สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 29 ตอนที่ 841 ไม่ใช่อ๋องอย่างข้า
“หึ! ” หลู่หยางอ๋องมีท่าทางขุ่นเคืองอย่างมาก “จะไม่ถามได้อย่างไร? ข้าไปสอบถามนางด้วยตนเอง และยังทรมานนางอีกด้วย ทว่านางไม่พูดสักคำ หนำซ้ำยังทำเป็นปัญญาอ่อนใส่ข้าให้ตกใจอีก”
อันใดนะ?
หลู่หยางอ๋องทรมานเสด็จแม่ของนางด้วยหรือ?
อย่างไรก็ตาม เสด็จแม่เป็นถึงพระมารดาของแว่นแคว้น แม้แคว้นตงเฉินจะล่มสลาย ฮองเฮาก็เพียงถูกลดทอนบรรดาศักดิ์ให้เป็นเชลย นางควรได้รับการปฏิบัติอย่างมีเกียรติ ไม่ควรถูกลดทอนถึงขั้นถูกทรมาน หลู่หยางอ๋องเป็นคนประเภทใด เหตุใดจึงบังอาจทรมานเสด็จแม่ของนางเช่นนี้???
ตงหลิงหวงยืนอยู่ด้านหลังหลู่หยางอ๋องและกำลังบีบนวดหัวไหล่ให้เขา ทันใดนั้น นางก็ออกแรงนวดอย่างรุนแรงจนแทบจะบีบศีรษะของเขาให้แหลกละเอียด
หลู่หยางอ๋องราวกับรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เขาลืมตาขึ้นและหันไปมองตงลิงหวง
“พระสนมที่รักเป็นอันใดไปหรือ? ”
ตงหลิงหวงพยายามควบคุมอารมณ์บนใบหน้าของตนเอง และพยายามส่งยิ้มให้หลู่หยางอ๋องอย่างสุดความสามารถ
“หม่อมฉัน… ท่านอ๋องทำให้หม่อมฉันกลัวเพคะ อย่างไรเสีย ฮองเฮาก็เป็นพระมารดาของแว่นแคว้น ท่านอ๋องทรมานนางเช่นนี้ เกรงว่าจะไม่เหมาะสมกระมัง? หากเรื่องแพร่งพรายออกไป หม่อมฉันเกรงว่าท่านอ๋องจะเสื่อมเสียชื่อเสียง และอาจมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ลับหลังในราชสำนักได้เพคะ”
หลู่หยางอ๋องดูเหมือนไม่คิดอันใดมากนัก เขาแตะมือของตงหลิงหวงเพื่อปลอบใจ
“พระสนมไม่ต้องเป็นห่วง มีสิ่งใดที่ข้าต้องกลัว? อีกอย่าง ข้าทรมานนางที่วังหลัง ไม่มีขุนนางใหญ่ในราชสำนักเห็น นอกจากนี้ ข้ายังสั่งให้ปิดข่าวให้เงียบ พวกเขาไม่กล้าแพร่งพรายออกไปแน่”
ตงหลิงหวงอดกลั้นจนใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย
“พระสนม? เหตุใดมือเจ้าถึงได้เย็นเช่นนี้? ”
ตงหลิงหวงยังแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน นางรีบเดินไปหยิบเตาอุ่นมือออกมา “บางทีอาจเป็นเพราะอากาศหนาว หม่อมฉันยืนนาน อาจทำให้มือเย็นเพคะ”
“จริงหรือ? ”
“ท่านอ๋องกังวลกับเรื่องราชสำนักมากพอแล้ว อย่าได้ใส่พระทัยเลยเพคะ หม่อมฉันไม่เป็นอันใด”
หลู่หยางอ๋องดึงตัวตงหลิงหวงให้มานั่งด้านข้างตนเองและพูดว่า “ข้าได้ยินสนมรักพูดเช่นนี้ เหตุใดถึงรู้สึกเหมือนเจ้ากำลังตำหนิข้า? ดูเจ้าพูดเข้าสิ ตอนนี้ข้าให้เจ้าเป็นสุดยอดดวงใจ ข้าไม่โปรดปรานเจ้าแล้วจะให้ไปโปรดปรานผู้ใดอีก?
