สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 27 ตอนที่ 787 พวกลูกกระจ๊อก พวกไม้ประดับ
น่าเสียดาย ไม่ว่าซูจิ่นซีจะดุด่าอย่างไร ทว่าดูเหมือนเยี่ยโยวเหยาจะไม่ได้ยินอันใดแม้แต่น้อย
เรื่องที่ควรทำก็ต้องทำต่อไป มือของเขาสอดเข้ามาในเรือนร่างของซูจิ่นซีแล้ว
ซูจิ่นซีคว้ามือของเยี่ยโยวเหยาอย่างรวดเร็ว และผลักใบหน้าของเขาอย่างแรง
“เยี่ยโยวเหยา ท่านแสดงอาการหื่นกระหายเช่นนี้ โปรดดูเวลาและสถานที่ได้หรือไม่? ตอนนี้กลางวันแสกๆ และพวกเรายังอยู่ในค่ายทหาร ท่านคิดว่ากำลังอยู่ในจวนโยวอ๋องหรือ? ”
เยี่ยโยวเหยามองซูจิ่นซีด้วยใบหน้าหงุดหงิดและต้องการอย่างเห็นได้ชัด นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยไฟปรารถนาที่เร่าร้อน ไม่ลดลงแม้แต่น้อย
ซูจิ่นซีคร่ำครวญในใจ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางไม่รู้จริงๆ ว่าเยี่ยโยวเหยา บุรุษผู้นี้คิดจะทำอันใดตอนกลางวันแสกๆ เช่นนี้
นางจึงรีบทำให้เยี่ยโยวเหยาสบายใจ
“ท่านอ๋อง ข้าผิดไปแล้ว ได้โปรดปล่อยข้าไปเถิด! ”
ซูจิ่นซีกะพริบตาปริบๆ แววตาของนางแสดงถึงการอ้อนวอน
ไฟปรารถนาในดวงตาของเยี่ยโยวเหยาลดลงเล็กน้อย
“กงจู่… ”
ทันทีที่ทั้งสองนั่งลง ด้านนอกก็มีเสียงขององครักษ์ดังขึ้น
“มีเรื่องอันใด? ”
ซูจิ่นซีรีบจัดแจงเสื้อผ้าของนาง
“หมอทหารบอกว่าบาดแผลของคุณชายจัดการเรียบร้อยแล้ว ทั้งคุณชายยังบอกว่าต้องการพบกงจู่พ่ะย่ะค่ะ! ”
ต้องการพบนางหรือ?
ทันใดนั้น แผ่นหลังของซูจิ่นซีก็เย็นวาบ นางหันไปมองเยี่ยโยวเหยาที่อยู่ข้างหลัง
โยวอ๋องเพิ่งสงบสติอารมณ์ลงได้ อย่าทำให้ความหื่นของเขาต้องปะทุอีกเลย!
เป็นดั่งที่คาดไว้ แววตาของท่านโยวอ๋องทอประกายผิดปกติอีกแล้ว
ซูจิ่นซีรีบหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว นางไม่กล้าสบตาเยี่ยโยวเหยาอีก จากนั้นจึงกระแอมในลำคอและพูดว่า “เขาบอกว่ามีเรื่องอันใด? ”
“กระหม่อมไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ ทว่าหมอทหารเล่าว่า คุณชายท่านนั้นย้ำแล้วย้ำอีกว่ามีเรื่องสำคัญมาก สำคัญถึงชีวิตผู้คน และขอเข้าเฝ้ากงจู่สักครั้ง เขาต้องการทูลพระชายาโยวอ๋องด้วยตนเอง”
เกี่ยวพันถึงชีวิตผู้คนอีกแล้วหรือ?
ทว่าเพราะเหตุใด นางจึงรู้สึกสันหลังเย็นวาบ?
ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปาก พลางหันศีรษะไปเอ่ยปลอบใจเยี่ยโยวเหยา “ท่านอ๋อง เขาอาจมีเรื่องร้ายแรงถึงชีวิตจริงๆ ! เช่นนั้น ข้าจะลองไปดูสักครั้ง”
ก่อนที่ดวงตาของเยี่ยโยวเหยาจะเย็นชาไปมากกว่านี้ ซูจิ่นซีจึงรีบเข้าไปจุมพิตเขาอย่างรวดเร็ว “จุ๊บ… ท่านอ๋องวางใจ ภายในใจจิ่นซีมีท่านอ๋องเพียงผู้เดียว ดอกไม้ริมทางข้างถนนและพวกลูกกระจ๊อก ข้าไม่สนใจแม้แต่น้อย”
แววตาดุดันเย็นชาของเยี่ยโยวเหยาลดลงอย่างมากเพราะการจุมพิตครั้งนี้ของซูจิ่นซี ชั่วพริบตา เยี่ยโยวเหยาก็จับด้านหลังศีรษะของซูจิ่นซี และกระซิบข้างใบหูของนางว่า “ตกลง… รีบไปรีบกลับ ข้ารอเจ้าอยู่ที่นี่! ”
รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏในแววตาของซูจิ่นซี หลังจากเอาใจโยวอ๋องสำเร็จแล้ว นางจึงเดินออกจากกระโจมและไปหาคุณชายที่พวกเขาเพิ่งช่วยชีวิต
ภายในกระโจม บาดแผลบนร่างกายของทุกคนได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว
ทันทีที่ซูจิ่นซีเปิดม่านเข้าไปในกระโจม คุณชายก็รีบพาทุกคนลุกขึ้นยืนคำนับซูจิ่นซีพร้อมกัน
“คำนับฉางอันกงจู่! ”
ซูจิ่นซีมีท่าทีสงบนิ่ง นางเดินตรงไปนั่งที่นั่งด้านบน
“ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี”
“ข้าได้ยินจากองครักษ์ เจ้ามีเรื่องจะบอกข้าหรือ? ” ซูจิ่นซีเข้าประเด็นทันที
บุรุษผู้นั้นเหลือบมองคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างกาย ทุกคนต่างเข้าใจและเดินออกจากกระโจมทันที
จากนั้น บุรุษผู้นั้นก็เดินไปหาซูจิ่นซีหนึ่งก้าว และทำความเคารพซูจิ่นซีอีกครั้ง
“ทูลฉางอันกงจู่ วันนี้กระหม่อมกระทำผิดไปหลายเรื่อง กงจู่โปรดให้อภัย ทว่ากระหม่อมอับจนหนทางจริงๆ จึงเข้ามารบกวนกงจู่ ขอให้กงจู่ช่วยเหลือชาวบ้านในหุบเขาหลูเหว่ย รักษาโรคระบาดให้พวกเขาด้วยเถิด”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว “หุบเขาหลูเหว่ย? ข้าไม่เคยได้ยินชื่อหุบเขานี้มาก่อน! นอกจากนั้น เจ้าชื่อแซ่อันใด? แนะนำตัวให้ข้าทราบก่อนได้หรือไม่? ”
บุรุษผู้นั้นเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองยังไม่ได้แนะนำตัวกับซูจิ่นซี “กระหม่อมแซ่ฉู่ เป็นเจ้าหุบเขาน้อยของหุบเขาหลูเหว่ย ชาวบ้านในหุบเขาอาศัยอยู่ในหุบเขาหลูเหว่ยอย่างสันโดษตั้งแต่ราชวงศ์ต้าโจว ไม่เคยติดต่อกับบุคคลภายนอกมาเป็นเวลาหลายพันปี”
ซูจิ่นซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ในเมื่อเจ้าไม่เคยติดต่อกับโลกภายนอก เช่นนั้น ชาวบ้านในหุบเขาหลูเหว่ยเกิดโรคระบาดได้อย่างไร และเจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร? ”
ไม่ใช่ว่าซูจิ่นซีสงสัยมากเกินไป ทว่าเรื่องนี้แปลกประหลาด อีกทั้งเวลานี้ กองทัพทั้งสองฝ่ายกำลังสู้รบกัน เรื่องนี้จำเป็นต้องรอบคอบไว้ก่อน
คุณชายฉู่รีบหยิบจดหมายออกมาจากอกเสื้อของเขา “เมื่อไม่กี่วันก่อน บิดาของข้าได้ช่วยชีวิตสามีภรรยาคู่หนึ่งขณะที่เดินทางออกไปตามหมอ ฮูหยินท่านนั้นแซ่หลิง แม้นางจะตรวจพบสาเหตุโรคระบาดของชาวบ้าน ทว่านางไม่มีวิธีรักษา นางจึงแนะนำให้กระหม่อมเดินทางมาพบกงจู่ นางบอกว่ากงจู่จะทราบเรื่องทั้งหมดทันที หลังอ่านจดหมายฉบับนี้แล้ว”
คู่สามีภรรยา?
แซ่หลิง?
ซูจิ่นซีจำไม่ได้ว่ารู้จักคนแซ่หลิงตั้งแต่เมื่อใด!
