สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 26 ตอนที่ 775 ผู้ใดล้อเล่น ผู้ใดจริงจัง
เมื่อเห็นแววตาทอประกายของคุณชายฉู่ สุดท้าย ตงหลิงหวงก็ไม่อาจแข็งใจต่อไปได้
“เช่นนั้น ข้าจะเขียนจดหมายฉบับหนึ่งให้ท่าน และบอกที่อยู่คร่าวๆ ของนางในเวลานี้ ท่านต้องนำจดหมายไปส่งถึงมือนางด้วยตนเอง ส่วนนางจะมาหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของนางและท่านแล้ว”
คุณชายฉู่พยักหน้า และทำความเคารพด้วยมารยาทที่เพียบพร้อม “ขอบคุณท่านยิ่งนัก ฮูหยินหลิง”
ตงหลิงหวงไม่เกรงใจ นางหยิบกระดาษและพู่กันของคุณชายฉู่มาเขียนจดหมายให้ซูจิ่นซี
คุณชายฉู่รับไว้ด้วยความดีใจ
“พรุ่งนี้ข้าจะออกจากหุบเขาไปตามหาแม่นางซูผู้นี้ ฮูหยินหลิงกับคุณชายมู่หรงพักในหุบเขาก่อน รอจนข้ากลับมาอีกครั้ง ข้าจะดูแลท่านทั้งสองอย่างดี”
“เราสองคนยังมีเรื่องต้องจัดการ ไม่อาจอยู่นานได้ พวกเราวางแผนว่าจะออกจากหุบเขาในวันพรุ่งนี้” ตงหลิงหวงกล่าว
เดิมที ตอนที่ตงหลิงหวงตัดสินใจแนะนำซูจิ่นซีให้คุณชายฉู่ นางได้วางแผนเรียบร้อยแล้ว
ประการแรก แม้คุณชายฉู่ไม่สามารถเชิญซูจิ่นซีมาได้ นางก็ไม่มีบทบาทใดๆ ที่นี่
ประการที่สอง หากคุณชายฉู่เชิญซูจิ่นซีมาได้ ด้วยสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกระหว่างสามแคว้น ได้แก่ แคว้นตงเฉิน แคว้นหนานหลี และแคว้นจงหนิงในวันนี้ นางก็ไม่ควรเผชิญหน้ากับซูจิ่นซี
คุณชายฉู่ลังเล “ทว่า… ร่างกายของคุณชายมู่หรงยังบาดเจ็บอยู่ เกรงว่าคงเดินเหินไม่ค่อยสะดวกนัก”
ตงหลิงหวงแสดงท่าทีมุ่งมั่น “มีเรื่องสำคัญรอให้ข้ากลับไปจัดการจริงๆ ”
แคว้นคงเฉินและแคว้นหนานหลีกำลังทำสงคราม ในฐานะที่พวกเขาเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของทั้งสองแคว้น พวกเขาจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น ตงหลิงหวงรู้สึกว่าเหล่านักฆ่าที่นางพบก่อนหน้านี้ต้องมีเบื้องหลังมากมาย ไม่แน่ว่าอาจเป็นคนภายในแคว้นตงเฉินเองที่จ้างวานมา
ภายในและภายนอกล้วนไม่สงบ ตงหลิงหวงกังวลเกี่ยวกับเสด็จพ่อของนางและสถานการณ์ในราชสำนักของแคว้นตงเฉินเวลานี้มาก
เมื่อเห็นท่าทีแน่วแน่ของตงหลิงหวง เขาจึงไม่ได้ขัดขวาง
“ในเวลานี้ ข้าจะไม่รั้งฮูหยินหลิงให้อยู่ต่อ ฮูหยินจะไปเมื่อใด ข้าจะได้ไปส่งฮูหยินและคุณชายมู่หรง”
“พรุ่งนี้”
คุณชายฉู่ตกตะลึงเล็กน้อย “ตกลง! พรุ่งนี้ ข้าจะส่งฮูหยินและคุณชายมู่หรงออกจากหุบเขา”
“ขอบคุณมาก”
เรื่องออกจากหุบเขาหลูเหว่ย ตงหลิงหวงไม่ได้บอกมู่หรงฉี จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น ตอนที่คุณชายฉู่พาคนมารับมู่หรงฉีและตงหลิงหวง มู่หรงฉีถึงได้รู้
