สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 25 ตอนที่ 732 เยี่ยโยวเหยาผิดแล้ว
ซูจิ่นซีเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว แต่นางคาดไม่ถึงว่าจะมีเสือสองตัวออกมา จึงจำเป็นต้องถือกระบี่เฟิ่งอวี่ไว้ในมือ และถอยหลังอย่างต่อเนื่อง
เยี่ยโยวเหยาสายตาว่องไวอย่างมาก เขายกกระบี่ยาวขวางอยู่ด้านหน้าซูจิ่นซี ไม่นานนัก สองสามีภรรยาก็ต่อสู้กับเสือทั้งสองตัว
เหล่าองครักษ์และองครักษ์เงาที่ไม่ได้รับบาดเจ็บต่างพยายามเข้ามาช่วยเหลือ
แม้จะเป็นเสือดุร้ายสองตัว ทว่าคนที่ต่อสู้กับพวกมันล้วนเป็นยอดฝีมือ นอกจากนั้น พวกเขาเคยได้รับยาเพิ่มพละกำลังของซูจิ่นซี ไม่นานนัก เสือสองตัวก็ถูกซูจิ่นซีและคนอื่นๆ จับได้อย่างรวดเร็ว
ซูจิ่นซีพบว่าแท้จริงแล้ว พวกมันเป็นเสือตัวผู้และตัวเมีย
เหมาะสำหรับการใช้งานของซูจิ่นซีพอดี
ซูจิ่นซีนำยาสมุนไพรออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้น ก่อนจะป้อนให้เสือตัวผู้กิน จากนั้นจึงผูกกระดิ่งไว้ที่ตัวของมันเพื่อใช้วิชาภาพมายา
วิชาภาพมายา ในยุคปัจจุบันมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าวิชาสะกดจิต
ทว่าเสือไม่เข้าใจคำพูดของซูจิ่นซี นางจึงเรียกสัตว์เทพกิเลนมาจากอาคมกำไลปี่อั้น
ตอนนี้ ระหว่างสัตว์เทพกิเลนและซูจิ่นซีมีความเข้าใจต่อกันเป็นอย่างดี มันสามารถถ่ายทอดความหมายของซูจิ่นซีให้เสือตัวผู้ได้อย่างแม่นยำ
เสือตัวผู้ค่อยๆ ยืนขึ้นภายใต้วิชาภาพมายาของซูจิ่นซี ดวงตาที่ใสซื่อของมันเหลือบมองเสือตัวเมียที่ถูกเหล่าองครักษ์เงาและองครักษ์จับไว้ความคิดถึง ก่อนจะเดินไปที่ประตู
แม้เหล่าองครักษ์และองครักษ์เงาสามารถเดินเข้าประตูได้ ทว่าพวกเขาไม่สามารถผ่านไปได้
แต่เสือตัวผู้ตัวนี้แตกต่างออกไป กล่าวอีกความหมายหนึ่งคือ สิ่งที่อยู่ในประตูบานนั้นเป็นพวกเดียวกับมัน พวกมันจะไม่ทำร้ายพวกเดียวกัน
นอกจากนั้น ซูจิ่นซีมีเสือตัวเมียอยู่ในมือ ดังนั้นหลังจากเข้าประตูไปแล้ว มันต้องเชื่อฟังซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีใช้อาคมกำไลปี่อั้นฟังอย่างละเอียดและวิเคราะห์เส้นทางอย่างรอบคอบ
นางสามารถระบุทิศทางได้จากเสียงกระดิ่งที่ติดอยู่บนร่างของเสือตัวผู้ และยังสามารถระบุทิศทางของเสือตัวผู้หลังจากเดินเข้าประตูไปแล้วได้อย่างแม่นยำ
จากนั้นจึงวาดเส้นทางออกมา
หลังจากทดลองหลายต่อหลายครั้ง ผ่านไปไม่กี่ชั่วยาม ในที่สุด ซูจิ่นซีก็สามารถระบุช่องทางที่ถูกต้องได้
นางชี้ไปที่ประตูที่สามทางขวาของตนเอง “ทางที่ถูกต้องอยู่ด้านหลังประตูบานนี้ ทุกคนตามข้ามา พวกเราต้องออกไปให้เร็วที่สุด แม้เส้นทางจะถูกต้อง ทว่าอันตรายยังมีอยู่ พวกเรายังต้องระมัดระวัง”
จิ้นหนานเฟิงถามซูจิ่นซี “พระชายา ควรจัดการอย่างไรกับเสือตัวนี้? ”
ซูจิ่นซีเหลือบมองไปทางประตูที่มีเสือตัวผู้อยู่ด้านใน เสือตัวนั้นกำลังจะเดินออกมา นางจึงปล่อยเสือตัวเมียให้กลับไปหาเสือตัวผู้
กลุ่มคนที่อยู่ภายใต้การนำของซูจิ่นซีเดินเข้าประตูที่ถูกต้อง พวกเขาเดินตามแผนที่ที่วาดขึ้นจากการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของเสือตัวผู้ แม้ระหว่างทางจะมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่สุดท้ายมันคือเส้นทางที่นำพวกเขาออกไป แม้จะมีสิ่งกีดขวาง แต่ก็ทำให้ผ่านไปง่ายมากขึ้น
