สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 27 ตอนที่ 783 เช่นนั้น เจ้าขอร้องข้าสิ
ซูจิ่นซีค่อยๆ เก็บกระบี่เฟิ่งอวี่ พลางยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ฮ่า ฮ่า กระบี่ของข้าเคลือบด้วยยาพิษที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อจัดการกับผนังทองแดงและแขนเหล็กของเจ้า มันเคยเป็นพิษที่ใช้หลอมละลายเหล็กให้กลายเป็นน้ำ แม้แต่แหไหมทองของแคว้นซียวี่ก็ละลายหายไป
ตามปริมาณของยาพิษ หากเจ้าไม่ได้รับยาถอนพิษภายในครึ่งชั่วยาว ร่างกายของเจ้าจะเน่าเปื่อยไปถึงหัวใจ และเจ้าจะตายในที่สุด
ถึงเวลานั้น ต่อให้ได้ยาถอนพิษมาก็ไร้ประโยชน์”
ทันทีที่สิ้นเสียงพูดของซูจิ่นซี ราชาเฮยซาหู่ยังไม่ทันตอบสนอง ผู้คนที่ยืนดูอยู่ด้านข้างพลันรู้สึกสันหลังเย็นวาบ เหมือนพิษเหล่านั้นปนเปื้อนอยู่ในร่างกายของตนเอง และร่างของพวกเขาจะละลายหายไป
ช่าง… โหดร้ายเกินไป… น่าหวาดกลัวยิ่งนัก…
อย่างไรก็ตาม พระชายาทรงร้ายกาจ สง่างาม ทรงพลัง และหล่อเหลาอย่างมาก!
ไม่คิดว่าสัตว์ร้ายที่น่ากลัว เมื่ออยู่ในกำมือของนางจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
แม้ซูจิ่นซีจะตัวเล็ก ทว่าท่ามกลางสายตาชื่นชมของทุกคน ราวกับนางจะมุ่งมั่นและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ความเข้มแข็งของใครบางคน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสูงของร่างกายแม้แต่น้อย
จิตใจที่เข้มแข็งจึงจะเป็นความแข็งแกร่งที่แท้จริง
ราชาเฮยซาหู่กลัวมากจนใบหน้าของเขาค่อยๆ เปลี่ยนไป “เจ้า… เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่? เหตุใดจึงมีของเช่นนี้ได้? ”
เขารู้ว่าสถานที่ที่มีสารพิษมากที่สุดในอาณาจักรเทียนเหอคือแคว้นไหวเจียง
อย่างไรก็ตาม พิษของแคว้นไหวเจียงเป็นชนิดที่รุนแรงแต่ออกฤทธิ์อย่างเชื่องช้า ทว่าพิษนี้เป็นพิษที่ออกฤทธิ์รุนแรงอย่างรวดเร็ว ซึ่งตรงข้ามกับพิษของแคว้นไหวเจียงอย่างสิ้นเชิง เห็นชัดว่าพิษนี้ไม่เกี่ยวข้องกับแคว้นไหวเจียง
เขาไม่ได้ออกจากโลกเขตแดนมานานแล้ว หรือว่า… ในปัจจุบัน อาณาจักรเทียนเหอมีกลุ่มผู้ใช้พิษอีกกลุ่มหนึ่งกำเนิดขึ้นแล้ว?
