สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 28 ตอนที่ 825 อภิเษก
มู่หรงฉีครุ่นคิดอยู่นาน ทันใดนั้นเขาก็พูดขึ้นท่ามกลางความอึดอัดของทุกคนในแคว้นตงเฉิน
“ยุติสงครามชั่วคราวและบรรลุข้อตกลงความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ทว่าเงื่อนไขของข้าคือ… การอภิเษก”
อภิเษกหรือ?
ชั่วพริบตา เหล่าแม่ทัพแคว้นตงเฉินต่างแอบวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา
แน่นอนว่าซูจิ่นซีเข้าใจความหมายของมู่หรงฉี คราแรกนางแสดงสีหน้าขึงขัง ก่อนจะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
ในเมื่อนางมอบอำนาจการตัดสินใจให้มู่หรงฉีแล้ว ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับมู่หรงฉีแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างมู่หรงฉีกับตงหลิงหวง นางไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยว
ตงหลิงหวงครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ไม่ทราบว่าฉีอ๋องต้องการอภิเษกกับกงจู่พระองค์ใดของแคว้นเรา? หรือต้องการอภิเษกกับพระญาติคนใดในราชวงศ์ของแคว้นท่าน? ”
เรื่องเช่นนี้ โดยปกติแล้ว การอภิเษกของทั้งสองฝ่ายจะเกิดกับพระญาติระหว่างราชวงศ์ทั้งสองแคว้น ทว่าในราชวงศ์แคว้นตงเฉินไม่มีกงจู่ และในกลุ่มราชวงศ์ของแคว้นหนานหลีก็ไม่มีอ๋องหรือกงจู่เช่นกัน
เช่นนั้นเป็นการอภิเษกระหว่างผู้ใดกับผู้ใดกันแน่?
เห็นได้ชัดว่าปฏิกิริยาต่อคำกล่าวก่อนหน้านี้ของมู่หรงฉี ตงหลิงหวงตอบสนองช้ากว่าซูจิ่นซี
มุมปากของมู่หรงฉีปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายที่มองไม่เห็น
“โอ้? ไม่ทราบว่าสตรีในแคว้นของท่านมีผู้ใดบ้าง? มิสู้ส่งรายชื่อสตรีเหล่านั้นมาให้ข้าเลือกทีละคน เป็นเช่นไร? ”
ตงหลิงหวงพูดตามความจริง “กล่าวตามตรง ในราชวงศ์ของเราไม่มีสตรี หากท่านอ๋องต้องการอภิเษก เกรงว่าคงต้องหาจากตระกูลสูงศักดิ์นอกเชื้อพระวงศ์เท่านั้น”
นั่นคือการหาจากตระกูลขุนนางชั้นผู้ใหญ่ เลือกสตรีที่เหมาะสม จากนั้นมอบบรรดาศักดิ์ให้นางเพื่อจัดการอภิเษก
วิธีนี้มีใช้ในราชวงศ์ก่อนๆ หากฮ่องเต้ไม่ต้องการให้โอรสธิดาของตนอภิเษกกับแคว้นอื่น ทว่าการเสนอแนวทางอย่างตรงไปตรงมาในช่วงการเจรจาเช่นนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
มู่หรงฉีมีท่าทางไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “ในเมื่อในราชวงศ์ไม่มี เช่นนั้นก็คัดเลือกจากเชื้อพระวงศ์”
ในกลุ่มเชื้อพระวงศ์?
มู่หรงฉีแสดงความหมายในคำพูดถึงขั้นนี้แล้ว หากตงหลิงหวงยังไม่เข้าใจอีก นางคงทำผิดต่อสติปัญญาของนาง ทันใดนั้น ท่าทางของนางก็เปลี่ยนไป
นางกัดฟันแน่น “ฉีอ๋อง ท่านอย่ากล่าวเกินไป”
แม่ทัพหลายนายที่อยู่ด้านหลังตงหลิงหวงเข้าใจในทันทีว่ามู่หรงฉีหมายถึงผู้ใด พวกเขากัดฟันกรอด “ฉีอ๋อง พวกเราต่างเลื่อมใสในตัวพระองค์ ทว่าพระองค์อย่ารังแกกันมากเกินไป”
“หึ ฉีอ๋อง พระองค์ดูถูกองค์รัชทายาทของแคว้นเราเช่นนี้ คงไม่เห็นแคว้นตงเฉินของพวกเราอยู่ในสายตากระมัง? ”
“ชาติทหารฆ่าได้ หยามไม่ได้! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องหารือเรื่องสันติภาพอีกแล้ว ต่อให้ต้องปลิดชีพคนทั้งแคว้นตงเฉิน ข้าก็จะไม่ปล่อยให้องค์รัชทายาทต้องได้รับความอับอายเช่นนี้ ”
“ใช่ เรื่องสันติภาพไม่ต้องพูดถึงแล้ว”
หาจากคนในเชื้อพระวงศ์?
ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินและฮองเฮาแคว้นตงเฉินทรงมีพระธิดาเพียงพระองค์เดียว นั่นก็คือตงหลิงหวง ไม่เช่นนั้น แคว้นตงเฉินจะยอมให้ตงหลิงหวงเป็นรัชทายาทหรือ
มู่หรงฉีต้องการอภิเษกกับสตรี หากไม่ใช่ตงหลิงหวงแล้วจะเป็นผู้ใด?
ในหัวใจของเหล่าทหารแคว้นตงเฉิน รัชทายาทตงหลิงหวงเป็นผู้ที่ดำรงสถานะสูงศักดิ์ หาผู้ใดเปรียบมิได้ ราวกับความศรัทธาของพวกเขา ไม่อาจล่วงละเมิดหรือเหยียบย่ำได้
เสียงแห่งความขัดแย้งและการวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคนเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ทว่ามู่หรงฉีกลับนิ่งเงียบ ทำเพียงจ้องไปที่ตงหลิงหวงด้วยแววตาลึกซึ้ง ตงหลิงหวงไม่ได้พูดอันใดเช่นกัน นางมองไปยังที่นั่งฝั่งตรงข้ามด้วยท่าทางสงบนิ่ง นั่นคือตำแหน่งของมู่หรงฉีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสง่างาม
มีเพียงซูจิ่นซีที่อยู่ข้างหลังพวกเขาเท่านั้นที่รู้ ทั้งสองราวกับสงบนิ่ง ทว่าภายใต้ความสงบกลับมีพายุพัดโหมกระหน่ำในจิตใจ
เสด็จพี่ของนาง คราวนี้… เล่นใหญ่จริงๆ
ต้องการอภิเษกกับรัชทายาทฝ่ายตรงข้ามหรือ?
ไม่ต้องพูดถึงว่าตงหลิงหวง องค์รัชทายาทที่ในอนาคตจะได้รับตำแหน่งเจ้าผู้ครองแคว้นตงเฉิน แม้ตอนนี้นางจะมีสถานะเป็นองค์รัชทายาท ทว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้จริงๆ
เงื่อนไขนี้ เท่ากับเป็นการดูหมิ่นรัชทายาทของพวกเขาต่อหน้ากองทัพฝ่ายตรงข้าม ผู้ใดจะยอมรับได้?
ผ่านไปครู่ใหญ่ มู่หรงฉีก็หันศีรษะเหลือบมองตงหลิงหวง และพูดด้วยน้ำเสียงทอดยาวว่า “ข้าบอกว่าหาจากเชื้อพระวงศ์ในแคว้นของท่าน ทว่าข้าไม่ได้ระบุว่าเป็นผู้ใด แม่ทัพทุกท่านตื่นตระหนกจนเกินไปกระมัง? ”
เหล่าแม่ทัพแคว้นตงเฉินพลันเงียบเสียง
มู่หรงฉีจับหน้าผากของตนอย่างเหนื่อยล้า แสดงท่าทางอ่อนเพลีย
“วันนี้ข้าเหน็ดเหนื่อยมากแล้ว จะเลือกใครเพื่อจัดงานอภิเษกนั้น ข้ายังไม่ได้ตัดสินใจ หลังจากข้าตัดสินใจได้ ข้าจะหารือกับองค์รัชทายาทแคว้นตงเฉินอีกครั้ง วันนี้หารือเพียงเท่านี้เถิด แม่ทัพมู่หรง ถ่ายทอดคำสั่งของข้าออกไป ให้กองทหารแคว้นหนานหลีที่ประจำการอยู่ทางชายแดนทิศตะวันออกถอนกำลังบางส่วน และให้กองกำลังส่วนที่เหลือถอยไปทางทิศตะวันตกสามสิบลี้”
นี่คือการรับปากว่าจะยุติสงครามชั่วคราวใช่หรือไม่?