ไม่นานนัก พวกเขาก็พบทางออก
ทันทีที่เดินออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ด้านหลังพลันสลายหายไปอีกครั้ง ที่แท้พวกเขากลับมายังเส้นทางเดิมที่มีแสงสลัว สองข้างทางล้อมรอบด้วยหิน เป็นเส้นทางของตำหนักใต้ดินในเขตต้องห้ามสกุลจง
นอกจากนั้น บาดแผลที่องครักษ์และองครักษ์เงาได้รับในตำหนักใต้ดินแปดเหลี่ยมได้หายไปแล้ว
ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยารู้ดีว่า เป็นไปไม่ได้ที่เมื่อครู่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ประตูแปดบานนั้น ทางเดินหลังประตูแบ่งออกเป็นสามเส้นทาง แต่ละเส้นทางทอดยาวออกไป แบ่งออกเป็นทางแยกสามทาง
ต่อให้ไม่มีเส้นทางนับหมื่น ก็นับว่ามีหลายพันเส้นทาง ไม่แน่ว่าเส้นทางเหล่านั้นอาจสลับกันไปมาก็เป็นได้
แม้ทางเดินจะไม่มีอันตราย แต่หากคนทั่วไปพยายามเดินเข้าไปทีละเส้นทาง อาจต้องใช้เวลาหลายเดือน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอันตรายที่ต้องเจออีกด้วย
ตอนนี้พวกเขาโชคดีมากที่เดินออกมาได้อย่างปลอดภัย และยืนอยู่ตรงนี้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
และดาวนำโชคก็คือ สตรีที่ยืนอยู่ข้างเขาในตอนนี้
นับเป็นพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตนี้ที่สวรรค์มอบให้เยี่ยโยวเหยา
เยี่ยโยวเหยามองดวงตาของซูจิ่นซีอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือออกไปคว้าไหล่ของซูจิ่นซี และดึงนางเข้าสู่อ้อมกอดของตน
ซูจิ่นซีเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย นางแย้มยิ้มอย่างสดใสให้เยี่ยโยวเหยาและจับมือของเขา
“ท่านอ๋อง พวกเราต้องรีบเดินต่อไปโดยเร็วที่สุด! ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร การค้นหาศูนย์กลางของตำหนักเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”
เยี่ยโยวเหยาเข้าใจดีว่า ซูจิ่นซีกลัวจะทำให้การค้นหาอมฤตทั้งห้าล่าช้า จึงไม่รอช้าและพยักหน้ารับคำ
ทั้งสองจับมือกันเพื่อก้าวไปข้างหน้า ทันใดนั้น ภาพเบื้องหน้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
ดวงตาพลันสว่าง ฤดูใบไม้ผลิสดใส สายลมและอากาศปลอดโปร่ง
ดวงตะวันกลมโตส่องแสงเจิดจ้าอยู่เหนือศีรษะ อบอุ่นผ่อนคลายอย่างมาก
มีผืนนาสีเขียวขจีอยู่ไกลออกไป คงเป็นทุ่งสมุนไพรโดยเฉพาะ และมีกระท่อมสองสามหลังอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
ทันทีที่ซูจิ่นซีเห็นทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า เพียงชั่วพริบตา ระบบถอนพิษก็ส่งเสียงเตือน ‘ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด’ บ่งบอกว่ามีสารพิษอยู่โดยรอบ
เมื่อเสียงเตือนดังมากขึ้น ข้อมูลต่างๆ ก็ปรากฏขึ้นมาในระบบถอนพิษ หลังจากตรวจดูข้อมูลแล้ว ซูจิ่นซีก็ขมวดคิ้วแน่น
ในช่วงแรก นางคิดว่านี่เป็นภาพลวงตาที่ชายชราผู้นั้นสร้างขึ้น อย่างไรก็ตาม หากมันเป็นภาพลวงตาจริง เช่นนั้นจะมียาสมุนไพรครบชุดออกมาได้อย่างไร?
