สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 26 ตอนที่ 774 ต้องอาศัยความรู้สึก
ผ่านไปสักพัก ตงหลิงหวงก็หักกิ่งไม้ท่อนหนึ่งและเกี่ยวหญ้าที่เน่าเปื่อยริมลำธาร
มู่หรงฉีและคุณชายฉู่คิดว่าตงหลิงหวงพบอันใดบางอย่าง จึงเข้าไปใกล้ๆ
ตงหลิงหวงสังเกตหญ้าอย่างละเอียด พลางมองไปรอบๆ จากนั้นจึงหันไปถามป้าหลัวว่า “เจ้าเคยเห็นหญ้าเหล่านี้แถวลำธารนี้หรือไม่?”
ป้าหลัวมองอย่างละเอียดและส่ายศีรษะ “ข้าไม่เคยเห็น ข้าไม่เคยเห็นหญ้าชนิดนี้มาก่อนเลย”
ตามที่ตงหลิงหวงคาดการณ์ไว้ พืชเหล่านี้ไม่ได้เติบโตบริเวณริมลำธาร
“มีอันใดผิดปกติหรือ? ” คุณชายฉู่ถามตงหลิงหวง
ตงหลิงหวงยื่นหญ้าให้คุณชายฉู่ดู “คุณชายฉู่ หญ้าชนิดนี้คงไม่ใช่พืชในหุบเขาหลูเหว่ยของท่านกระมัง? ”
คุณชายฉู่มองอย่างละเอียดและส่ายศีรษะ สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย เขาต้องการจะพูดอันใดบางอย่าง ทว่าตงหลิงหวงกลับเอ่ยปากอธิบายเสียก่อน
“ลำธารนี้คงไหลมาจากภายนอกหุบเขาหลูเหว่ย งู หนู มด แมลง และมนุษย์ไม่สามารถเข้ามาภายในหุบเขาหลูเหว่ยได้ หากสารพิษเกาะติดอยู่กับพืชเหล่านี้และไหลเข้ามาในหุบเขาหลูเหว่ย คุณชายฉู่คงตรวจไม่พบกระมัง? ”
ตงหลิงหวงพูดสิ่งที่คุณชายฉู่กำลังครุ่นคิด คุณชายฉู่ส่ายศีรษะด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
ตงหลิงหวงพูดต่อ “สิ่งนี้เป็นสมุนไพรประเภทหนึ่ง ตัวมันเองไม่ได้มีพิษ ทว่าพิษได้อาบอยู่บนตัวของมัน ส่วนสมุนไพรนี้… ”
คำพูดประโยคหลังของตงหลิงหวงขาดหายไป ดวงตาของนางปรากฏความเคร่งขรึม
นี่ไม่ใช่สมุนไพรธรรมดา มันมีชื่อว่ายวี่หวงจู ซึ่งเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีสภาพภูมิอากาศ ความชื้น แสง สภาพดิน และข้อกำหนดอื่นๆ ที่อยู่ในระดับสูงมาก
แม้สถานที่หลายแห่งในอาณาจักรเทียนเหอจะมีสภาพภูมิอากาศที่ดีมาก แต่มีเพียงไม่กี่แห่งที่สามารถปลูกยวี่หวงจูได้
หากดูตามกระแสน้ำในลำธารแห่งนี้ ตงหลิงหวงสามารถคาดเดาได้คร่าวๆ ว่า สมุนไพรชนิดนี้คงเจริญเติบโตในทิศตะวันตกของอาณาจักรเทียนเหอ
ทางทิศตะวันตกมีสถานที่น้อยมากที่สามารถปลูกสมุนไพรยวี่หวงจูได้
หุบเขาร้อยบุปผาของฮูหยินเตี๋ยเมิ่งนับเป็นหนึ่งในนั้น นอกจากนั้น ทางตะวันตกของแคว้นหนานหลีก็มีสวนสมุนไพรอยู่แห่งหนึ่งเช่นเดียวกัน และที่สุดท้ายคือดินแดนต้องห้ามของสกุลจง
เมื่อคำนวณอย่างละเอียด มีเพียงสามแห่งนี้เท่านั้น
ตงหลิงหวงกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก แววตาของมู่หรงฉีจับจ้องไปที่มือของตงหลิงหวงเนิ่นนาน เขาค่อยๆ เข้าไปใกล้ตงหลิงหวงและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “มีสถานที่เพียงไม่กี่แห่งที่สมุนไพรชนิดนี้สามารถเติบโตได้ใช่หรือไม่? ”
ตงหลิงหวงอธิบายความจริงและสิ่งที่นางกำลังครุ่นคิดให้มู่หรงฉีฟัง
