สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 25 ตอนที่ 742 ยังมีเรื่องไม่คาดคิดอื่นอีก?
ซูจิ่นซีรับมือได้แน่นอน
นางสามารถถอนพิษได้ ไม่ได้มีเพียงระบบถอนพิษเท่านั้น
ซูจิ่นซีคว้าตัวเยี่ยโยวเหยาให้หลบหนี พลางยกมือขึ้นและปล่อยสัตว์เทพกิเลนกับจิ้งจอกน้อยเก้าสีออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้น
ขณะที่สัตว์เทพกิเลนออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้น มันก็กลายร่างเป็นขนาดมหึมา
สัตว์เทพกิเลนส่งเสียงคำราม หมอกพิษที่อยู่โดยรอบพลันหมุนวน และพุ่งกลับไปโจมตีชายชรา
ชายชรานึกไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาถอยหลังอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังได้รับบาดเจ็บจากไอพิษของตนเอง
จิ้งจอกเก้าสีร้อง ‘จี๊ด’ และกระโจนเข้าไปกัดแขนของชายชราอย่างรุนแรง เพราะการโจมตีอย่างรุนแรงของจิ้งจอกน้อย ทำให้เขาถอยหลังไปไกลหลายก้าว
แม้บนร่างของชายชราจะมียาถอนพิษ ทว่าเมื่อเขาเห็นจิ้งจอกเก้าสี เขาก็ตกใจจนถอนพิษไม่ทัน
เพราะว่ามันโมโหมาก จิ้งจอกเก้าสีจึงเผยหางทั้งเก้าสีออกมา
หางทั้งเก้าราวกับพัดหลากสีที่พลิ้วไหวกลางอากาศ ไม่เพียงดูสง่างามเท่านั้น ทว่ายังทรงพลังอย่างมากอีกด้วย
“จิ้งจอกเทพ… เก้าสี? ”
ดวงตาของชายชราเต็มไปด้วยความตกตะลึง
จากนั้น สัตว์เทพกิเลนก็พ่นเปลวเพลิงกิเลนเหมันต์สีฟ้าออกไป ทำให้ชายชรารับมือไม่ไหว
ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาหลบอยู่ในจุดที่ค่อนข้างปลอดภัย
เยี่ยโยวเหยายังคงเป็นห่วงซูจิ่นซี เมื่อหยุดพัก เขารีบจับชีพจรของซูจิ่นซีเพื่อดูว่ายังเต้นปกติดีหรือไม่
แท้จริงแล้ว ซูจิ่นซีก็เป็นห่วงตนเองเช่นกัน
สองครั้งก่อน ตอนที่ระบบถอนพิษเลื่อนระดับขั้น เขาบอกว่านางอยู่ในสภาวะหมดสติ โดยเฉพาะครั้งแรกนั้น นางหมดสตินานกว่าครึ่งเดือน
ว่ากันตามตรง การเลื่อนขั้นของระบบถอนพิษในครั้งนี้ นางไม่รู้จริงๆ ว่า สถานการณ์จะเป็นเช่นไร
แม้ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ ทว่าในใจกลับไม่รู้สึกสงบแม้แต่น้อย
อีกด้านหนึ่ง ชายชรากำลังจัดการกับสัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสี เขาเริ่มรับมือไม่ไหวแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนที่ชายชราเห็นจิ้งจอกเก้าสี เขาตกใจสุดขีด
ภายในใจรู้สึกตื่นตระหนก จึงใช้กระบวนท่าโหดเหี้ยมเพื่อรับมือกับจิ้งจอกเก้าสี
จิ้งจอกเก้าสีหลบหลีกการโจมตีของชายชราอย่างหวุดหวิดหลายครั้ง
เมื่อสัตว์เทพกิเลนเห็นเช่นนั้น มันก็เดือดดาลจนควบคุมตนเองไม่ได้ และพ่นเปลวเพลิงกิเลนใส่ชายชราอย่างต่อเนื่อง
ที่นี่คือตำหนักใต้ดิน มันจะทนต่อพลังดุดันของสัตว์เทพกิเลนได้อย่างไร!
