สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 29 ตอนที่ 869 ยังเป็นนักฆ่าฉีเฟิงอีกหรือ
ตงหลิงหวงไม่ให้โอกาสฮ่องเต้หลู่โต้ตอบ และไม่พูดจาไร้สาระอันใดกับเขา นางถือพัดเหล็กและเหาะขึ้นไปโจมตีฮ่องเต้หลู่
โดยไม่คาดคิด เมื่อเผชิญหน้ากับตงหลิงหวง เห็นได้ชัดว่าพลังรอบตัวของนางแข็งแกร่งกว่านักฆ่าฉีเฟิงทั้งห้ารวมกันหลายเท่า ทว่าเขากลับนิ่งเฉย ไม่แม้แต่กะพริบตา
พัดเหล็กในมือของตงหลิงหวงหมุนวนอย่างรวดเร็ว อาวุธลับที่ซ่อนอยู่และอาวุธพิษต่างๆ ในพัดเหล็กทิ่มแทงเข้าไปที่ฮ่องเต้หลู่อย่างรวดเร็วและไร้ความปรานี
แต่ไม่คิดว่าฮ่องเต้หลู่ยังคงไม่หลบเช่นเดิม
อาวุธลับที่มีพิษร้ายแรงซ่อนอยู่จำนวนมากแทรกเข้าไปในหลอดเลือดแดงและหัวใจของฮ่องเต้หลู่
ต่อให้อาวุธลับนั้นไม่ได้เจาะลึกและไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ทว่าพิษจากอาวุธลับจะลุกลามไปยังหัวใจในเวลาอันรวดเร็วและต้องตายอย่างแน่นอน
ตงหลิงหวงหมุนร่างและยืนอยู่บนต้นสนสูงไกลออกไป นางหันศีรษะไปมองฮ่องเต้หลู่ด้วยสายตาเย็นชา
ฮ่องเต้หลู่ค่อยๆ ก้มศีรษะมองอาวุธลับที่เสียบอยู่ในร่างกายของตน จากนั้นจึงหรี่ตาลงเล็กน้อย
เมื่อนักฆ่าฉีเฟิงและทุกคนที่อยู่ไกลออกไปคิดว่าฮ่องเต้หลู่ต้องพ่ายแพ้ในครั้งนี้และต้องเสียชีวิตอย่างแน่นอน ทันใดนั้น ฮ่องเต้หลู่ก็เงยหน้ามองตงหลิงหวงที่ยืนอยู่บนต้นสนด้วยความเดือดดาล ร่างของเขาสั่นเทาเล็กน้อย อาวุธลับที่เสียบอยู่บนร่างของเขาถูกสลัดออกทั้งหมด จากนั้นก็ราวกับถูกพลังที่แข็งแกร่งดึงดูดไว้ และพุ่งไปหาเหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ รวมถึงองครักษ์และองครักษ์เงาที่กำลังต่อสู้
ดวงตาของตงหลิงหวงพลันแปรเปลี่ยน ทว่าสายเกินไปที่จะหยุดมัน
ในชั่วพริบตา เหล่าขุนนางหลายสิบคนและองครักษ์เงาอีกหลายสิบนายต่างล้มลงกับพื้น ก่อนจะกระอักเลือดและเสียชีวิตทันที
เมื่อมองไปที่ฮ่องเต้หลู่บนหอสูงอีกครั้ง แท้จริงแล้ว เขาไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ไม่มีแม้แต่ร่องรอยบาดแผลหรือเลือดในบริเวณที่ถูกอาวุธลับทิ่มแทง
เขายังคงมองลงมาที่ฝูงชนด้วยสายตาเหยียดหยาม
ในกลุ่มขุนนาง ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดที่ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ปี… ปีศาจ… เขา… เขาเป็นปีศาจ… ปีศาจ… ”
ทันใดนั้น ทุกคนต่างตื่นตระหนก แม้แต่องครักษ์และองครักษ์เงาที่ต่อสู้กับคนของตงหลิงหวงก็เกิดความชุลมุนโกลาหลจนลืมต่อสู้กับศัตรู พวกเขาทั้งหมดต่างมีสีหน้าสะพรึงกลัว จากนั้นจึงถอยออกมา บางคนเริ่มหลบหนีออกไปนอกสวนดอกไม้
ดวงตาของฮ่องเต้หลู่พลันถมึงทึง เขาโบกแขนเล็กน้อย ก่อนที่คนเหล่านั้นจะหนีออกจากสวนดอกไม้ พวกเขาก็ล้มลงกับพื้น อ้าปากค้าง และตายในทันที
ดวงตาของตงหลิงหวงปรากฏความเย็นชา เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
เป็นความโกรธที่มีต่อความไร้มนุษยธรรมของฮ่องเต้หลู่
เขามองเห็นทุกสิ่งตรงหน้าอย่างชัดเจน อาศัยพลังความแข็งแกร่งของฮ่องเต้หลู่ในตอนนี้ ขอเพียงเขาต้องการ เขาสามารถสังหารทุกคนในสวนดอกไม้แห่งนี้ได้ราวกับเหยียบมดปลวก รวมถึงนางด้วย