ใบหน้าของมู่หรงฉีปรากฏความเคร่งขรึมเล็กน้อย “หากสมุนไพรชนิดนี้สามารถเจริญเติบโตได้เพียงสถานที่ทั้งสามแห่ง ทั้งยังแน่ใจว่าพิษที่เคลือบอยู่บนสมุนไพรนั้นมาจากแคว้นไหวเจียง เช่นนั้น สมุนไพรเหล่านี้ย่อมไหลมาจากดินแดนต้องห้ามของสกุลจงแน่นอน”
ตงหลิงหวงแปลกใจเล็กน้อย “ทำไมเจ้าถึงมั่นใจเช่นนั้น? ”
มู่หรงฉีจงใจลดเสียงให้เบาลง และพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่มีเพียงเขาและตงหลิงหวงเท่านั้นที่ได้ยิน “หนึ่งเดือนก่อน เสด็จพ่อของข้าทรงประชวรหนัก สาเหตุก็มาจากแคว้นไหวเจียง รังของแคว้นไหวเจียงซ่อนอยู่ในดินแดนต้องห้ามสกุลจง ก่อนหน้านี้ จิ่นซีและโยวอ๋องพาเสด็จพ่อของข้าไปที่ดินแดนต้องห้ามสกุลจง ข้าได้ข่าวจากจิ่นซีว่าพวกเขาค้นพบใจกลางดินแดนต้องห้ามซึ่งเป็นพื้นที่ของแคว้นไหวเจียง และในพื้นที่นั้นยังพบพิษร้ายแรงจำนวนมาก พวกเขาจึงทำลายถ้ำแห่งนั้นเมื่อออกมาจากดินแดนต้องห้าม”
ทว่าตามคำพูดของซูจิ่นซี รังของพวกแคว้นไหวเจียงที่อยู่ใต้ดินของดินแดนต้องห้ามสกุลจงนั้นมีขนาดใหญ่มาก ไม่สามารถทำลายได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก หากมีสารพิษไหลออกมาสู่ภายนอกโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือคนที่รอดชีวิตนำมันออกมาด้วยจุดประสงค์ร้ายแรงบางอย่าง ขณะที่นางทำลายรังของพวกมัน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ใจว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ สิ่งเดียวที่น่าสงสัยคือ สารพิษเหล่านี้เกี่ยวข้องกับศูนย์กลางรังของพวกแคว้นไหวเจียงในดินแดนต้องห้ามสกุลจงที่ซูจิ่นซีได้ทำลายไป
คุณชายฉู่รออยู่ด้านข้าง แม้เขาจะไม่รู้ว่าตงหลิงหวงกับมู่หรงฉีกำลังสนทนาเรื่องอันใด ทว่าเขาไม่ได้เร่งรัด
“หากสารพิษเหล่านี้รั่วไหลออกมาจากดินแดนต้องห้ามสกุลจงจริงๆ ผลร้ายที่ตามมาคงยากคาดเดา อีกทั้งสารพิษคงรุนแรงมากทีเดียว เพราะจิ่นซีเขียนมาในจดหมายว่าสารพิษในดินแดนต้องห้ามสกุลจงนั้นหายากและจัดการได้ยากอย่างมาก”
ตงหลิงหวงพยักหน้า
เป็นเรื่องที่รับมือยากจริงๆ อย่างน้อยตามความสามารถในตอนนี้ของนาง นางไม่สามารถแม้แต่จะวิเคราะห์ส่วนประกอบของสารพิษเหล่านั้น นับประสาอันใดกับยาถอนพิษหรือแผนการรักษา
“เจ้ามีแนวทางหรือแผนการอันใดเป็นพิเศษหรือไม่? ” มู่หรงฉีเอ่ยถาม
สีหน้าของตงหลิงหวงเคร่งขรึมตลอดเวลา ไม่อาจบอกได้ว่านางกำลังครุ่นคิดอันใดอยู่
“ยังไม่มี กลับกันก่อนเถิด! ”
“ตกลง! ”
แม้นางจะไม่ได้บอกอันใดคุณชายฉู่ ทั้งยังเสนอให้กลับก่อนอย่างกะทันหัน ทว่าคุณชายฉู่ก็ไม่ได้พูดอันใด
คุณชายฉู่จัดเตรียมให้คนนำตัวป้าหลัวและบุตรชายคนโตของนางกลับไปที่หมู่บ้าน ส่วนเขาก็พาตงหลิงหวงและมู่หรงฉีกลับไปที่จวนเจ้าหุบเขาด้วยตนเอง