ความหมายของการออกจากหุบเขาหลูเหว่ยคือการแยกกับตงหลิงหวง พวกเขาต้องแยกจากกันและเผชิญหน้ากันคนละฝั่ง มู่หรงฉีไม่ยินยอมเด็ดขาด
ทว่าตงหลิงหวงไม่คิดว่ามู่หรงฉีจะแสดงท่าทางไร้ยางอาย นับเป็นการปรับทัศนคติใหม่ของตงหลิงหวงที่มีต่อมู่หรงฉีอย่างสิ้นเชิง
คนและม้าของคุณชายฉู่รออยู่ด้านนอกประตูแล้ว เมื่อได้ยินว่าจะออกจากหุบเขาหลูเหว่ย มู่หรงฉีก็นอนแหมะอยู่กับเตียงไม่ยอมลุกขึ้น
“มู่หรงฉี เจ้าจะลุกหรือไม่? ”
มู่หรงฉีนอนกอดผ้าห่มอยู่ปลายเตียง
“ไม่ลุก ไม่ลุกแน่นอน ไม่ลุกโดยเด็ดขาด หวงเอ๋อร์ ข้ายังบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่หรือ? เจ้าจะใจจืดใจดำทำให้ข้าเหนื่อยจากการเดินทางได้หรือ? หากกระทบกระเทือนบาดแผลเล่า มันอาจส่งผลกระทบต่ออวัยวะส่วนล่าง และอาจส่งผลต่อความสุขทั้งชีวิตของหวงเอ๋อร์”
ตงหลิงหวงไร้คำพูดตอบโต้ นางเกลี้ยกล่อมเขาครึ่งค่อนวัน ทว่ามู่หรงฉียังทำตัวหน้าไม่อายอยู่เช่นนั้น นางไม่อยากพูดกับมู่หรงฉีอีกแล้ว
ตงหลิงหวงนั่งลงที่โต๊ะชา พลางขมวดคิ้วอย่างอับจนหนทาง
“มู่หรงฉี ความอดทนของข้ามีขีดจำกัด ข้าให้เวลาเจ้าเพียงครึ่งก้านธูป ลงจากเตียงแล้วไปใส่เสื้อผ้าดีๆ ”
มู่หรงฉีกัดหมอนด้วยท่าทางราวกับ ‘แม่นางน้อยที่ถูกสามีทอดทิ้ง’ “หวงเอ๋อร์ช่างโหดร้าย ข้าหวาดกลัวอย่างมาก ทว่า… ข้าได้รับบาดเจ็บ ลงจากเตียงไม่ได้”
ตงหลิงหวงตกใจจนกรามแทบร่วงลงพื้น ส่วนใหญ่บุรุษแข็งแรง สตรีอ่อนแอ เหตุใดถึงได้กลับกันเช่นนี้?
“เวลาผ่านไปครึ่งก้านธูปแล้ว มู่หรงฉี รักษาเวลาด้วย ข้าไม่ชอบอืดอาดยืดยาด”
มู่หรงฉียังคงแสดงท่าทางอ่อนแอ “หวงเอ๋อร์ ข้าไม่ไปไม่ได้หรือ? ”
“ได้! ”
ทันทีที่มู่หรงฉีแสดงท่าทางมีความสุข ตงหลิงหวงก็เอ่ยคำพูดเย็นชาออกมา
“เจ้าไม่ไป ข้าไป! ”
มู่หรงฉีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบเปลี่ยนคำพูด “หวงเอ๋อร์ พวกเราไม่ไปไม่ได้หรือ! ”
ความอดทนของตงหลิงหวงถึงขีดจำกัดแล้ว “มู่หรงฉี เจ้ายังมีความละอายอยู่หรือไม่? อย่างไรเจ้าก็เป็นฉีอ๋องแห่งแคว้นหนานหลี หากลูกน้องหรือประชาชนของเจ้าเห็นเจ้าในสภาพเช่นนี้ หึ… ข้าดูแล้ว มู่หรงฉีในสภาพเช่นนี้คงไม่ต้องเป็นฉีอ๋องแล้วกระมัง
หากข้าจำไม่ผิด วันที่เสด็จพ่อของเจ้ากลับคืนสู่ราชสำนัก เขาได้แต่งตั้งเจ้าเป็นรัชทายาท รัชทายาทแคว้นหนานหลี ท่านต้องการให้พวกข้าราชบริพารเห็นท่าทีไม่เอาไหนเช่นนี้ของเจ้าหรือ? ”
มู่หรงฉียังคงมีท่าทางไร้ยางอายและกวักนิ้วเรียกตงหลิงหวง
ตงหลิงหวงจ้องเขม็งโดยไม่ตอบอันใด
มู่หรงฉีหัวเราะอย่างมีความสุข “หวงเอ๋อร์ เจ้ามานี่! ”
“มู่หรงฉี เวลาครึ่งก้านธูปผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้ว”
“เจ้ามานี่ ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”
