สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 28 ตอนที่ 812 หัวใจเต้น มันเจ็บได้
ทันใดนั้น… ทั้งสุสานโบราณก็สั่นสะเทือน ทะเลดอกปี่อั้นสีแดง และประตูระหว่างสุสานโบราณค่อยๆ ปิดลง ซูจิ่นซียิ่งร้องตะโกนและวิ่งเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
นางหวาดกลัว หวาดผวา และอับจนหนทาง…
จิ่วหรงหันกลับมาอย่างเชื่องช้า แม้เขาจะมองมายังทิศทางของซูจิ่นซี ทว่าดูเหมือนเขาจะมองไม่เห็นนาง
จนกระทั่งผนังทั้งหมดปิดสนิท ภายในสุสานโบราณไม่มีแสงสีแดงเลือดและทะเลดอกปีอั้นสีโลหิตอีกแล้ว จิ่วหรงยังไม่ตอบซูจิ่นซี และไม่ได้ออกมาจากด้านใน
ซูจิ่นซีอ่อนล้าทั้งกายและใจ มุมปากค่อยๆ มีเลือดไหลซึมออกมา ร่างกายราวกับถูกกระชากวิญญาณออกไป นางค่อยๆ ล้มลงกับพื้น นิ้วเปื้อนเลือดค้ำกำแพงเย็นยะเยือกอย่างไร้เรี่ยวแรง แววตาไร้วิญญาณ มุมปากพึมพำอันใดบางอย่าง
“ท่านอาจารย์ ท่านรับปากซีเอ๋อร์แล้วว่าจะไม่มีวันทิ้งซีเอ๋อร์… ”
“ท่านอาจารย์ ท่านเคยบอกว่าท่านจะเป็นอมตะ วิญญาณไม่มีวันไปปรโลก”
“ท่านอาจารย์ ท่านรับปากซีเอ๋อร์แล้วว่าจะไม่มีวันตาย ท่านโกหกข้า… ท่านโกหกข้า… ”
……
ซูจิ่นซีราวกับถูกกระชากวิญญาณทั้งหมดออกจากร่าง เสียงแหบแห้งพึมพำไร้ซึ่งอารมณ์ น้ำตาไหลลงมาราวกับสายน้ำ
“ซีเอ๋อร์… ”
หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน… เสียงของจิ่วหรงก็ดังขึ้นเหนือสุสานโบราณ
“รับปากอาจารย์ ใช้ชีวิตต่อไปให้ดีอีกพันปีหมื่นปี ต่อให้อาจารย์ไม่อาจอยู่เคียงข้างเจ้า ไม่อาจปรากฏในชีวิตของเจ้าได้ เจ้าก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างเข้มแข็งแทนอาจารย์ มีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างเข้มแข็งและกล้าหาญ เพราะว่า… ข้างกายของเจ้ายังมีเยี่ยโยวเหยา”
ท่าทางของซูจิ่นซีเหมือนถูกดึงให้กลับมาจากสถานที่อันไกลโพ้น นางรีบค้นหาในสุสานอันเย็นยะเยือก ทว่านอกจากบรรยากาศที่เย็นเฉียบนั้นแล้ว ก็ไม่มีอันใดเลย ไม่มีเงาของจิ่วหรง
นางพยุงร่างขึ้นยืนอย่างยากลำบาก พลางเดินโซซัดโซเซสองสามก้าว น้ำเสียงถูกกลบด้วยหยาดน้ำตาที่เหือดแห้งเบาบาง นางระมัดระวังอย่างมาก ราวกับว่าหากตนเองพูดดังเกินไป เสียงของจิ่วหรงจะหายไป
“ท่านอาจารย์… ท่านกลับมาได้หรือไม่? ซีเอ๋อร์ไม่อยากให้ท่านไป ไม่อยากให้ท่านไป ไม่อยากจริงๆ… ”
น้ำเสียงไพเราะดังขึ้นอีกครั้ง
“ซีเอ๋อร์ ผู้ฝึกตนบำเพ็ญเพียรขั้นสูง ต้องมีวันหนึ่งที่ร่างกายหวนคืนสู่แดนว่างเปล่า วิญญาณเข้าสู่ทะเลแห่งดวงดาว อยู่ที่ว่าช้าหรือเร็วเท่านั้น เจ้าไม่ต้องโศกเศร้า ไม่ต้องเสียใจ วันข้างหน้าแม้อาจารย์ไม่อยู่แล้ว ทว่าทะเลเมฆาของหุบเขาเทียนอียังคงอยู่ มันยังคงหล่อเลี้ยงสรรพสิ่งในใต้หล้า ดอกไห่ถังหลังหุบเขาเทียนอียังคงเบ่งบาน ไม่ว่าพิณเฟิ่งหวงจะอยู่ที่หอดูดาวหรือไม่ เพียงแค่มันอยู่ในมือของซีเอ๋อร์ เจ้าก็ยังคงเล่นดนตรีได้อย่างไพเราะที่สุดในใต้หล้า ซีเอ๋อร์ เข็มเหมันต์เทวะในมือของเจ้ายังแสดงความเมตตา ช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกได้