แม้ราชาเฮยซาหู่จะเคยพบซูจิ่นซีมาก่อนตอนที่อยู่ในโลกเขตแดน ทว่าตอนนั้น เขารู้จักเพียงอวิ๋นจิ่นซึ่งเป็นจิ่วหรง ไม่ได้ใส่ใจสตรีที่อยู่ข้างกายจิ่วหรงมากนัก
ซูจิ่นซีหรี่ตาลงเล็กน้อย ทว่าไม่พูดสิ่งใด
องครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างยืดอกอย่างภาคภูมิใจ “เฮ้… ฟังให้ดี นี่คือฉางอันกงจู่แห่งแคว้นหนานหลีของข้า ทั้งยังเป็นผู้ที่ถือป้ายขนนกทองคำแต่เพียงผู้เดียว ตอนนี้ พระองค์คือแม่ทัพใหญ่ของกองทหารต่อต้านตะวันออกแห่งแคว้นหนานหลี”
แน่นอนว่าราชาเฮยซาหู่ไม่พอใจกับการแนะนำของทหารองครักษ์มากนัก
ในอาณาจักรเทียนเหอ แม้แต่ฮ่องเต้ที่มีตำแหน่งสูงสุดและอยู่เหนือผู้คนนับหมื่น ยังไม่อาจข่มขู่ให้เขาหวาดกลัวได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่ทัพใหญ่ กระทั่งตงหลิงหวง รัชทายาทของแคว้นตงเฉิน ก็ไม่อยู่ในสายตาของเขาแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้อื่น
ในสายตาของราชาเฮยซาหู่ สตรีที่อยู่ในสนามรบเป็นได้เพียงหมอนปักลายที่ไม่มีความสามารถอันใด
ขณะที่ราชาเฮยซาหู่ยิ้มเยาะมุมปากด้วยท่าทีเย้ยหยัน เยี่ยโยวเหยาที่จับมือซูจิ่นซีได้เลื่อนมือไปที่ไหล่ของนางเพื่อประกาศความเป็นเจ้าของ และประกาศตัวตนที่แท้จริงของซูจิ่นซีในแผ่นดินนี้
“นางคือสตรีของข้า”
มีเพียงประโยคเย็นชาเท่านั้นที่ทรงอำนาจ ไม่ต้องพูดสิ่งใดไร้สาระ
ผู้ที่เข้าใจสถานการณ์ของเรื่องนี้ต่างสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และมองไปยังดวงตาทั้งคู่ของซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาด้วยความอิจฉา
คราแรก ราชาเฮยซาหู่ยังไม่เข้าใจ เขายิ้มเยาะที่มุมปาก ทว่าผ่านไปครู่หนึ่งจึงคิดบางอย่างขึ้นมาได้ รอยยิ้มบนใบหน้าพลันหยุดชะงัก
อ๋องอย่างข้า…
ดูเหมือนเขาจะถือกระบี่เสวียนหยวน
หรือว่า… เขาคือ…
เขาเป็นลูกหลานของราชวงศ์ต้าฉินหรือ?
ราชวงศ์ต้าฉินเป็นตระกูลที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ดั่งเทพสงคราม
ทั้งยังได้ยินมาว่า ตั้งแต่ราชวงศ์ต้าฉินล่มสลาย เชื้อพระวงศ์เพียงผู้เดียวที่เหลือรอดอยู่ในตอนนี้ ได้อาศัยอยู่ในแคว้นจงหนิง ทั้งเขายังมีพลังและอำนาจล้นเหลือ คนผู้นั้นคือ โยวอ๋องแห่งแคว้นจงหนิงที่ทุกคนต่างหวาดกลัว
หรือว่า… เขาคือโยวอ๋อง เยี่ยโยวเหยา?
ทันใดนั้น ใบหน้าของราชาเฮยซาหู่ก็เผยให้เห็นความตกตะลึง ทั้งยังหวาดกลัวจนใบหน้าซีดขาว
จากนั้น สายตาของเขาก็ค่อยๆ มองไปที่ร่างของซูจิ่นซี ไม่อาจดูถูกสตรีร่างเล็กอ่อนแอผู้นี้
โยวอ๋องแห่งแคว้นจงหนิงไม่ธรรมดา ได้ยินว่าเขาไม่ใกล้ชิดสตรี และไม่มีสตรีใดที่สามารถอยู่เคียงข้างเขาได้
ตอนนี้ เขาไม่เพียงอยู่ใกล้สตรี ทว่ายังประกาศต่อหน้าทุกคนว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างเขาคือสตรีของเขาอีกด้วย
สตรีของโยวอ๋อง จะเป็นสตรีธรรมดาได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ เขาได้สัมผัสความพิเศษของสตรีนางนี้ด้วยตนเองแล้ว
จึงไม่อาจประมาทนางได้
“เจ้า… เจ้าคือพระชายาโยวอ๋อง? ”
ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาไม่ได้พูดสิ่งใด ทว่าความเงียบนั้น ได้อธิบายทุกอย่างแล้ว
การแสดงออกของราชาเฮยซาหู่ซับซ้อนอย่างมาก “ในเมื่อข้าตกอยู่ในเงื้อมมือของเจ้าแล้ว อย่างน้อยก็ให้ข้าได้รู้ชื่อของเจ้าบ้าง รีบบอกชื่อของเจ้ามาเสีย! ”
ซูจิ่นซีแสดงท่าทางหยิ่งทะนง และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ซูจิ่นซี! ”