อาหาศหนาวเย็น เจ้าก็ออกไปข้างนอกให้น้อยลง มีเรื่องอันใดก็ให้แม่นมเฝิงกับแม่นมหลี่ไปจัดการแทน หากเจ้าเกิดอุบัติเหตุอันใดขึ้นมา ข้าเองจะเป็นห่วงเจ้าเสียมากกว่า”
ตงหลิงหวงพยายามอดกลั้นต่อแรงกระตุ้นในจิตใจ “ท่านอ๋องทรงเอ็นดูรักใคร่หม่อมฉันเช่นนี้ น่าเสียดายที่หม่อมฉันเป็นเพียงหญิงชั้นต่ำ ไม่อาจทำอันใดเพื่อท่านอ๋องได้เลย”
นางพูดพลางเผยใบหน้าละอายใจ
ท่าทางเช่นนี้ดูเหมือนจะใช้ได้ผลกับหลู่หยางอ๋อง “สนมรักสนใจแค่การบำรุงครรภ์ก็พอ ข้าไม่เคยกล่าวโทษตำหนิเจ้า การคลอดคุณชายน้อยให้ข้าอย่างราบรื่น เป็นเรื่องสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด”
ตงหลิงหวงแย้มยิ้ม นางรู้สึกว่าหัวข้อสนทนาใกล้จะได้เรื่องได้ราวแล้ว จึงกล่าวว่า “ท่านอ๋อง มิสู้ให้หม่อมฉันไปโน้มน้าวฮองเฮา! ”
“เจ้าจะไปหรือ? ”
“เพคะ! ท่านอ๋อง สตรีย่อมเข้าใจหัวอกสตรีด้วยกันที่สุด แท้จริงแล้วฮองเฮาไม่ใช่คนใจแข็ง นางเป็นมารดาเช่นเดียวกับหม่อมฉัน ต่อให้นางไม่คิดถึงประชาชนก็ควรคิดถึงสามีและบุตรสาวของนาง! ตอนนี้ตงหลิงไท่และตงหลิงหวงร่อนเร่อยู่ด้านนอก นางจะดันทุรังปล่อยให้สองพ่อลูกอยู่ด้านนอกได้อย่างไร? ”
ราวกับหลู่ยางอ๋องยังคลางแคลงใจบางอย่างและไม่เห็นด้วยกับตงหลิงหวง
ตงหลิงหวงพูดเสริมอีกครั้ง “หม่อมฉันโทษตนเองที่ไม่สามารถแบ่งเบาความทุกข์ของท่านอ๋องได้ ท่านอ๋องมิสู้ให้หม่อมฉันลองดู ไม่แน่ว่าการสนทนาระหว่างหม่อมฉันกับฮองเฮาอาจเข้ากันได้ดี และสามารถสอบถามถึงตราประทับราชลัญจกรมาได้จริง ๆ ดีหรือไม่เพคะ? ”
แท้จริงแล้วในความคิดของหลู่หยางอ๋อง พระชายาหลู่หยางอ๋องเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด อย่างไรเสีย พระชายาหลู่หยางอ๋องกับฮองเฮาก็รักใคร่กันเหมือนพี่สาวน้องสาว
ทว่าในตอนนี้…
หลู่หยางอ๋องถอนหายใจยาว “ก็ได้ เจ้าลองไปดู! ”
เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงของหลู่หยางอ๋องไม่มีความหวังอันใดแม้แต่น้อย
สุดท้าย ตงหลิงหวงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่าเมื่อนึกถึงเรื่องที่หลู่หยางอ๋องลงโทษเสด็จแม่ของตนเอง นางก็ยิ่งเกลียดชังและเศร้าใจจนอยากเอามีดมาแทงหลู่หยางอ๋องให้สิ้นชีพ
ทว่าเพื่อแคว้นตงเฉิน เพื่อพสกนิกร และเพื่อความปลอดภัยของเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของตน ตอนนี้นางต้องอดกลั้นไว้ หลังจากหลู่หยางอ๋องออกไปจากห้องของพระสนมน่าหลาน เขาไม่ได้ตรงกลับไปที่วัง ทว่าไปที่จวนของพระชายาหลู่หยางอ๋องแทน
แท้จริงแล้ว ก่อนหน้านั้น พระสนมน่าหลานโกหกตงหลิงจวิ้น พระชายาหลู่หยางอ๋องยังไม่ตาย ทว่าหลังจากหลู่หยางอ๋องก่อกบฏ นางก็ไม่เห็นด้วยกับความคิดของเขา เขากลัวว่านางจะหุนหันและทำทุกอย่างพัง จึงขังนางไว้ในห้องลับภายในจวน
