สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 26 ตอนที่ 759 มู่หรงฉีสิ้นพระชนม์?
ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินนัดพบมู่หรงฉีที่หุบเขามรณะเพื่อหารือเรื่องการพักรบชั่วคราว
พื้นที่ยุทธศาสตร์รอบหุบเขามรณะนั้นอันตราย เพื่อป้องกันศัตรูดักซุ่มโจมตี ยอดฝีมือทั้งหมดในค่ายทหารแคว้นหนานหลีได้ถูกจัดวางตำแหน่งพร้อมรับมือ
แม่ทัพใหญ่สี่นายในค่ายทหาร มีสองนายที่ติดตามมู่หรงฉีมุ่งหน้าไปยังหุบเขามรณะ ส่วนอีกสองนายอยู่รักษาการณ์ที่ค่ายทหาร
ค่ายทหารแคว้นหนานหลีได้เตรียมรับมือการลอบโจมตี ทว่าพวกเขาคาดไม่ถึงว่าจะมีการลอบโจมตีตอนกลางวันแสกๆ ทั้งยังมีหนอนบ่อนไส้อีกด้วย
ดังนั้น เมื่อคลังเสบียงของกองทัพถูกเผา แม่ทัพใหญ่สองนายที่รักษาการณ์อยู่ที่ค่ายทหารจึงไม่อาจป้องกันไว้ได้
แม่ทัพใหญ่สองนายที่มู่หรงฉีจัดวางไว้ให้รักษาการณ์อยู่ที่ค่ายทหาร ได้แก่ แม่ทัพอวี่เหวินและแม่ทัพมู่หรง
นามของแม่ทัพมู่หรงคือมู่หรงเยวี่ย เช่นเดียวกันกับมู่หรงอ้าวเทียน แม่ทัพที่รักษาการณ์อยู่ที่ชายแดนแคว้นหนานหลีและแคว้นจงหนิงล้วนเป็นเชื้อพระวงศ์สกุลมู่หรง
และมีประสบการณ์ด้านการสู้รบที่ช่ำชองอย่างมาก
เมื่อพบว่าในกองทัพมีการเปลี่ยนแปลง และกองทัพแคว้นตงเฉินฉวยโอกาสซุ่มโจมตี ทันใดนั้น พวกเขาจึงตัดสินใจตอบโต้กลับในแบบเดียวกัน
ในไม่ช้า ทั้งสองฝ่ายก็สู้รบกัน
ทว่ากองกำลังทหารของแคว้นตงเฉินมาอย่างกะทันหันเกินไป ทั้งไส้ศึกภายในกองทัพแคว้นหนานหลียังเผาข้าวของและเสบียงของทหารอีกด้วย ทำให้ขวัญกำลังใจของเหล่าทหารแคว้นหนานหลีสับสนอลหม่าน
แม้แม่ทัพมู่หรงและแม่ทัพอวี่เหวินจะสั่งการอย่างเหมาะสม แต่เห็นได้ชัดว่ากองทัพที่นำโดยตงหลิงหวงนั้นเหนือกว่า
เมื่อเห็นว่ากองกำลังแคว้นหนานหลีใกล้พ่ายแพ้แล้ว และมีทหารจำนวนมากปลดชุดเกราะและอาวุธเพื่อหนีออกจากสนามรบ แม่ทัพอวี่เหวินจึงส่งคนให้ไปตามจับกลับมา ก่อนจะพูดกับแม่ทัพมู่หรงว่า “หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ไหวแน่! ต้อง… รายงานท่านอ๋อง! ”
“ไม่ได้ ท่านอ๋องรีบไปหุบเขามรณะ เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ ไม่อาจทำให้ท่านอ๋องเสียสมาธิได้ เจ้ากับข้าต้องยืนหยัดเอาไว้”
