สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 26 ตอนที่ 755 รัชทายาทคิดการกบฏ
ภายในใจอู๋ซวงรู้สึกไม่ดีนัก นางต้องการพูดเกลี้ยกล่อม ทว่าคิดหาเหตุผลที่หนักแน่นกว่านี้ไม่ได้ จึงทำได้เพียงฟังคำสั่งของตงหลิงหวง
ฉานเยวี่ยถูกส่งไปปฏิบัติการ ทว่าผ่านมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ยังไม่มีข่าวคราวของฮ่องเต้แคว้นตงเฉิน
คืนวันที่สี่ ตงหลิงหวงสวมชุดเกราะของทหารทั่วไปมาที่ค่ายของแม่ทัพผาง
ในเวลาเดียวกัน ภายในกระโจมพักของแม่ทัพผางยังมี แม่ทัพซ่งและแม่ทัพฮัว ทุกคนล้วนแต่งกายด้วยชุดของทหารทั่วไป
ทั้งสามเป็นคนสนิทของตงหลิงหวง และเป็นคนที่ตงหลิงหวงไว้ใจที่สุด
ทันทีที่ตงหลิงหวงเดินเข้ามา แม่ทัพทั้งสามก็ยืนขึ้นคำนับตงหลิงหวง
“องค์รัชทายาท! ”
“องค์รัชทายาท! ”
“องค์รัชทายาท! ”
“ให้แม่ทัพทั้งสามปลอมตัวมาที่นี่กลางดึก ข้าทำให้ท่านทั้งสามลำบากใจแล้ว”
“ไม่ได้ลำบากอันใด ไม่ได้ลำบากอันใด องค์รัชทายาททรงมีฐานะสูงส่ง ทั้งยังทรงสวมใส่เสื้อผ้าของทหารนายกองธรรมดา แม่ทัพอย่างพวกเราจะถือว่าลำบากได้อย่างไร? ”
ตงหลิงหวงไม่พูดอันใดมาก นางเพียงพยักหน้าและนั่งลงที่นั่งด้านบน
“จุดประสงค์ที่ข้ามา เพื่อมาพบกับท่านแม่ทัพทั้งสาม เกรงว่าท่านแม่ทัพทั้งสามคงทราบแล้ว เช่นนั้นข้าจะไม่พูดอ้อมค้อม และตรงเข้าประเด็นเลย
ครั้งนี้ ฝ่าบาทเสด็จมาอย่างกะทันหัน ทั้งยังทรงตรัสว่าต้องยุติสงครามระหว่างสองแคว้นภายในเจ็ดวัน ข้าคิดว่าฝ่าบาททรงพระทัยร้อนเกินไป สถานการณ์ของทั้งสองแคว้นในตอนนี้นั้น แม่ทัพทั้งหลายต่างทราบดีว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้สงครามระหว่างสองแคว้นสิ้นสุดลงภายในเจ็ดวัน อีกทั้งกองทัพของเราต้องชนะอีกด้วย”
หลังจากตงหลิงหวงพูดจบ แม่ทัพผางก็รีบกล่าวเห็นด้วย
“กระหม่อมก็คิดเห็นเช่นนั้น ดั่งคำกล่าวที่ว่าเร่งรีบเกินไปอาจทำให้เสียงานใหญ่ เกรงว่าเมื่อถึงเวลานั้น กองทัพของแคว้นหนานหลียังไม่ทันถอยทัพกลับ คนบางกลุ่มอาจคิดฉวยโอกาสนี้ตีตลบหลังก็เป็นได้”
“กระหม่อมก็คิดเช่นนั้น”
“องค์รัชทายาท พวกเราต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหาให้รัดกุม! กระหม่อมคิดว่า ครั้งนี้ฝ่าบาทคงจะหลงในคำพูดของท่านเฟิงเสียแล้ว”
“ใช่ กระหม่อมก็คิดเช่นนั้น ไม่รู้ว่าพ่อมดแซ่เฟิงผู้นั้นมีที่มาอย่างไรกันแน่”
……
คำพูดเหล่านี้ของแม่ทัพทั้งสามไม่ใช่การประจบประแจงตงหลิงหวง แต่เดิมทีพวกเขาก็คิดเช่นนี้อยู่แล้ว
ตงหลิงหวงขมวดคิ้ว นางก้มศีรษะและใช้นิ้วนวดที่ขมับเล็กน้อยโดยไม่พูดสิ่งใด ดูเหมือนนางจะปวดศีรษะกับเรื่องนี้อย่างมาก
แม่ทัพฮัวเห็นเช่นนั้นจึงกล่าวด้วยความประหม่าว่า “องค์รัชทายาท กระหม่อมขอบังอาจทูลว่าฝ่าบาททรงพระชันษามากแล้ว เรื่องราวในราชสำนักและแนวชายแดนควรมอบให้องค์รัชทายาทเป็นผู้ดูแลอย่างเต็มที่
