “ข้ารับรองว่าเขาจะไม่เป็นอันใด”
เพื่อให้แน่ใจว่ามู่หรงอวิ๋นไห่ปลอดภัย พวกเขาต้องตามหามู่หรงอวิ๋นไห่ให้พบโดยเร็วที่สุด เพื่อปกป้องความปลอดภัยของเขา
และหากต้องการตามหามู่หรงอวิ๋นไห่ ก่อนอื่นต้องตามหาเบาะแสของคนจากแคว้นไหวเจียงให้พบ และค้นหาตำแหน่งศูนย์กลางของตำหนักใต้ดิน
ซูจิ่นซีพาทุกคนมุ่งหน้าต่อไปและสำรวจเส้นทางอย่างระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินหลงทิศทางที่อาจทำให้เสียเวลามากเกินไป
ในตำหนักใต้ดินไม่มีนาฬิกา ไม่มีการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ จึงไม่มีทางรู้เวลาได้เลย
พวกเขาไม่รู้ว่าเดินอยู่ในตำหนักใต้ดินมานานเพียงใดแล้ว ทว่าพวกเขาจะหยุดพักเมื่อเหนื่อย ยามหายเหนื่อยก็เดินหน้าต่อ
ในระหว่างการพักผ่อนครั้งที่เท่าไรไม่รู้ จู่ๆ เยี่ยโยวเหยาก็พูดกับซูจิ่นซีว่า “ข้าคำนวณเส้นทางที่พวกเราเดินผ่านมา หากตำหนักใต้ดินในดินแดนต้องห้ามสกุลจงกับหุบผาราชันพิษอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน จุดที่พวกเราอยู่ในตอนนี้ คงใกล้กับศูนย์กลางของตำหนักใต้ดินแล้ว เจ้ายังตรวจไม่พบอันใดอีกหรือ? ”
ซูจิ่นซียังคงส่ายศีรษะ
เยี่ยโยวเหยาคิดอันใดได้บางอย่าง เขาลุกขึ้นเดินไปที่กำแพง และสังเกตบางสิ่งอย่างละเอียด
ซูจิ่นซีรู้ได้ทันทีจากการกระทำของเยี่ยโยวเหยา นางเดินไปหยิบดินจากผนังเพื่อสังเกตอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงนำเข้าสู่ระบบถอนพิษเพื่อตรวจสอบ
แม้ซูจิ่นซีจะมีเครื่องมือทดสอบ ทว่าขณะที่ซูจิ่นซีได้ข้อสรุป เยี่ยโยวเหยาก็ได้ข้อสรุปเช่นกัน
“ปัญหาอยู่ที่กำแพงพวกนี้ ดินพวกนี้ไม่เหมือนดินธรรมดา”
ซูจิ่นซีพยักหน้า “ระบบถอนพิษตรวจพบว่า นอกจากแร่ธาตุบางชนิดที่ควรมีอยู่ในดิน เช่น แมกนีเซียม อะลูมิเนียม เหล็ก และแคลเซียม ในดินยังมีโลหะที่ไม่รู้จักอีกด้วย”
ซูจิ่นซีพูดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เห็นได้ชัดว่าเยี่ยโยวเหยาไม่เข้าใจในสิ่งที่ซูจิ่นซีพูดเมื่อครู่
เมื่อซูจิ่นซีสังเกตเห็นความผิดพลาดของนาง นางจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อ และรวบรวมดินบางส่วนใส่เข้าไปในอาคมกำไลปี่อั้น
“ดินเหล่านี้มีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันเสียง ดังนั้นอาคมกำไลปี่อั้นจึงไม่สามารถตรวจจับเสียงอื่นได้ ข้าคิดว่ายิ่งเข้าใกล้ตำแหน่งศูนย์กลางมากเท่าไร ดินยิ่งมีความพิเศษมากขึ้นเท่านั้น และประสิทธิภาพของฉนวนกันเสียงก็ยิ่งดีขึ้นอีกด้วย”
เพื่อรักษาความลับของตำแหน่งศูนย์กลาง คนแคว้นไหวเจียงสามารถคิดหาวิธีเพิ่มของบางสิ่งลงไปในดิน ต้องบอกว่าภูมิปัญญาเช่นนี้ก้าวหน้าอย่างมาก ทำให้ซูจิ่นซีอดชื่นชมไม่ได้
หลังจากพูดจบ ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาก็นึกถึงอันใดบางอย่าง ทันใดนั้น พวกเขาก็สบตากันด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