“ต้านไม่อยู่แล้ว! นี่เป็นเรื่องใหญ่ของกองทัพ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรายงานท่านอ๋อง หากผลที่ตาม… เจ้ากับข้าจะรับผิดชอบไหวหรือ? ”
แม่ทัพมู่หรงตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด แม่ทัพอวี่เหวินจึงสั่งการให้ทหารคอยคุ้มกันรีบมุ่งหน้าไปรายงานมู่หรงฉี
ทหารที่มุ่งไปนั้นเป็นแมวเก้าชีวิต เพื่อนร่วมทางตายกันไปหลายคน ก็สามารถตีฝ่าวงล้อมออกไปได้
อู๋ซวงที่ติดตามตงหลิงหวงอยู่ด้านทางหลังมีสายตาเฉียบแหลม ในไม่ช้านางก็สังเกตเห็นและส่งสายตาให้ตงหลิงหวงที่อยู่บนหลังม้า
“รัชทายาท พระองค์ดู! ”
แววตาของตงหลิงหวงจับจ้องอยู่ที่ร่างของทหารนายนั้นที่หนีออกไป ดวงตาดำขลับทั้งสองข้างค่อยๆ หรี่ลง แสงเย็นเยือกวาบผ่านม่านตาอย่างรวดเร็ว
ตงหลิงหวงค่อยๆ ยกคันธนูในมือขึ้นและเล็งไปที่ทหารนายนั้น
นางไม่มีวันปล่อยให้ข่าวเล็ดลอดออกไปแน่นอน และไม่สามารถปล่อยให้มู่หรงฉีทราบข่าวสถานการณ์ทางนี้ได้
นางไม่ได้กลัวว่ามู่หรงฉีจะกลับมาพร้อมกำลังเสริม
ทว่า… ก้นบึ้งในหัวใจของนาง นางไม่รู้จริงๆ ว่าจะเผชิญหน้ากับมู่หรงฉีอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้
‘ฟิ้ว… ’ ลูกธนูพุ่งออกไปยังเป้าหมาย ทหารนายนั้นล้มลงและตายในที่เกิดเหตุทันที
แม่ทัพอวี่เหวินและแม่ทัพมู่หรงที่อยู่บนหลังม้ามองเห็นอย่างชัดเจน คิ้วของพวกเขาพลันกระตุก ก่อนจะมองไปที่ตงหลิงหวงด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยเพลิงแห่งโทสะ
แม่ทัพมู่หรงหวดบั้นท้ายม้าอย่างแรง เขายกหอกในมือขึ้นและควบม้าห้อตะบึงพุ่งเข้าไปหาตงหลิงหวง
“แม่นางน้อย ข้าขอคำชี้แนะนำจากเจ้าสักหน่อยเถิด”
แม่ทัพมู่หรงไม่พอใจตงหลิงหวงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งเขายังแสดงความเป็นศัตรูอย่างลึกซึ้ง
น่าเสียดายที่เขายังไม่ทันได้เข้าใกล้ตงหลิงหวง ‘ฟู่ว’ คนชุดดำนับสิบที่อยู่ข้างหลังตงหลิงหวงก็กระโดดออกมาขวางทางแม่ทัพมู่หรง
คนชุดดำเหล่านี้ล้วนเป็นทหารในกองทัพยวี่หลินและกองทัพวิหคสวรรค์ที่ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินมอบให้ตงหลิงหวง ทุกคนล้วนมีวรยุทธ์สูงส่ง
ในไม่ช้า แม่ทัพเฒ่ามู่หรงก็เข้าปะทะพวกเขา