องค์รัชทายาท พระองค์เองก็ไม่ควรนิ่งดูดาย! อย่างไรเสีย… ยังมีอีกหลายคนที่โลภต้องการตำแหน่งนี้ เราจะปล่อยให้พวกเขาทำสำเร็จไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากแม่ทัพฮัวพูดจบ มือของตงหลิงหวงที่กำลังนวดขมับพลันหยุดชะงัก แม้นางไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา ทว่าบรรยากาศโดยรอบกลับตึงเครียดอย่างมาก
แม่ทัพผางรีบเข้าไปดึงตัวแม่ทัพฮัว เพื่อเตือนไม่ให้เขากล่าวเกินไป
น่าเสียดาย แม่ทัพฮัวไม่สนใจท่าทีห้ามปรามของแม่ทัพผางแม้แต่น้อย เขาก้าวไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น
“องค์รัชทายาท ขอเพียงพระองค์ทูลรับสั่งมาคำเดียว! ทูลรับสั่งเพียงคำเดียว! กระหม่อมจะบุกเข้าไปเป็นคนแรก… ”
ก่อนที่แม่ทัพฮัวจะพูดจบ ตงหลิงหวงพลันเงยหน้าขึ้น แววตาของนางแดงฉานด้วยความเดือดดาลสุดขีด
แม่ทัพฮัวตกใจจนถอยหลังไปสองก้าว ฟันของเขาขบกันเสียงดัง
พระพักตร์ขององค์รัชทายาทช่าง… น่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน
“บุกเข้าไปทำอันใด? ฮัวเซิ่ง เรื่องไร้ศีลธรรมเช่นนี้ เจ้าพูดออกมาได้อย่างไร? เจ้ารู้หรือไม่ว่าองค์รัชทายาทผู้นี้สามารถตัดศีรษะของเจ้าได้”
ฮัวเซิ่งตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้น เขาก็คุกเข่าลงบนพื้นเสียงดัง ‘ตุบ’
“องค์รัชทายาท ชีวิตของกระหม่อม พระองค์ทรงดึงขึ้นมาจากสมรภูมิรบ เพื่อพระองค์แล้ว นับประสาอันใดกับการตัดศีรษะของกระหม่อม ต่อให้ศพของกระหม่อมต้องแหลกละเอียดเป็นหมื่นชิ้น กระหม่อมก็ไม่เสียดาย
เพียงแต่… เพียงแต่ว่า กระหม่อมไม่ต้องการเห็นองค์รัชทายาทได้รับคำตำหนิเช่นนี้”
ในสนามรบ ไม่มีผู้ใดรู้ว่ารัชทายาทสตรีพระองค์นี้ทรงมีพลานุภาพเพียงใด ทว่าแม่ทัพนายกองที่ร่วมรบนองเลือดกับนางต่างทราบดี
ในสนามรบอาจดูยิ่งใหญ่เกรียงไกร ทว่าความจริงแล้ว เพื่อชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสีย เพื่อลดการบาดเจ็บล้มตาย และเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของแคว้น ผู้อื่นอาจไม่รู้ว่ารัชทายาทสตรีพระองค์นี้ทรงเสียสละไปมากเพียงใด ทว่าพวกเขารู้ดี
มีสิทธิ์อันใด?
มีสิทธิ์อันใด? ฝ่าบาทเสด็จมาหลังจากได้ฟังคำพูดเหลวไหลของท่านเฟิง องค์รัชทายาทจะทรงทนรับความคับข้องใจเช่นนี้หรือ?
ตงหลิงหวงเดินเข้าไปหาแม่ทัพฮัวทีละก้าว พลางสบสายตาแดงฉานของเขา และตบหัวไหล่ของเขาแผ่วเบา
“ฝ่าบาทอย่างไรก็คือฝ่าบาท ทั้งพระองค์ทรงเป็นเสด็จพ่อของข้า จะพูดว่าคับข้องใจได้อย่างไร”
ไม่คับข้องใจหรือ?
ทว่าฝ่าบาททรงชราภาพมากแล้ว พระองค์ไม่ใช่ฝ่าบาทในตอนนั้นแล้ว
ผู้บังคับบัญชาแก่ชรา ไม่อาจหลีกเลี่ยงความหลงผิดได้ และเป็นเรื่องง่ายที่จะฟังคำพูดให้ร้ายของคนชั่ว
ไม่ต้องกล่าวถึงผู้อื่น เพียงกล่าวถึงท่านเฟิง
ไม่รู้ว่าฝ่าบาททรงฟังคำพูดเพ็ดทูลอันใด องค์รัชทายาททรงคุมกำลังทหารสู้รบแนวชายแดนเป็นเวลาเดือนกว่า ทว่าฝ่าบาทกลับรับสั่งให้เผด็จศึกกองทัพแคว้นหนานหลีภายในเจ็ดวัน
เรื่องนี้ทำได้ง่ายตามที่ทูลเช่นนั้นหรือ?