เมื่อพวกเขาเห็นข้อมูลที่เหมือนกันจากสายตาของฝ่ายตรงข้าม ประกายแห่งความประหลาดใจก็กลับมาเป็นปกติอย่างเชื่องช้า
ซูจิ่นซีบีบดินเล็กน้อยและนวดที่นิ้วมือช้าๆ นางสัมผัสได้ถึงความนุ่มและความแข็งของดิน ก่อนจะเลื่อนมาดมกลิ่นที่ใต้จมูก
“เยี่ยโยวเหยา ไม่ใช่ดินทั้งหมดในโลกนี้ที่มีความพิเศษ”
“มีพิษหรือ? ”
ดวงตาของซูจิ่นซีเป็นประกาย “แม้อู๋จุนจะเคยพูดว่า ดินอมฤตคือจ้าวแห่งพิษ ทว่าสิ่งที่เป็นพิษไม่จำเป็นต้องทำให้คนรู้ถึงการมีอยู่ของสารพิษ
พิษที่ไร้พิษคือสิ่งที่มีพิษมากที่สุดในโลก ”
เยี่ยโยวเหยาพยักหน้าเห็นด้วย “เจ้าต้องการทดลองกับอั้นหรานเซียวหุนหรือไม่? ”
ซูจิ่นซียิ้มเล็กน้อยและส่ายศีรษะ
“ไม่ต้อง รอพวกเราได้ดินในพื้นที่ศูนย์กลางก่อนค่อยลองจะดีกว่า”
“ตกลง! ”
แม้มู่หรงอวิ๋นไห่จะสูญหาย ทว่าการค้นพบที่ไม่คาดคิดนี้ทำให้อารมณ์ของซูจิ่นซีดีขึ้นอย่างมาก
การเดินทางเข้ามาในตำหนักใต้ดินครั้งนี้ไม่เปล่าประโยชน์จริงๆ
หากดินนี้เป็นดินอมฤตจริง คงจะเป็นการเก็บเกี่ยวที่คาดไม่ถึง
เยี่ยโยวเหยาเรียกทุกคน หลังจากพักผ่อนจนหายเหนื่อยแล้วก็เดินทางกันต่อ ทว่าซูจิ่นซีห้ามเยี่ยโยวเหยาไว้
ท่ามกลางสายตาสงสัยของทุกคน ซูจิ่นซีเดินดูสถานการณ์โดยรอบอย่างเชื่องช้า ก่อนจะยืนอยู่ในจุดที่ค่อนข้างกว้างสักหน่อย
นางใช้พลังภายในตะโกนออกไป “แคว้นจงหนิง ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาเดินทางมาขอคำชี้แนะ! ในเมื่อท่านรู้ว่าเราสองสามีภรรยาเข้ามาในเขตของท่านโดยพลการ ทว่าตลอดเส้นทาง ท่านกลับไม่ขัดขวางพวกเรา แสดงว่าท่านวางแผนที่จะเผชิญหน้ากับพวกเราไว้แล้ว
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ออกมาพบหน้ากันไม่ดีกว่าหรือ! ”
องครักษ์และองครักษ์เงาอดชื่นชมในความเด็ดเดี่ยวและความกล้าหาญของซูจิ่นซีไม่ได้ พวกเขาต่างมองซูจิ่นซีด้วยสายตาชื่นชม
แววตาของเยี่ยโยวเหยาแตกต่างออกไปเล็กน้อย ทว่าจุดสนใจของเขาแตกต่างไปจากเหล่าองครักษ์อย่างสิ้นเชิง
แววตาที่แตกต่างนั้น เป็นเพราะวลีของซูจิ่นซีที่ว่า ‘เราสองสามีภรรยา’ !
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูจิ่นซีประกาศความสัมพันธ์ของพวกเขาต่อสาธารณะ และต่อหน้าผู้คนมากมาย
เยี่ยโยวเหยาเข้าใจเป็นอย่างดี ซูจิ่นซียอมรับความสัมพันธ์ของพวกเขาในฐานะสามีภรรยาแล้ว
ทว่าการประกาศต่อสาธารณชนเช่นนี้ เป็นการยอมรับอย่างเปิดเผย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับโยวอ๋องผู้ที่ให้ความสำคัญกับอำนาจมาโดยตลอด
เยี่ยโยวเหยาไม่สนใจว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ไม่สนใจทุกสายตาที่อยู่รอบตัวเขา เขาก้าวไปข้างหน้าและโอบเอวซูจิ่นซีอย่างแผ่วเบา ก่อนจะจับแก้มซูจิ่นซีและประทับรอยจูบลงบนหน้าผากของนาง การจูบครั้งนี้ถือเป็นการให้รางวัล
ซูจิ่นซีตกใจอย่างเห็นได้ชัด นางขมวดคิ้วและผลักเยี่ยโยวเหยาออกไป “อย่าเพิ่งเข้ามายุ่ง!”