เจ้าต้องใช้ชีวิตให้ดี หากชาติหน้ามาถึง พวกเราสองคนจะได้พบกันอีกครั้ง
เจ้าและข้าคงได้พบกันสักวันหนึ่ง”
“ไม่… ” ซูจิ่นซีร้องไห้งอแงราวกับเด็กน้อย พลางส่ายศีรษะด้วยน้ำตานองหน้า “ซีเอ๋อร์ไม่เอาชาติหน้า ซีเอ๋อร์มีเพียงชีวิตนี้ ไม่เอา… ”
ทว่า… รอบด้านเหลือเพียงบรรยากาศอันเย็นยะเยือก เหลือเพียงฝุ่นในห้องที่เงียบสงัด ท่ามกลางความเงียบนั้น ไร้ซึ่งเสียงของคนที่จากไปแล้ว
เสียงร้องไห้แทบขาดใจของซูจิ่นซีดังระงมอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความหนาวเย็น เสียงอันน่าหดหู่ดังสะท้อนกำแพงเย็นยะเยือกรอบด้าน
“ท่านอาจารย์… ท่านโกหกข้าได้อย่างไร? ”
“ท่านโกหกข้าได้อย่างไร? ท่านรับปากข้าแล้ว ท่านรับปากข้าแล้ว… ”
……
“จิ่นซี… ซูจิ่นซี… ซูจิ่นซี… จิ่นซี… ”
หลังจากน้ำเสียงที่มีอารมณ์ซับซ้อนของเยี่ยโยวเหยาร้องเรียกอยู่เป็นเวลานาน ซูจิ่นซีก็ฟื้นคืนสติจากความเศร้าโศก นางมองไปรอบๆ ด้วยท่าทีสงบนิ่ง ในที่สุด สายตาของนางก็หยุดอยู่ที่ใบหน้านิ่งขรึมซับซ้อนของเยี่ยโยวเหยา ทันใดนั้น นางก็เข้าใจว่าสิ่งที่เห็นเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตาของประตูโลหิตทมิฬ นางนั่งร้องไห้อยู่บนพื้นราวกับเด็ก
ดวงตาดำขลับล้ำลึกของเยี่ยโยวเหยาพร่ามัว มือที่เขาไม่รู้มาก่อนว่ามันแข็งแรงมาก จับมือของซูจิ่นซีแน่นจนข้อนิ้วของนางขาวซีด
“เมื่อครู่เจ้าเห็นอันใด? ”
เห็นอันใด…
ภาพเหตุการณ์ในแดนมายาของประตูโลหิตทมิฬสะท้อนอยู่ในหัวอีกครั้ง ซูจิ่นซีไม่เคยรู้มาก่อนว่าการสูญเสียจิ่วหรงจะทำให้นางเศร้าโศกเสียใจได้เช่นนี้
นางเม้มริมฝีปากแน่น พยายามระงับความเศร้าที่ปั่นป่วนภายในใจ ทว่าน้ำตายังไหลรินออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
นางโผเข้ากอดเยี่ยโยวเหยาทันที พลางฝังศีรษะลงในอ้อมกอดของเขา น้ำเสียงของนางสั่นเครือด้วยความกลัวที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“เยี่ยโยวเหยา ท่านบอกข้าทีว่าจิ่วหรงไม่มีวันตาย เขาไม่มีวันตายอย่างแน่นอน ใช่หรือไม่? เขาเป็นอมตะ! เขามีชีวิตอยู่ตั้งกี่พันปีแล้ว ตั้งแต่ข้ากลับมาเกิดใหม่เป็นเทพธิดาเผ่าเม้ย เขาก็ยังอยู่ ไม่… เทพธิดาเผ่าเม้ยเคยเป็นเซียนดอกบัวใต้ที่ประทับขององค์ซีหวังหมู่ ตั้งแต่ข้าเริ่มเป็นเซียนดอกบัว เขาก็คงมีชีวิตอยู่แล้ว เขาไม่มีวันตาย ไม่มีวันตายแน่นอน”
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้ว ผ่านไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงแหบแห้งก็ดังขึ้นมา “เจ้า… เห็นจิ่วหรงตายหรือ? ”