สมแล้วที่เป็นแม่ทัพผู้มากประสบการณ์ซึ่งกรำศึกมาทั้งชีวิต มู่หรงเยวี่ยถูกล้อมด้วยยอดฝีมือนับสิบ เขาประมือไปกว่าสิบกระบวนท่า
ทว่าหลังจากผ่านไปห้าสิบกระบวนท่า เห็นได้ชัดว่ามู่หรงเยวี่ยไม่ไหวแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ทหารที่อยู่โดยรอบต้องการฝ่าวงล้อมเข้าไปช่วยมู่หรงเยวี่ย ทว่าถูกกองทัพวิหคสวรรค์ฆ่าตายทั้งหมด
ความแข็งแกร่งของตงหลิงหวงไม่แพ้เหล่าบุรุษ นางขี่ม้าอย่างหยิ่งทะนง และมองด้วยสายตาเย็นชา
อย่างไรก็ตาม คาดไม่ถึงว่าขณะที่มู่หรงเยวี่ยกำลังจะต้านทานไม่ไหวนั้น ทหารนายหนึ่งกลับพุ่งออกมาจากสนามรบที่กำลังโกลาหล และฝ่าอุปสรรคอย่างกองทัพวิหคสวรรค์ ระหว่างทาง คนผู้นั้นได้ตัดศีรษะทหารที่อยู่ด้านข้างมู่หรงเยวี่ย และร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา
เห็นได้ชัดว่าวรยุทธ์ของทหารผู้นั้นสูงส่งกว่าทหารทั่วไปมาก เขาสามารถฝ่าทะลุการป้องกันของคนจากกองทัพวิหคสวรรค์ได้ วรยุทธ์ของเขาต้องไม่อ่อนด้อยอย่างแน่นอน
ดูจากการลงมือที่ไม่ธรรมดาของคนผู้นั้น
ยอดฝีมือเช่นนี้ จะเป็นเพียงทหารในค่ายทหารแคว้นหนานหลีได้อย่างไร?
แม้ท่าทางของตงหลิงหวงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าแววตาของนางปรากฏความสงสัย
เห็นได้ชัดว่ามู่หรงเยวี่ยก็ไม่รู้จักทหารผู้นั้น เขาเอ่ยปากถามด้วยความตกตะลึง “เจ้าอยู่ค่ายใด? ”
ทหารและบุรุษชุดดำต่อสู้กัน กระบวนท่าดุดันจนหายใจแทบไม่ทัน
“ข้าน้อยรับบัญชาจากท่านอ๋อง ท่านอ๋องมีพระประสงค์ให้ข้าน้อยคอยปกป้องแม่ทัพมู่หรงและแม่ทัพอวี่เหวิน”
ที่กล่าวมานั้นย่อมมีเหตุผล ข้างกายมู่หรงฉีมีองครักษ์เงาและองครักษ์ที่มีวรยุทธ์โดดเด่นไม่น้อย
ไม่น่าแปลกใจที่ก่อนออกเดินทาง เขาจะจงใจทิ้งยอดฝีมือสองสามนายให้ปลอมตัวเป็นทหาร
ดังนั้นแม่ทัพมู่หรงจึงไม่คิดอันใดมาก
แม้ตงหลิงหวงจะอยู่ไกลออกไปเล็กน้อย ทว่านางได้ยินคำพูดของทหารผู้นั้นอย่างชัดเจน แววตายิ่งทวีความสงสัยมากยิ่งขึ้น
นางจับทางวรยุทธ์ของทหารผู้นั้นอย่างละเอียดชั่วครู่ และรู้สึกคุ้นเคยอย่างมาก แต่บอกไม่ได้ว่าคุ้นเคยจากที่ใด
อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่กระบวนท่าของกลุ่มวรยุทธ์ที่มีชื่อเสียงในอาณาจักรเทียนเหอที่นางรู้จัก มีหลายกระบวนท่าที่นางดูไม่ออก
เบื้องหลังของคนผู้นี้คืออันใดกันแน่?