นางรับจดหมายมาจากมือของคุณชายฉู่ด้วยความสงสัยและเปิดจดหมายอ่าน
เพียงอ่านเนื้อความในจดหมายเล็กน้อย ซูจิ่นซีก็ทราบทันทีว่าคนที่เขียนจดหมายคือตงหลิงหวง
คิดไปคิดมา แซ่หลิงคงเป็นนามแฝงของตงหลิงหวงเพราะแซ่ตงหลิงนั้นพิเศษมากเกินไป
ซูจิ่นซีอ่านเนื้อความในจดหมายจนจบ จึงรู้ว่าชาวบ้านในหุบเขาหลูเหว่ยไม่ได้ติดโรค แต่ได้รับพิษ
ยิ่งกว่านั้นยังเป็นพิษของแคว้นไหวเจียง และอาจเกี่ยวข้องกับการทำลายตำหนักใต้ดินในดินแดนต้องห้ามสกุลจงอีกด้วย
ซูจิ่นซีไตร่ตรองครู่หนึ่ง บุรุษที่อยู่กับตงหลิงหวงต้องเป็นมู่หรงฉี พี่ชายของนางแน่นอน และสาเหตุที่ตงหลิงหวงสามารถคาดเดาได้ว่าพิษของชาวบ้านในหุบเขาหลูเหว่ยเกี่ยวข้องกับดินแดนต้องห้ามสกุลจง คงเป็นเพราะพี่ชายของนางได้บอกอันใดบางอย่างกับตงหลิงหวง
ไม่คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนจะพัฒนามาถึงขั้นนี้แล้ว
หลังอ่านจดหมายจบ ซูจิ่นซีก็ปิดมันลงและส่งคืนให้คุณชายฉู่
“คุณชายฉู่ ข้าต้องขออภัยจริงๆ เรื่องนี้ข้าช่วยเจ้าไม่ได้”
คุณชายฉู่พลันชะงัก “กงจู่มีความกังวลหรือข้อเสนออันใดหรือ? ก่อนที่จะเดินทางออกมา ฮูหยินหลิงได้บอกแล้วว่ากงจู่ไม่ใช่คนที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือผู้อื่นง่ายๆ กระหม่อมเตรียมใจไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว หากกงจู่มีเงื่อนไขอันใดสามารถบอกได้ทันที เพื่อเห็นแก่ชาวบ้านในหุบเขา แม้ต้องลำบากจนร่างกายแหลกละเอียด กระหม่อมก็จะทำให้ได้”
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ข้าไม่ได้ต้องการสิ่งใด ต้องขอโทษเจ้าจริงๆ ”
ไม่ได้ต้องการอันใด?
เช่นนั้นคงขึ้นอยู่กับอารมณ์ล้วนๆ กระมัง?
คุณชายฉู่ตกตะลึงชั่วขณะ
“กงจู่ไม่เต็มใจช่วยเหลือชาวบ้านในหุบเขาหลูเหว่ย หรือว่าชาวบ้านหุบเขาหลูเหว่ยอยู่อย่างสันโดษมานานหลายปี จึงไม่ใช่ประชาชนแคว้นหนานหลีแล้วอย่างนั้นหรือ? ”
“ใช่ และไม่ใช่เสียทีเดียว! ”
คุณชายฉู่ไม่เข้าใจความหมาย
ซูจิ่นซียังคงยกยิ้มมุมปากเช่นเดิม
ประการแรก เป็นเพราะอยู่ในภาวะสงครามระหว่างสองแคว้น เรื่องราวในกองทัพมีหลายอย่าง ซูจิ่นซีไม่สามารถปลีกตัวไปได้จริงๆ
ประการที่สอง นางรู้สึกว่าตงหลิงหวงเขียนจดหมายแนะนำนางให้คุณชายฉู่ ไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างที่เห็นภายนอก
ซูจิ่นซีลุกขึ้นและเดินออกไป “ข้าคิดว่าอาการบาดเจ็บของคุณชายฉู่ไม่ได้สาหัสมากนัก อย่างไรเสีย ที่นี่ก็เป็นค่ายทหาร เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ข้าไม่สะดวกให้คุณชายฉู่อยู่ที่นี่นานนัก พรุ่งนี้เช้า ข้าจะให้คนไปส่งคุณชายฉู่”
ซูจิ่นซีพูดอย่างชัดเจนและตรงประเด็นอย่างมาก ไม่มีพื้นที่ว่างให้คุณชายฉู่ได้หาข้ออ้างแม้แต่น้อย
ขณะที่ซูจิ่นซีเดินไปถึงทางเข้ากระโจม ทันใดนั้น เสียงหัวเราะประชดประชันของคุณชายฉู่ก็ดังมาจากทางด้านหลัง
ซูจิ่นซีหยุดเดินพลางเลิกคิ้ว “คุณชายฉู่มีอันใดจะพูดอีกหรือ? ”
คุณชายฉู่ยกยิ้มมุมปากเย้ยหยัน “ข้าหัวเราะพระชายาโยวอ๋อง
ตลอดเส้นทางมาที่นี่ ข้าได้ยินชื่อเสียงเลื่องลือของพระชายาโยวอ๋อง ข้ารู้สึกเสมอว่าพระชายาโยวอ๋องเป็นสตรีที่ห่วงใยปวงประชาในใต้หล้า และสามารถยืนเคียงบ่าเคียงไหล่โยวอ๋องได้
เมื่อเห็นท่านในวันนี้ กลับไม่คิดว่าพระชายาโยวอ๋องจะเป็นคนหยาบกระด้างที่ใส่ใจเพียงชื่อเสียงและโชคลาภเท่านั้น”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว เหมือนว่านางจะรู้สึกสนุกขึ้นมาบ้างแล้ว “พูดต่อ”