นอกจากนั้น สิ่งที่พวกเขากำลังหารือกัน ยังเป็นการกระทำลับหลังองค์รัชทายาทอีกด้วย
ไม่เช่นนั้น คืนนี้พวกเขาคงไม่ได้มารวมกันอยู่ที่นี่เป็นแน่
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ แม่ทัพฮัวพลันรู้สึกเดือดดาล
ในความเป็นจริง รัชทายาทควรขึ้นครองราชย์นานแล้ว พระองค์ควรเป็นผู้ปกครองแคว้นตงเฉิน
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ แววตาของแม่ทัพฮัวก็ปรากฏความมุ่งมั่น เขาเงยหน้าขึ้นและต้องการพูดอันใดบางอย่าง ทว่าเมื่อสบตาดำขลับลึกซึ้งและเฉยเมยของตงหลิงหวง สิ่งที่กำลังจะกล่าวออกมาก็ติดอยู่ในลำคอ
ตงหลิงหวงตบไหล่ของแม่ทัพฮัวอีกครั้ง “พอได้แล้ว พวกเราหารือเรื่องสำคัญกันดีกว่า”
เมื่อพูดจบ นางก็หันหลังเดินกลับไปนั่งยังที่นั่งด้านบน
ทั้งสามคนไม่กล้าชักช้า ต่างพากันรวบรวมสมาธิ
“หลายวันมานี้มีการหารืออันใดภายในกระโจมพักของฝ่าบาท ทุกท่านได้ข่าวคราวอันใดมาบ้างหรือไม่? ”
“ผู้ที่คอยรับใช้ในกระโจมพักของฝ่าบาทล้วนเป็นคนที่มาจากเมืองหลวงทั้งหมด พวกเขาหารือรายละเอียดเรื่องอันใดนั้น พวกกระหม่อมไม่ทราบจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมส่งคนไปสืบข่าวหลายครั้ง ทว่าไม่ได้รับข่าวอันใดเลย” แม่ทัพซ่งกล่าว
แม้แต่ฉานเยวี่ยยังไม่ทราบข่าวสารอันใด นับประสาอันใดกับคนของแม่ทัพซ่ง
“สภาพอากาศในอีกสองสามวันข้างหน้าเป็นอย่างไรบ้าง? ”
“เมื่อครู่โหราจารย์หลี่ดูปรากฏการณ์บนท้องฟ้าแล้ว เกรงว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะมีลมแรงและหิมะตกหนัก ไม่เหมาะกับการทำสงคราม” แม่ทัพผางกล่าว
นี่คือสิ่งที่ตงหลิงหวงกังวลมากที่สุด ระยะเวลาเจ็ดวัน ตอนนี้เป็นวันที่สี่แล้ว บางทีพวกเขาอาจทำสงครามกับกองทัพแคว้นหนานหลีในอีกสามวันข้างหน้า ปรากฏการณ์บนท้องฟ้าสำคัญมาก
ตงหลิงหวงขมวดคิ้วเล็กน้อย
“สืบพบความเคลื่อนไหวอันใดของค่ายทหารแคว้นหนานหลีหรือไม่? ”
……
เวลานี้ ภายในกระโจมบัญชาการหลักของกองทัพแคว้นตงเฉิน
ฮ่องเต้แคว้นตงเฉิน ท่านเฟิง และคนสนิทของฮ่องเต้จำนวนหนึ่งกำลังหารือเรื่องบางอย่าง ทันใดนั้น องครักษ์กองทัพยวี่หลินก็เดินเข้าไปหาฮ่องเต้ และโน้มตัวพูดอันใดบางอย่างกับพระองค์
พระขนงของฮ่องเต้พลันกระตุก สายพระเนตรปรากฏความเย็นชา พระหัตถ์ที่วางบนพนักบัลลังก์มังกรค่อยๆ กำแน่น
จู่ๆ บรรยากาศภายในกระโจมหลักก็เย็นยะเยือกลงเล็กน้อย ทุกคนต่างกลั้นหายใจ นอกจากท่านเฟิงแล้ว ไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียง
ทันใดนั้น ที่พักแขนบัลลังก็มังกรก็แตกกระจายดัง ‘ครืน’
ทุกคนต่างคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความตื่นตระหนก ยกเว้นท่านเฟิง
“ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ! ”
แววพระเนตรเยือกเย็นของฮ่องเต้แคว้นตงเฉินยิ่งทวีความเข้มข้น
“รัชทายาท นี่มันหมายความว่าอย่างไร นางกำลังคิดการกบฏหรือ ข้ายังไม่สิ้นพระชนม์!”