ซูจิ่นซีกำลังจะยับยั้งสัตว์เทพกิเลน ทว่าสายเกินไปเสียแล้ว
ทั้งถ้ำเริ่มสั่นสะเทือน
กอปรกับที่เมื่อครู่ ระบบถอนพิษของซูจิ่นซีดูดสมุนไพรและอุปกรณ์ทางการแพทย์ทั้งหมดเข้ามา ทำให้มันไปกระแทกเข้ากับกลไกอันใดบางอย่าง
ดูเหมือนว่าถ้ำมีแนวโน้มที่จะถล่มลงมา
เศษหินและก้อนกรวดเหนือศีรษะหล่นลงมาไม่หยุด ซูจิ่นซีมองเห็นร่างของชายชรา สัตว์เทพกิเลน และจิ้งจอกเก้าสีไม่ชัดเจน
นางสบตากับเยี่ยโยวเหยาอย่างเข้าใจซึ่งกันและกัน จากนั้นจึงดึงสัตว์เทพกิเลนกับจิ้งจอกเก้าสีกลับเข้าไปในอาคมกำไลปี่อั้น และรีบหาทางออกไปข้างนอกให้เร็วที่สุด
เมื่อออกมาจากห้องทดลอง ซูจิ่นซีไม่ลืมเป้าหมายในการมาตำหนักใต้ดินของพวกเขาในครั้งนี้ นั่นก็คือ ดินอมฤต
ดังนั้น นางจึงดูดห้องทดลองทั้งหมดและดินอมฤตทั้งหมดใส่เข้าไปในอาคมกำไลปี่อั้น
แม้ระบบถอนพิษกำลังเลื่อนระดับขั้น ทว่ายังมีอาคมกำไลปี่อั้น! ตอนที่อาคมกำไลปี่อั้นอยู่ในระดับต่ำ มันก็มีคุณสมบัติเช่นนี้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่อยู่ในระดับขั้นสูงสุด
หลังจากที่ซูจิ่นซีดูดดินอมฤตในห้องทดลองโดยไม่ลังเล เพดานห้องทดลองก็ร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตา ทุกอย่างก็หายไป
ร่างของชายชราไม่ปรากฏในสายตา เป็นไปได้ว่าเขาอาจถูกทับอยู่ใต้ซากปรักหักพัง
อย่างไรก็ตาม ในสายตาของซูจิ่นซีไม่มีความสงสารหรือเห็นอกเห็นใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม ท่าทางของนางดูเรียบเฉย
ราวกับว่าตอนนี้ คนผู้นั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของนางแม้แต่น้อย
เยี่ยโยวเหยายิ่งไม่สนใจเรื่องพวกนี้
ทั้งสองมาถึงเขตปลอดภัยอย่างรวดเร็ว
ด้านหลังมีจิ้นหนานเฟิงและคนอื่นๆ ตามออกมา
ซูจิ่นซีหยุดชะงัก “ช้าก่อน! ”
ไม่รู้ว่านางต้องการทำอันใด นางพูดเพียงประโยคเดียวเป็นสัญญาณให้ทุกคนหยุด และไม่ได้พูดอันใดอีก
เยี่ยโยวเหยาดูเหมือนจะเข้าใจความหมายของซูจิ่นซี เขาไม่ได้เร่งรัด เพียงส่งสัญญาณให้จิ้นหนานเฟิงนับทุกคน
ในไม่ช้า จิ้นหนานเฟิงก็รีบรายงานผล “ท่านอ๋อง พวกเราอยู่กันครบทุกคนพ่ะย่ะค่ะ”
“ดีมาก! ”
เยี่ยโยวเหยาเหลือบมองไปยังใจกลางของตำหนักใต้ดิน ดวงตาเต็มไปด้วยไอสังหารและความอำมหิตแห่งชัยชนะ
จากนั้น แววตาของเขาก็หยุดอยู่ที่ใบหน้าเคร่งขรึมของซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีกลับมาได้สติ ดวงตาปรากฏความแข็งกร้าวยิ่งกว่าเยี่ยโยวเหยา
เมื่อนางพลิกฝ่ามือ ห่อผ้าขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในมือของนาง
นี่คือสิ่งใด?