หลู่หยางอ๋องเดินอย่างเชื่องช้า ราวกับภายในใจกำลังครุ่นคิดบางอย่าง ตอนที่เดินมาถึงประตูเรือนของพระชายาหลู่หยางอ๋อง ทันใดนั้น เขาก็เรียกองครักษ์
“ส่งคนไปสอดแนมความเคลื่อนไหวทั้งหมดของพระสนมน่าหลานอย่างลับๆ โดยเฉพาะตอนที่นางเข้าวังไปพบฮองเฮา”
องครักษ์ตอบรับทันที “พ่ะย่ะค่ะ! ”
หลู่หยางอ๋องไม่ได้พูดอันใดอีก เขาเดินเข้าไปในเรือน ก่อนจะเปิดประตูและก้าวเข้าไปในห้อง
เห็นได้ชัดว่าห้องลับถูกสร้างขึ้นมานานแล้ว ภายในก่อด้วยอิฐเขียว ข้างทางลับทั้งสองด้านวางโคมไฟหมื่นปี
หลู่หยางอ๋องเดินเข้าไปทีละก้าวจนมาถึงห้องศิลากว้างห้องหนึ่ง
พระชายาหลู่หยางกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงหินเย็นยะเยือก
สายตาของหลู่หยางอ๋องจ้องไปบนโต๊ะหินซึ่งมีอาหารกองไว้หลายวัน ใบหน้าของเขาปรากฏความอับจนหนทางและความเหนื่อยล้า
เขาค่อยๆ เดินไปด้านข้างพระชายาหลู่หยางอ๋อง และลูบไล้ใบหน้าที่กำลังหลับใหลอย่างแผ่วเบา
ความรักใคร่ล้ำลึกปรากฏในแววตา
เห็นได้ชัดว่าเขายังคงมีความรู้สึกลึกซึ้งกับพระชายาหลู่หยางอ๋องอย่างมาก
พระชายาหลู่หยางอ๋องที่กำลังหลับใหล ราวกับรับรู้ได้ถึงบางอย่าง นางขมวดคิ้วอย่างไม่สบายตัว จากนั้นดวงตาทั้งสองข้างก็เปิดขึ้น
เมื่อเห็นว่าเป็นหลู่หยางอ๋อง นางก็ลุกขึ้นนั่งทันที
นางเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ท่านมาทำอันใด มาดูว่าข้ายังไม่ตายเช่นนั้นหรือ? ”
หลู่หยางอ๋องยังไม่ทันได้พูด นางก็ยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา “ท่านอ๋อง ต้องขออภัย ข้าไม่อาจทำในสิ่งที่ท่านต้องการได้ ข้ายังมีชีวิตอยู่ดี ยังไม่ตาย”
“ซินหรู เจ้ากับข้าอย่างไรก็เป็นสามีภรรยากัน เหตุใดถึงพูดกับข้าเช่นนี้ ข้ารู้ว่าในใจเจ้ายังมีข้าอยู่”
พระชายาหลู่หยางอ๋องยกยิ้มเย็นชา “ความรู้สึก? ท่านอ๋อง ซินหรูเคยมีความรู้สึกรักใคร่ท่าน ทว่าตอนที่ท่านตัดสินใจส่งกำลังทหารไปจัดการฝ่าบาท หัวใจที่ซินหรูมีให้ท่านได้ตายไปเรียบร้อยแล้ว”
หลู่หยางอ๋องตกตะลึงอย่างหนัก ทว่าในไม่ช้าก็ยกยิ้มอย่างเย็นชา “ตายแล้ว? ใจที่เจ้ามีให้ข้าตายไปแล้ว หรือหัวใจของเจ้าไม่เคยตายจากตงหลิงไท่กันแน่? ”
พระชายาหลู่หยางอ๋องราวกับคาดไม่ถึงว่าสามีของนางจะพูดเช่นนี้ นางยกฝ่ามือตบหน้าหลู่หยางอ๋อง
“ตงหลิงชาง ท่านยังเป็นคนอยู่หรือถึงได้พูดออกมาเช่นนี้? จิตสำนึกของท่านเล่า? จิตสำนึกของท่านถูกสุนัขกินไปแล้วหรือ? ท่านไม่ลองไตร่ตรองดูให้ดี ผู้ใดอยู่เคียงข้างท่านมาหลายปีถึงเพียงนี้? ”
หลู่หยางอ๋องถูกตบจนหน้าหัน แววตาเย็นชาลงเล็กน้อย ทว่าไม่นาน เขาก็แย้มยิ้ม “ข้าไม่ลืม หลายปีมานี้ เป็นเจ้าที่อยู่เคียงข้างข้ามาตลอด ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน ทว่าข้าก็ไม่ลืมเช่นกันว่าในตอนนั้น คนในใจที่เจ้าต้องการแต่งงานด้วยคือตงหลิงไท่ ไม่ใช่ข้า”