ตงหลิงหวงพูดไม่ออกจริงๆ นางลุกขึ้นยืนและเดินไปหามู่หรงฉี
ทันทีที่เดินไปใกล้เตียง มู่หรงฉีที่กำลังซุกตัวอยู่ในผ้าห่มก็ลุกขึ้นทันที และดึงร่างตงหลิงหวงขึ้นมาบนเตียง
มู่หรงฉีไม่ได้สวมเสื้อผ้า ตงหลิงหวงทั้งอายทั้งรำคาญ อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่าเสียงลมหายใจร้อนผ่าวของมู่หรงฉีจะดังขึ้นที่ข้างใบหู
“หวงเอ๋อร์ เจ้าเป็นผู้เดียวที่ได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของข้า พวกเขา… ต่อให้ตายไปก็ไม่โชคดีเช่นนี้”
ตงหลิงหวงกำหมัดทุบลงกลางอกของมู่หรงฉี “มู่หรงฉี เจ้ามันไร้ยางอาย ไปตายเสีย”
มู่หรงฉีนอนกุมหน้าอกอยู่บนเตียง “เอ่อ… ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว หวงเอ๋อร์ฆ่าสามี… ข้าจะตัดสินโทษเจ้าสถานหนัก”
ตงหลิงหวงขมวดคิ้วแน่น พลางยืนกอดอกมองมู่หรงฉีแสดงละครอยู่ข้างเตียง
“ฉีอ๋องทรงพระปรีชาสามารถ หึ คิดจะตัดสินโทษข้า ฉีอ๋อง เจ้าทำได้หรือ? ”
“แน่นอนว่าข้าทำได้! ” มู่หรงฉีนั่งกอดหมอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทางอ่อนแรง ทั้งยังเล่นหูเล่นตากับตงหลิงหวงที่มีท่าทีเย็นชา “ข้าตัดสินโทษให้เจ้าพัวพันกับข้าไปตลอดชีวิต และลิขิตให้เจ้าเป็นสตรีของข้าเพียงผู้เดียว”
ผู้ใดล้อเล่นผู้ใดจริงจัง คำพูดจริงจังกลับพูดเป็นเรื่องล้อเล่นให้เจ้าฟัง
เห็นได้ชัดว่า แม้มู่หรงฉีจะพูดอันใด ตงหลิงหวงก็ไม่เก็บมาใส่ใจ ทว่าคำพูดเช่นนี้กลับทำให้นางรู้สึกคันยุบยิบในใจอย่างอธิบายไม่ได้
ยังมีท่าทางเล่นหูเล่นตานั่นอีก ภายในใจตงหลิงหวงรู้สึกมีความสุขและผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
นางไม่เคยชินกับความรู้สึกเช่นนี้ และไม่ชอบเอาเสียเลย นางรู้สึกหงุดหงิดในใจทว่าไม่ได้พูดอันใด ทำเพียงหันหลังเดินออกไป และเรียกบ่าวรับใช้สองคนเข้ามาปรนนิบัติสวมเสื้อผ้าให้มู่หรงฉี
หลังผ่านไปหนึ่งก้านธูป มู่หรงฉีที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็ให้คนหามออกมา
ตงหลิงหวงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ นางสั่งให้บ่าวรับใช้อุ้มมู่หรงฉีไปนั่งบนรถเข็น
ตงหลิงหวงเข็นมู่หรงฉีออกมานอกประตู มู่หรงฉีพูดซ้ำๆ ว่า “หวงเอ๋อ์ใจร้าย หวงเอ๋อร์รังแกสามี”
เมื่อเห็นว่าต้องพบคุณชายฉู่และคนอื่นๆ ที่ประตูแล้ว ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป คุณชายฉู่ต้องได้ยินคำพูดน่าอายเป็นแน่ ตงหลิงหวงจึงเอ่ยเสียงเย็นชาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “มู่หรงฉี เจ้าพอได้แล้ว! ”
เมื่อเห็นว่าตงหลิงหวงโกรธจริงๆ มู่หรงฉีจึงเงียบปาก ทว่าเขาหันหลังกลับไปมองใบหน้าของตงหลิงหวงด้วยสายตารักใคร่ลึกซึ้ง
สำหรับท่าทางไร้ยางอายเช่นนี้ ตงหลิงหวงพูดไม่ออกจริงๆ