ในกองทัพแคว้นหนานหลี แม่ทัพมู่หรงเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่คัดค้านการเจรจาสงบศึกชั่วคราว ทว่าเขาตกใจกับคำพูดของซูจิ่นซีก่อนหน้านี้ จึงไม่สามารถพูดอันใดได้อีก ทำได้เพียงตอบรับคำสั่งของมู่หรงฉีด้วยความตกใจเล็กน้อย และถ่ายทอดคำสั่งทั้งหมดให้ทุกคนภายในกองทัพแคว้นหนานหลี
มู่หรงฉีได้รับบาดเจ็บและยังไม่หายดี เขาจึงไม่สามารถขี่ม้าได้ ซูจิ่นซีได้เตรียมการให้คนขับรถม้าและสั่งให้คนไปประคองมู่หรงฉีขึ้นรถม้า
ก่อนจากไป มู่หรงฉีเหลือบมองตงหลิงหวงด้วยสีหน้าราบเรียบ ทว่าไม่ได้พูดอันใด
กองทัพแคว้นหนานหลีกลับไปอย่างเข้มแข็ง ตงหลิงหวงจึงออกคำสั่งให้เดินทางกลับค่ายทหารเช่นกัน
แม่ทัพฮัวผู้ที่พูดอย่างตรงไปตรงมาเสมอ อดถามไม่ได้ว่า “องค์รัชทายาท ฉีอ๋องหมายความว่าอย่างไรกันแน่? พวกเรารับปากเรื่องการอภิเษกแล้วหรือ? ทว่าในหมู่เชื้อพระวงศ์ไม่มีสตรีที่เหมาะสม! ไม่ต้องพูดถึงเชื้อพระวงศ์ ต่อให้คนในราชวงศ์ก็ไม่มี”
หลังจากแม่ทัพฮัวเซิ่งพูดจบ แม่ทัพที่เหลืออีกสี่นายต่างแสดงความสงสัยออกมาทีละคน
อย่างไรก็ตาม ตงหลิงหวงไม่ได้ตอบคำถามของพวกเขา นางเพียงมองออกไปในระยะไกล มองไปยังทิศทางที่มู่หรงฉีและคนอื่นๆ จากไป พลางออกคำสั่ง “กลับค่าย! ”
หลังกลับมาถึงค่ายทหาร ซูจิ่นซีขอให้อวิ๋นจิ่นตรวจร่างกายให้มู่หรงฉีทันที
“พระชายาวางพระทัย พระวรกายของฉีอ๋องไม่เป็นอันใดพ่ะย่ะค่ะ ขาของฉีอ๋องได้รับการรักษาเป็นอย่างดี ตอนนี้กำลังฟื้นตัว ส่วนอาการบาดเจ็บภายในร่างกายของพระองค์ ก่อนหน้านี้ได้ใช้สมุนไพรคุณภาพดี ตอนนี้กำลังฟื้นตัวเช่นกัน กระหม่อมจะเขียนเทียบยาเพิ่มให้บางส่วน ขอเพียงฉีอ๋องเสวยยาตามเวลา ภายในหนึ่งเดือน พระวรกายจะฟื้นตัวเต็มที่พ่ะย่ะค่ะ”
ซูจิ่นซีเชื่อในทักษะทางการแพทย์ของอวิ๋นจิ่น นางจึงไม่พูดอันใดมาก ทำเพียงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
จากนั้น อวิ๋นจิ่นก็ขอตัวกลับไปที่กระโจมของตนเอง เยี่ยโยวเหยาก็กลับไปเช่นกัน เหลือเพียงมู่หรงฉีกับซูจิ่นซีในกระโจมใหญ่
“หลายวันที่ผ่านมา เรื่องราวในกองทัพทั้งหมด ต้องขอบใจเจ้ากับโยวอ๋องมาก”
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ท่านกับข้าเป็นพี่น้องกัน ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องเช่นนี้”
มู่หรงฉีพยักหน้า
ซูจิ่นซีบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในค่ายทหารแคว้นหนานหลีก่อนหน้านี้ให้มู่หรงฉีฟังหนึ่งครั้ง เพื่อให้มู่หรงฉีเข้าใจสถานการณ์ในช่วงเปลี่ยนผ่าน
“สถานการณ์ของเสด็จพ่อเป็นอย่างไร” แม้เขาจะอยู่ที่แคว้นตงเฉินมาตลอด ทว่ามู่หรงฉียังเป็นห่วงสถานการณ์ของมู่หรงอวิ๋นไห่เสมอ
ก่อนออกมาจากดินแดนต้องห้ามสกุลจง ซูจิ่นซีได้เขียนจดหมายให้มู่หรงฉี เพื่อบอกเล่าสถานการณ์ในดินแดนต้องห้ามอย่างละเอียด
“ตอนที่ออกมา ข้าได้ฝากฝังเสด็จพ่อและท่านแม่ของข้าไว้กับท่านย่าชั่วคราว ประการแรก เพื่อให้พวกเขาพักฟื้นในสกุลจงขณะที่หาวิธีถอนพิษ ประการที่สอง เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้”
อย่างไรก็ตาม พวกเขายังไม่ได้จัดการเรื่องราวในพระราชวังแคว้นหนานหลีให้เรียบร้อย ภายในยังมีอันตรายซุกซ่อนอยู่มากมาย
มู่หรงฉีพยักหน้าเห็นด้วย
“พิษของเสด็จพ่อ เจ้ายังไม่พบวิธีรักษาหรือ?”