จากข้อมูลที่แสดงโดยระบบถอนพิษ พบว่ามียาสมุนไพรเกือบทั้งหมดบนโลกใบนี้ บางอย่างเป็นสุมนไพรธรรมดาทั่วไป บางอย่างเป็นสมุนไพรที่ล้ำค่าอย่างมาก
ชายชราผู้นั้นต้องการให้พวกเขาทำสิ่งใด?
ซูจิ่นซีกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้น จิ้นหนานเฟิงก็ชี้ไปที่กำแพงที่อยู่ห่างออกไป “ท่านอ๋อง พระชายา ที่นั่นเหมือนจะมีกระดานหมากล้อม”
ซูจิ่นซีไม่ได้นึกถึงชายชราผู้นั้นอีกต่อไป นางเดินตามเยี่ยโยวเหยาและคนอื่นๆ ไปทางด้านข้างของกระดานหมากล้อม
นี่คือกระดานหมากกลเจินหลง ซึ่งตั้งอยู่บนกำแพงข้างแปลงสมุนไพร
แนวตั้งและแนวนอนของกระดานหมากล้อมมีขนาดใหญ่มาก หมากแต่ละชิ้นมีขนาดเท่าอ่างล้างหน้า ดูจากน้ำหนักแล้วคงไม่เบาเป็นแน่ คำนวณด้วยสายตา บุรุษที่มีร่างกายแข็งแรงต้องใช้ทั้งสองมือถึงจะสามารถขยับมันได้
“ท่านอ๋อง พระชายา ด่านนี้คงไม่ได้ทดสอบทักษะหมากล้อมของพวกเรากระมัง? หรือพวกเราต้องชนะหมากกระดานนี้ถึงจะผ่านด่านนี้ไปได้?”
การคาดการณ์ของจิ้นหนานเฟิงมีเหตุผล เรื่องเช่นนี้พบเห็นได้บ่อยครั้งในสมัยโบราณ ทั้งยังเป็นเรื่องที่ชายชราผู้นั้นโปรดปรานอย่างมาก
ซูจิ่นซีเคยพบชายชราผู้หนึ่งมาก่อน ซึ่งมันแปลกประหลาดอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ในใจของซูจิ่นซีรู้สึกเสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติ และพวกเขาละเลยบางอย่างไป
นางกวาดสายตามองไปรอบๆ ไกลออกไปเล็กน้อย หากมันง่ายเพียงแค่ไขปริศนากระดานหมากเจินหลง เช่นนั้นจะอธิบายเรื่องยาสมุนไพรและสารพิษที่อยู่โดยรอบอย่างไร?
มันจะไม่ลึกลับกว่าหรือ หากจัดวางกระดานหมากล้อมไว้ในตำหนักใต้ดินหรือระหว่างยอดเขา?
เมื่อเห็นความสงสัยบนในหน้าของซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยาจึง จับมือนาง “กระดานหมากล้อมนี้ไม่ยากสำหรับข้า ข้าอยากลองเล่นดูก่อน! ”
จนกว่าจะหาวิธีที่ดีกว่านี้ได้ ตอนนี้ต้องทำไปก่อน
ซูจิ่นซีพยักหน้า
เยี่ยโยวเหยาเดินไปข้างหน้า พลางคิดไตร่ตรองเส้นทางเดินหมากล้อมอย่างรอบคอบ จากนั้นจึงสั่งให้จิ้นหนานเฟิงและคนอื่นๆ ย้ายเม็ดหมากบนกระดาน
ทว่าทันทีที่เม็ดหมากล้อมถูกยกขึ้นและยังไม่ทันวางลง ท่าทางของซูจิ่นซีก็เปลี่ยนไปในทันที
“ช้าก่อน! ”
เยี่ยโยวเหยาและคนอื่นๆ ต่างมองซูจิ่นซีด้วยความสงสัย
ซูจิ่นซีเดินไปด้านข้างเยี่ยโยวเหยา“ท่านอ๋อง หมากล้อมชิ้นนี้เดินไปที่จุดนั้นไม่ได้หรือ? ”
เพราะเหตุใด?
ทักษะการเดินหมากล้อมของเยี่ยโยวเหยานั้นยอดเยี่ยมที่สุดในแคว้นจงหนิง ทั้งยังอยู่ในอันดับต้นๆ ของอาณาจักรเทียนเหอ!
การเดินหมากล้อมไม่อาจเดินผิดได้
นอกจากนั้น เยี่ยโยวเหยายังสอนทักษะการเดินหมากล้อมให้ซูจิ่นซี แม้นางจะเรียนรู้ไปไม่น้อย ทว่าทักษะการเดินหมากของนางไม่อาจเทียบเคียงเยี่ยโยวเหยาได้
เหตุใดนางจึงตัดสินใจเช่นนี้?
หรือว่า เยี่ยโยวเหยาผิดจริงๆ ?