ทว่าเขากลับไม่ทำเช่นนั้น เขาปล่อยให้ทุกคนดิ้นรนจนสุดชีวิตเพื่อความหวังที่จะมีชีวิตรอด จากนั้นก็ชื่นชมกับความสิ้นหวังของคนเหล่านั้น
ใช้วิธีแมวเล่นกับหนู จนหนูค่อยๆ ตายไปอย่างเชื่องช้า
เขาเพลิดเพลินกับการแสดงออกที่หวาดกลัวของพวกเขา …
ตงหลิงหวงเกลียดยิ่งนัก นางเกลียดชังความโหดร้ายของฮ่องเต้หลู่ในตอนนี้ จนอดกำพัดเหล็กในมือให้แน่นขึ้นไม่ได้
ฮ่องเต้หลู่กล่าวขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ “เป็นอย่างไร? นางตัวแสบ เจ้ากับข้า ลุงและหลานกำลังเพลิดเพลินกับฉากที่งดงามนี้ด้วยกัน สนุกหรือไม่? ”
ตงหลิงหวงกัดฟันกรอด ทันใดนั้น สายตาที่เย็นชาเข้ากระดูกก็ค่อยๆ เคลื่อนไปที่ร่างของฮ่องเต้หลู่
“มีอันใด เจ้าก็มาทำกับข้า! เกี่ยวอันใดกับพวกเขา? ตงหลิงชาง เจ้าทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าตายไปจะตกนรกสิบแปดขุมหรือ? ไม่กลัวไม่มีหน้าไปพบกับบรรพบุรุษของสกุลตงหลิงหรือ? ”
ทันใดนั้น ฮ่องเต้หลู่ก็เงยศีรษะและหัวเราะเสียงดังสามครั้ง “ตกนรกหรือ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า หากข้า ตงหลิงชางไม่ตกนรก แล้วจะมีผู้ใดตกนรกได้อีก? ”
“บ้าไปแล้ว! ” ตงหลิงหวงกัดฟันอย่างดุดัน “เจ้ามันบ้าไปแล้ว! ”
จากนั้น นางจึงกำพัดเหล็กในมือและพุ่งเข้าใส่ฮ่องเต้หลู่อีกครั้ง เมื่อนักฆ่าฉีเฟิงและนักฆ่าฉานเยวี่ยในสวนดอกไม้เห็นดังนั้น จึงร่วมต่อสู้กับตงหลิงหวง
คราวนี้ฮ่องเต้หลู่ไม่ยืนนิ่ง แต่กลับเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน
ในไม่ช้าก็เกิดการปะทะกันด้านล่างหอสูง ฉากนั้นน่าตื่นเต้นและเข้มข้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ลมหนาวยังคงพัดม้วนเป็นเกลียวบนพื้นดิน ทุกคนที่เฝ้าดูด้วยความกังวลใจในระยะไกล ใบหน้าของพวกเขาซีดขาวลงเรื่อยๆ
ทว่าพลังความแข็งแกร่งของตงหลิงหวงและคนอื่นๆ อ่อนแอเกินไปเมื่อเทียบกับพลังของฮ่องเต้หลู่ในตอนนี้ ชั่วพริบตา นักฆ่าชั้นยอดของฉีเฟิงก็เสียชีวิตไปหลายคนแล้ว
ตงหลิงหวงถูกฮ่องเต้หลู่โจมตีจนล้มลงหลายครั้ง แม้จะไม่ร้ายแรงถึงชีวิต ทว่าร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส อย่างไรก็ตาม นางยังสามารถยืนหยัดต่อสู้ต่อไปได้ ทั้งหมดเป็นการใช้พลังเฮือกสุดท้าย
นี่เป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ที่ตงหลิงหวงถูกพลังอันแข็งแกร่งของฮ่องเต้หลู่กระแทกจนล้มลงกับพื้น ทำให้กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นเลือดก็พุ่งออกมาจากปากของนาง
นักฆ่าฉีเฟิงถูกกระแทกตกลงมาแทบเท้าของนางเช่นกัน เขาไม่สนใจว่าร่างของตนเองจะมีเลือดไหลออกมา และรีบคลานไปทางตงหลิงหวง
“องค์รัชทายาททรงเป็นอย่างไรบ้าง องค์รัชทายาท? ”
ตงหลิงหวงส่ายศีรษะ “ข้าไม่เป็นอันใด! ”
จากนั้น นางก็หันศีรษะไปมองนักฆ่าคนอื่นๆ ที่ถูกฮ่องเต้หลู่กระแทกจนกระเด็นตกลงมาจากหอสูง พวกเขาร่วงลงมาราวกับใบไม้
นักฆ่าคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายตงหลิงหวง เขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจนแทบทนไม่ไหวอีกต่อไป จู่ๆ เขาก็ตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด “รัชทายาท ถอยไปเถิด! หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกพี่น้องเราคงปกป้องท่านไม่ได้แล้ว พวกเราถอยไปก่อนเถิด! ”