คำว่าตาย ราวกับฉีกหัวใจของซูจิ่นซีออกเป็นชิ้นๆ
นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งจิ่วหรงจะต้องตาย นางคิดว่าเวลาหมุนเวียนนับพันปี ความรักของเทพธิดาที่มีต่อจิ่วหรงจมลึกอยู่ท่ามกลางวันเวลาที่แสนยาวนาน ซึ่งแม้แต่จิ่วหรงเองก็ไม่สามารถนับได้
ทว่าจนถึงเวลานี้ จากภาพลวงตาของประตูโลหิตทมิฬ นางเห็นวิญญาณของจิ่วหรงหายไปในประตูนรก และไม่สามารถย้อนกลับไปช่วงนั้นได้อีก นางถึงได้พบว่าความรักลึกล้ำและไร้ที่สิ้นสุดไม่ได้หายไปตามกาลเวลา ทว่ามันถูกประทับไว้ในเลือดเนื้อของนาง
เพียงแค่มีแรงดึงดูดที่ราวกับแรงดึงของประตูโลหิตทมิฬ มันก็ระเบิดออกมาทันทีราวกับงูพิษที่จำศีลอยู่นานหลายปี ทั้งยังกัดกินหัวใจและกระดูกของนางอีกครั้ง
เยี่ยโยวเหยานึกถึงความทรงจำสามชาติสามภพได้อย่างสมบูรณ์ ทว่าเขาไม่เข้าใจปฏิกิริยาของซูจิ่นซีในตอนนี้
ในตอนนั้น ความรักที่เทพธิดามีต่อจิ่วหรงถูกฝังไปพร้อมกับกาลเวลา และปกปิดด้วยความรักและความยึดมั่นของเขา ทว่าความรักของเทพธิดากลับไม่เคยเลือนหายไป
เขาเม้มริมฝีปากแน่น เนื่องจากข่มอารมณ์ที่ซับซ้อนไว้ภายในใจ ร่างกายที่เคยสงบนิ่งจึงสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย เพียงพริบตา ดวงตาทั้งสองข้างก็เริ่มเป็นสีแดงก่ำ เบ้าตาปริแตก
มือของเขาบีบไหล่บอบบางทั้งสองข้างของซูจิ่นซีแน่น พลางเอ่ยคำพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่และเย็นชาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ซูจิ่นซี เจ้าฟังข้า ไม่ว่าเจ้าจะเห็นอันใด ไม่ว่าอดีตและอนาคตจะเกิดอันใดขึ้น ข้าไม่มีวันปล่อยมือ ไม่มีวันเด็ดขาด”
หนึ่งพันกว่าปีแล้ว เวลาสามภพสามชาติ เขาใช้ความยึดมั่นและความทุ่มเทแลกกับความรักและการสนับสนุนในชาตินี้ และเพื่อแลกกับความรักที่สตรีผู้นี้มีต่อเขาเมื่อมองย้อนกลับไป
นอกจากความยึดมั่น นอกจากความดื้อรั้น และนอกจากการไม่เขาไม่ยอมปล่อยมือตลอดไป เขาไม่รู้เลยว่าตนเองยังมีอันใดเหลืออยู่ เขายังเหลือเศษเสี้ยวอันใดให้รักษาภรรยาผู้นี้ไว้ได้
หรือว่า… เขาต้องตายอีกครั้งเพื่อรอชาติหน้า?
ไม่!!!
แม้จะเป็นเพียงสมมติฐานที่ปรากฏเข้ามาในความคิด ทว่าเยี่ยโยวเหยาก็บอกกับตนเองในใจอย่างหนักแน่น
ไม่มีวันเป็นไปได้ เป็นไปไม่ได้!!
ชาติหน้ายังอีกไกล เกิดใหม่ยิ่งไกล ชาติของชาติหน้าก็ยิ่งห่างไกลจนมองไม่เห็น เขาต้องการเพียงชาตินี้ ชีวิตนี้ ถึงเขาต้องตายก็จะไม่ปล่อยมือ
เขาดึงซูจิ่นซีเข้ามาสู่อ้อมแขนตนเอง โอบกอดศีรษะของซูจิ่นซีแนบหน้าอกตนเองแน่น ในตำแหน่งที่ใกล้กับหัวใจที่สุด
“ซูจิ่นซี เจ้าได้ยินหรือไม่? ได้ยินใจเสียงหัวใจข้าเต้นหรือไม่? มันเจ็บได้! “