ระหว่างที่พวกเขาต่อสู้กันอย่างสูสี ในระยะไกล ทหารที่มีคำว่า ‘หนานหลี’ ติดอยู่บนหลังก็พุ่งมาทางนี้
เขาหวดแส้ม้าและตะโกนว่า “ท่านอ๋อง… สิ้นพระชนม์แล้ว ท่านอ๋องถูกคนแคว้นตงเฉินสังหาร พี่น้องทั้งหลาย ฆ่าคนแคว้นตงเฉินพวกนี้ เพื่อล้างแค้นให้ท่านอ๋อง… ”
ในชั่วพริบตา คนผู้นั้นก็ตะโกนไปหลายครั้งแล้ว
เมื่อมองอย่างละเอียด บนร่างของคนผู้นั้นเต็มไปด้วยรอยแผลและใบหน้าก็เปรอะไปด้วยเลือด มองครั้งแรกคิดว่าไม่น่าจะรอดแต่ก็รอดมาได้ ราวกับเขาเพิ่งปีนออกมาจากกองซากศพ
ธงที่ติดอยู่ด้านหลังของเขาถูกย้อมด้วยเลือดสีแดงฉาน
เมื่อได้ยินข่าวนี้ กองกำลังแคว้นหนานหลีก็ราวกับหม้อไฟที่ระเบิด พริบตาเดียวก็เกิดความโกลาหล
พวกเขาเกิดความกระหายเลือดจนเสียสติ แทบไม่สนใจสิ่งใด เมื่อพวกเขาได้ยินข่าวนี้ พวกเขาก็เริ่มต่อสู้กับศัตรูอย่างไม่คิดชีวิต ในใจคิดเพียงล้างแค้นให้ท่านอ๋องของพวกเขา
คนขี้คลาดบางคนก็ปลดชุดและอาวุธ ก่อนจะหนีไปด้วยความตื่นตระหนก
“ไม่ต้องตื่นตระหนก ทุกคนไม่ต้องตื่นตระหนก”
“ทุกคนไม่ต้องตื่นตระหนก นี่เป็นกลอุบายของศัตรู ท่านอ๋องเก่งกาจเกรียงไกร วรยุทธ์สูงส่ง จะสิ้นพระชนม์ด้วยน้ำมือของศัตรูได้อย่างไร? ”
น่าเสียดาย ท่ามกลางความโกลาหลนั้น ทุกคนไม่ได้ยินอันใดแม้แต่น้อย
เมื่อกองทัพศัตรูอยู่ในความโกลาหล ทำให้สูญเสียประสิทธิภาพด้านการรบ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการสร้างขวัญกำลังใจในการต่อสู้แก่กองกำลังทหารแคว้นตงเฉิน
คนที่ทิ้งอาวุธและชุดเกราะ ไม่มีผู้ใดโชคดีรอดชีวิต ทั้งหมดล้วนตายด้วยน้ำมือของกองกำลังทหารแคว้นตงเฉิน ภาพเหตุการณ์นั้นเต็มไปด้วยเลือดและความโหดร้าย
มู่หรงฉีสิ้นพระชนม์แล้วหรือ?
เห็นได้ชัดว่าตงหลิงหวงไม่เชื่อ
แม้วรยุทธ์ของมู่หรงฉีไม่ได้ร้ายกาจเหมือนเยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซี ทว่าผู้ที่ติดอันดับรายชื่อยอดฝีมือในอาณาจักรเทียนเหอ จะตายง่ายๆ ได้อย่างไร?
ทว่า…
ภายในใจตงหลิงหวงรู้สึกไม่สงบแม้แต่น้อย
สุดท้ายแล้ว ผู้ที่ไปพบมู่หรงฉีที่หุบเขามรณะคือเสด็จพ่อของนางเอง
นอกจากนั้น เสด็จพ่อยังนำยอดฝีมือชั้นเยี่ยมของแคว้นตงเฉินอย่างกองทัพยวี่หลิน กองทหารพยัคฆ์บิน และกองทัพวิหคสวรรค์ร่วมเดินทางไปที่นั่นด้วย
นางเริ่มไม่มั่นใจเล็กน้อย