ในที่สุด คุณชายฉู่ก็อดพูดขึ้นไม่ได้ “ฮูหยินหลิง ท่านมีเบาะแสเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของคนในหุบเขาของข้าหรือไม่? มีโอกาสรักษาหายหรือไม่? รับมือยากหรือไม่? หากฮูหยินหลิงต้องการให้ข้าช่วยเหลือด้านใดก็กล่าวออกมาได้เลย ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่”
นี่คือสิ่งที่คุณชายฉู่กังวลมากที่สุด
ตงหลิงหวงครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินออกไปข้างนอกกับคุณชายฉู่ ราวกับตั้งใจหลบเลี่ยงมู่หรงฉี
ตงหลิงหวงพูดตามตรงว่า “คุณชายฉู่ ข้าขอบอกตามตรง เกี่ยวกับพิษในร่างกายของชาวบ้านในหุบเขา ข้าอับจนหนทางจริงๆ ด้วยความสามารถของข้าในตอนนี้ ไม่สามารถวิเคราะห์ส่วนประกอบของสารพิษได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยาแก้พิษ
ตอนนี้ยังไม่มีใครตาย ทว่าพิษจะกำเริบเมื่อไรก็ไม่มีผู้ใดทราบ หากล่าช้าอีกหนึ่งวัน พวกเขาก็อันตรายขึ้นอีกหนึ่งวัน”
ใบหน้าของคุณชายฉู่เต็มไปด้วยความกังวลและความเศร้าโศก
“ฮูหยินหลิงร่ำเรียนวิชาแพทย์มาจากสำนักแพทย์เทียนอี แม้แต่ฮูหยินหลิงยังทำอันใดไม่ได้ เช่นนั้นข้าควรทำอย่างไร? ”
หลังจากพูดจบ คุณชายฉู่ก็มองไปที่ตงหลิงหวงด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยร่องรอยของความวิตกกังวล “ฮูหยินหลิง ข้าขอร้องท่าน ท่านต้องหาวิธีช่วยชีวิตคนในหุบเขาของข้าให้ได้! ไม่ว่าฮูหยินต้องการสิ่งใด ท่านเพียงพูดออกมาคำเดียว ข้าสามารถทำได้ทั้งหมด”
ตงหลิงหวงขมวดคิ้ว “นี่มันไม่ใช่เรื่องความต้องการ ข้าจนปัญญา ทำไม่ได้จริงๆ ”
ดวงตาของคุณชายฉู่ปรากฏความสิ้นหวังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
คราแรก ตงหลิงหวงลังเลเล็กน้อย ทว่าเมื่อนางเห็นความกังวลและความสิ้นหวังภายในดวงตาของคุณชายฉู่ นางจึงอดพูดไม่ได้ “แม้ข้าไม่สามารถช่วยชีวิตคนในหุบเขาได้ ทว่าข้าสามารถแนะนำยอดฝีมือด้านการถอนพิษให้กับท่าน เพียงแต่บุคคลผู้นี้มีอุปนิสัยแปลกประหลาด คุณชายสามารถเชิญนางมาช่วยได้หรือไม่นั้น ยังพูดยาก”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาของคุณชายฉู่ก็เปล่งประกาย “สิ่งที่ฮูหยินหลิงกล่าวมานั้นจริงหรือ? ”
“จริงแท้แน่นอน คนผู้นั้นเชี่ยวชาญด้านการถอนพิษและวิชาแพทย์ โดยเฉพาะเรื่องการถอนพิษ ยังไม่มีพิษใดที่นางถอนไม่ได้ นอกจากนั้น พิษในร่างกายของชาวบ้าน นางอาจรู้จักอยู่บ้าง”
“หากเป็นเช่นนั้นก็ดีมากทีเดียว ผู้แซ่ฉู่ขอขอบคุณในพระคุณอันยิ่งใหญ่ของฮูหยินหลิง”
“ข้าไม่ได้ทำอันใดเลย คุณชายฉู่ไม่จำเป็นต้องขอบใจข้าเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น… นางจะมาหรือไม่ก็ยังไม่แน่”
อย่างไรเสีย อุปนิสัยของซูจิ่นซีก็แปลกประหลาดจริงๆ นางไม่ใช่พระโพธิสัตว์ แม้นางจะมีความสามารถในการรักษาโรคและช่วยชีวิตคน ทว่านางไม่ใช่คนที่เห็นอกเห็นใจเมื่อเห็นผู้อื่นมีความทุกข์
หากต้องการให้นางช่วยเหลือ ต้องดูอารมณ์ของนาง และขึ้นอยู่กับโชคชะตาฟ้าลิขิตของผู้ป่วยด้วย