ตงหลิงหวงกัดฟันกรอด “เจ้าพวกสวะ! เป็นผู้ใดสั่งสอนเจ้ามา กล้าพูดคำว่าไม่ไหวได้หรือ? ฉานเยวี่ยกับฉีเฟิงเคยมีคำสั่งถอยหรือ? ยังทำงานไม่สำเร็จจะถอยได้อย่างไร? เจ้ายังเป็นนักฆ่าฉีเฟิงที่ข้า ตงหลิงหวงฝึกฝนมาอย่างหนักอยู่อีกหรือ? ”
นักฆ่าตบหน้าตนเองอย่างแรง “เป็นกระหม่อมที่ไร้ความสามารถ! กระหม่อมสมควรตาย ทว่ารัชทายาท อีกฝ่ายหนึ่ง… อีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ พี่น้องเราไม่เข้าใจว่าเขาใช้พลังภายในแบบใดกันแน่ พวกเราไม่เคยเห็นและไม่เคยรู้มาก่อน! จึงไม่สามารถทำลายมันได้”
แววตามุ่งมั่นของตงหลิงหวงมองฮ่องเต้หลู่ที่สังหารสมุนของนางอย่างโหดเหี้ยมราวกับปีศาจร้ายที่อยู่บนหอสูง
นางกัดฟันกรอด “ต่อให้ปกป้องไม่ได้ก็ต้องปกป้อง สิ่งที่เจ้าปกป้องไม่ใช่ข้า ทว่าเป็นประชาชนแคว้นตงเฉินและดินแดนแคว้นตงเฉิน”
ภายในใจของนักฆ่าตกตะลึงอย่างรุนแรง
ตลอดมา เขานึกถึงแต่เจ้านายของตน คิดเพียงปกป้องรัชทายาทที่อยู่ตรงหน้า ทว่าไม่เคยคิดเรื่องอื่นที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น
เขาไม่เคยคิดเลยว่า รัชทายาทผู้นี้ไม่เคยสนใจเรื่องส่วนตัวและความตาย สิ่งที่อยู่ภายในใจของนางกลับเป็นแผ่นดินของแคว้นตงเฉินและประชาชนแคว้นตงเฉิน
เมื่อเทียบกับนางแล้ว… พวกเขาก็ต่างกันราวฟ้ากับดิน
ในชั่วพริบตา นักฆ่าก็ชื่นชมตงหลิงหวงมากขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง เขามองตงหลิงหวงด้วยแววตาฮึกเหิมและตอบรับด้วยเสียงที่ทรงพลังว่า “พ่ะย่ะค่ะ! ”
จากนั้น กระบี่ยาวที่อยู่ในมือก็แทงไปทางฮ่องเต้หลู่อีกครั้ง
ตงหลิงหวงหยิบพัดเหล็กข้างตัว จากนั้นจึงเช็ดเลือดที่มุมปาก และรีบพุ่งโจมตีไปทางฮ่องเต้หลู่
คนนับสิบล้อมคนเพียงคนเดียว จากนั้นจึงแทงกระบี่ไปที่ร่างของฮ่องเต้หลู่ราวกับขนไผ่ คนที่ถือกระบี่ถูกโยนออกไปอย่างต่อเนื่อง
ทว่าเป็นเช่นเดิม ฮ่องเต้หลู่ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
เขามองทุกคนด้วยความสนุกสนานดังเดิม และมองทุกคนราวกับมดปลวก
เขาชื่นชมสีหน้าหวาดกลัวและไม่ยอมแพ้ของทุกคน เหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
ตงหลิงหวงผู้มีดวงตาเฉียบคมดั่งเหยี่ยวพลันกระโดดขึ้นสูง ร่างที่สวมชุดสีขาวนวลจันทร์ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สว่างไสว เมื่อสายลมพัดผ่าน นางราวกับเทพเจ้าสงครามที่ลงมาจากฟากฟ้า
กลางอากาศ นางพยายามออกแรงเฮือกสุดท้ายและถือพัดเหล็กไว้ในมือแน่น ใบมีดรูปเพชรสิบสองใบที่อยู่เหนือพัดเหล็กเปล่งแสงเย็นยะเยือก โจมตีไปที่ลำคอของฮ่องเต้หลู่จากทางด้านหลัง
ลำคอเป็นจุดที่เปราะบางที่สุดของมนุษย์ จากความเร็วและความคมของใบมีดรูปเพชรทั้งสิบสองใบ เพียงพอที่จะตัดผ่านลำคอฮ่องเต้หลู่ได้ แม้กระบี่ยาวจะแทงร่างของเขาไม่ได้ และเขาไม่ได้รับอันตรายแม้แต้น้อย ทว่าเมื่อศีรษะและร่างกายของเขาถูกแยกออกจากกัน ดูสิว่าเขาจะมีชีวิตอีกหรือไม่?