เมื่อพวกเขาได้ยินคำว่า ‘ซูจิ่นซี’ ทุกคนต่างตกตะลึงอีกครั้ง
แม้บุรุษในชุดลายใบไผ่สีเขียวจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ทว่ายังมีสติ เขาเหลือบมองไปในทิศทางของซูจิ่นซีอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
เขาไม่คิดมาก่อนว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้าเขาคือหมออัจฉริยะซูจิ่นซี ผู้ที่เขาออกตามหามาหลายพันลี้
ไม่เพียงมีโอกาสได้พบกันโดยบังเอิญเท่านั้น ทว่านางยังช่วยชีวิตเขาไว้อีกด้วย
หลังจากราชาเฮยซาหู่เงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ก้มศีรษะอย่างไม่พอใจ
“ในเมื่อวันนี้ตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกเจ้าสองสามีภรรยาแล้ว ข้าก็ไม่มีอันใดจะพูด อยากฆ่าก็ฆ่า แล้วแต่ความต้องการของพวกเจ้า”
ชื่อของโยวอ๋อง ยังเป็นสิ่งต้องห้ามในโลกเขตแดน
แม้พลังความสามารถของคนในโลกเขตแดนจะแข็งแกร่งอย่างมาก ทั้งพวกเขายังไม่เกรงกลัวมนุษย์
ทว่าโยวอ๋องนั้นน่ากลัวและอันตรายเกินไป คงดีกว่าหากไม่ยั่วโมโหเขา จะได้ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตนเอง
มีทางไปสวรรค์กลับไม่ไป นรกไร้ประตูกลับบุกเข้ามา
ในเมื่อวันนี้ราชาเฮยซาหู่ได้พบโยวอ๋องและภรรยา เขาก็ไม่มีสิ่งใดจะพูดอีกต่อไป
ซูจิ่นซีกอดอก ดวงตาของนางปรากฏความเย็นชาและสูงศักดิ์
“แท้จริงแล้ว… พูดตามตรง นอกจากการต่อสู้ระหว่างเจ้ากับข้าครั้งก่อน พวกเราก็หาได้มีความแค้นอันใดต่อกัน แม้ครั้งสุดท้าย ข้าเกือบจะเสียชีวิตในโลกเขตแดน ทว่าไม่ใช่ความผิดของเจ้า หากเจ้าต้องการยาแก้พิษ ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องที่ซูจิ่นซีเกือบเสียชีวิตในโลกเขตแดน ดวงตาของเยี่ยโยวเหยาพลันเคร่งขรึม มือที่จับไหล่ของซูจิ่นซียิ่งบีบแน่นขึ้น
ซูจิ่นซีรู้ตัวทันทีว่านางพลาดประเด็นนี้ไป จึงรีบยิ้มปลอบใจเยี่ยโยวเหยา “แหะ แหะ ไม่เป็นอันใด ท่านอ๋อง ไม่มีเรื่องอันใด เพียงแต่… ครั้งก่อนตอนไปเยือนทะเลอู๋ว่างเพื่อตามหาหญ้าเสินเซียน ข้าบังเอิญผ่านโลกเขตแดนและเกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อย”
แม้ซูจิ่นซีจะกล่าวว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ทว่าเยี่ยโยวเหยาทราบสถานการณ์ของโลกเขตแดนเป็นอย่างดี มันไม่ได้เล็กน้อยธรรมดาอย่างแน่นอน เขาจึงบีบไหล่ของนางเป็นการเตือน
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้
“ท่านอ๋อง เรื่องตรงหน้าสำคัญที่สุด ข้าจะอธิบายเรื่องนี้ให้ท่านฟังหลังจากกลับไป”
นางพูดพลางขยิบตาให้เยี่ยโยวเหยาอย่างหยอกล้อ
เมื่อรับรู้ได้ว่าเยี่ยโยวเหยายอมคลายมือลงชั่วคราว ซูจิ่นซีจึงจัดการเรื่องของราชาเฮยซาหู่ต่อ
นางหันไปมองใบหน้าของราชาเฮยซาหู่อีกครั้งด้วยท่าทางเย็นชา
ทันทีที่ราชาเฮยซาหู่ได้ยินว่าซูจิ่นซีจะให้ยาแก้พิษ ใบหน้าสิ้นหวังของเขาก็เปล่งประกายสดใสราวกับฟ้าหลังฝน
“พระชายาโยวอ๋อง เจ้าจะให้ยาถอนพิษข้าจริงๆ หรือ? เจ้า… เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่หรือไม่! ”
ซ้ายก็ข้า ขวาก็เจ้า ทั้งหน้าตายังเทียบไม่ได้แม้แต่นิ้วเท้าของอู๋จุนเลย ช่างน่ารำคาญเสียจริง
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ นางเลียนแบบน้ำเสียงล้อเลียนของราชาเฮยซาหู่ ที่เขาใช้พูดกับบุรุษในชุดลายใบไผ่สีเขียว “เช่นนั้น… เจ้าก็ร้องขอชีวิตกับข้าสิ! ร้องขอจนกว่าข้าจะพอใจ! หากข้าพอใจ บางทีข้าอาจให้ยาถอนพิษเจ้า”