ทุกคนต่างมีท่าทีสงสัย ทว่ามีเพียงเยี่ยโยวเหยาที่มีใบหน้าสงบนิ่ง
ดูเหมือนเขาจะรู้อยู่แล้วว่าซูจิ่นซีจะทำอันใด
“นำของพวกนี้แบ่งให้ทุกคน เมื่อออกไปได้ ให้ทุกคนอ้อมตามข้าเป็นวงกลม และนำสิ่งนี้สาดกระจายไปทั่วทุกมุมของตำหนักใต้ดินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ตำหนักใต้ดินแห่งนี้ดูใหญ่โตอย่างมาก! ” เยี่ยโยวเหยาเตือน
ดวงตาของซูจิ่นซีทอประกายความเจ้าเล่ห์ “แม้จะกว้างใหญ่เพียงใด ก็สามารถทำลายแคว้นไหวเจียงกว่าครึ่งได้”
ใช่แล้ว เมื่อครู่ที่ซูจิ่นซีหยุดชะงัก เป็นเพราะระบบถอนพิษเลื่อนระดับขั้นสำเร็จแล้ว
คาดไม่ถึงว่าการเลื่อนระดับของระบบถอนพิษในครั้งนี้ นางไม่เพียงไม่มีอาการหมดสติเหมือนครั้งก่อน ทว่าระบบถอนพิษยังดำเนินการจนแล้วเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว
การมาเยือนในครั้งนี้… สวรรค์ไม่อาจทนมองคนของแคว้นไหวเจียงกระทำการมุ่งร้าย จึงต้องการเผาตำหนักแห่งนี้
ห่อผ้าสีดำที่ซูจิ่นซีมอบให้ทุกคน ข้างในมีสิ่งของที่คล้ายกับดินระเบิด ในระบบถอนพิษของซูจิ่นซีมีส่วนผสมมากมายสำหรับทำระเบิด ต่อให้ไม่มี ซูจิ่นซีก็สามารถใช้ยาสมุนไพรชนิดอื่นทดแทนได้
นอกจากนั้น ตอนอยู่ในห้องทดลอง ซูจิ่นซีได้รับวัตถุดิบใหม่มามากมาย
หากต้องการทำลายตำหนักใต้ดินแห่งนี้ ‘ดินระเบิด’ ต้องจัดเต็ม
จากประสบการณ์ที่เคยเข้ามาที่นี่ ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยามีแผนการในใจเกี่ยวกับแผนที่ครึ่งหนึ่งของตำหนักใต้ดินเรียบร้อยแล้ว
ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ทั้งสองคนก็พาทุกคนนำ ‘ระเบิด’ เหล่านั้นไปโปรยตามเส้นทางสำคัญของตำหนักใต้ดิน หลังจากนั้นก็ออกมาจากตำหนักใต้ดินตามเส้นทางเดิม
สุดท้าย ซูจิ่นซีเพียงโรยผงฟอสฟอรัสจำนวนหนึ่งที่ต้นไม้สูงใหญ่ทางเข้าตำหนักใต้ดิน และจุดไฟพร้อมกับต้นไม้
ขณะที่ลงมือทำเรื่องเหล่านี้ ใบหน้าของซูจิ่นซีมีเพียงความเย็นชา ท้ายที่สุดก็ไม่รีรออีกต่อไป นางมองเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำอยู่ด้านหลังด้วยท่าทางเรียบเฉย ก่อนจะยกมือขึ้นเพื่อเรียกสัตว์เทพกิเลนออกมา
ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาเหยียบสัตว์เทพกิเลนนำทางอยู่ด้านหน้า โดยมีองครักษ์ตามมาด้านหลัง บางคนหากไม่ขี่ม้าก็ใช้วิชาตัวเบาเหาะตามมา ไม่นานนัก พวกเขาก็ลงจากเขาและมุ่งหน้าออกจากดินแดนต้องห้ามสกุลจง
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่พวกเขาก้าวออกจากดินแดนต้องห้ามสกุลจง
‘ตู้ม… ’
เสียงจากทางด้านหลังดังกึกก้องจนท้องฟ้าและแผ่นดินสั่นสะเทือน
ซูจิ่นซีหันกลับไปมองภูเขาสูงตระหง่านด้านหลัง เปลวเพลิงโหมกระหน่ำสูงเสียดฟ้าราวกับภูเขาไฟปะทุ ท้องฟ้าสว่างเจิดจ้าเป็นสีแดงเพลิง
แววตาของนางเป็นประกาย พื้นที่ภูเขาค่อยๆ กลายเป็นพื้นที่ราบไกลสุดสายตา
ไกลจนมองเห็นวันคืนที่คนของแคว้นไหวเจียงทำเรื่องที่น่าสะอิดสะเอียน โหดร้าย และมืดมนโดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้
สายลมอ่อนพัดไรผมด้านข้างใบหูของซูจิ่นซีให้พลิ้วไหว กลางอากาศมีกลิ่นเปลวเพลิงและกลิ่นเนื้อไหม้โชยมา
ภายใต้คุณสมบัติอันทรงพลังของอาคมกำไลปี่อั้น ทุกอย่างดูชัดเจนอย่างมาก
โดยที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น ประกายแห่งไอสังหารปรากฏขึ้นในดวงตาแน่วแน่ของซูจิ่นซี
บางทีอาจเป็นเพราะความตกใจเล็กน้อย หรือเป็นเพราะกลิ่นที่โชยมาหลังรอดชีวิตจากเคราะห์ร้าย ซึ่งเป็นชัยชนะที่ควรค่าแก่ความปีติยินดี
มือของเยี่ยโยวเหยาจับมือของซูจิ่นซีตลอดเวลา ไม่ยอมปล่อย
เขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของซูจิ่นซี แววตาของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ตำหนักใต้ดินพังทลายไปแล้วกว่าครึ่ง ในตอนนี้ยังมีเรื่องอันใดอีก?
หรือว่ายังมีการเปลี่ยนแปลงอื่น?