สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 30 ตอนที่ 874 วันตายของผู้ใด
คนที่ดูการต่อสู้อยู่ไกลออกไป ล้วนสูดลมหายใจลึก
ฮ่องเต้หลู่ที่กำลังบ้าคลั่ง แทงหอกที่อยู่ในมือเข้าไปในร่างของมู่หรงฉีลึกขึ้นอีกนิด จากนั้นก็ยกมู่หรงฉีขึ้น
ร่างของมู่หรงฉีที่ถูกหอกยกขึ้นมาลอยอยู่กลางอากาศราวกับใบไม้ร่วงหล่น ก่อนที่จะหมดสติ เขาหันไปมองทางตงหลิงหวง
ตงหลิงหวงยังคงไม่รับรู้ว่ารอบข้างเกิดอันใดขึ้น
สายตาของมู่หรงฉีเป็นกังวล มีความไม่ยินยอมและมีความซับซ้อนอย่างมาก
ฮ่องเต้หลู่เหวี่ยงมู่หรงฉีออกไปอย่างรุนแรง มู่หรงฉีตกลงสู่พื้น กลิ้งหลุนๆ อยู่หลายครั้งจนหยุดแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน ไม่รู้ว่าตายแล้วหรือกำลังหายใจรวยริน
หลังจากนั้น ฮ่องเต้หลู่ก็ค่อยๆ เดินไปหาตงหลิงหวงที่กำลังนั่งสมาธิอย่างใจจดใจจ่อ
“องค์รัชทายาท! ”
ผู้คนในระยะไกลที่เฝ้าดูอยู่โดยรอบล้วนสูดลมหายใจลึก
ในเวลานี้ เหล่าองครักษ์และองครักษ์เงาของฮ่องเต้หลู่ เมื่อเห็นธาตุแท้ของฮ่องเต้หลู่ก็เปลี่ยนไปยืนอยู่ฝั่งเดียวกับตงหลิงหวง
เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้หลู่ฆ่าทุกคนอย่างโหดเหี้ยม และท้ายที่สุดก็เล็งเป้าหมายไปที่ตงหลิงหวง พวกเขาล้วนสูดลมหายใจลึก หัวใจบีบขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ
“องค์รัชทายาท พระองค์กำลังทำอันใด? ”
“องค์รัชทายาท พระองค์รีบหนี รีบหนี! ฮ่องเต้หลู่บ้าไปแล้ว เขาบ้าไปแล้ว รีบหนีไป! ”
“องค์รัชทายาท องค์รัชทายาท! ”
ทว่าตงหลิงหวงยังไม่ขยับเขยื้อน ดวงตาของนางปิดสนิท ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้ยินเสียงจากโลกภายนอกแม้แต่น้อย
ทีละก้าว… ทีละก้าว… ทีละก้าว…
ฮ่องเต้หลู่เดินไปด้านหน้าตงหลิงหวง เขาง้างหอกในมือขึ้นสูง ดวงตาปรากฏความเย็นชา ทันใดนั้นก็แทงหอกไปที่ร่างของตงหลิงหวง
“กรี๊ด… ”
เหล่านางกำนัลของวังหลวงที่อยู่ในระยะไกลต่างกรีดร้องเสียงดัง
บางคนไม่กล้าเผชิญหน้ากับเหตุการณ์อันเศร้าสลดของตงหลิงหวง ทุกคนต่างปิดตา มีบางคนที่ขาอ่อนแรงจนทรุดลงไปกับพื้น
พวกเขาต่างคิดว่าครั้งนี้ ตงหลิงหวงต้องตายแน่นอน
ทว่า…
ไม่มีผู้ใดคาดคิด ตอนที่หอกของฮ่องเต้หลู่อยู่ห่างจากร่างของตงหลิงหวงเพียงครึ่งชุ่น ทันใดนั้น ตงหลิงหวงก็ลืมตาขึ้นและเบี่ยงตัวหลบหอกของฮ่องเต้หลู่
ตามด้วยการขยับร่างกายขนานไปกับพื้นด้านหลังราวสองก้าว และกระโดดขึ้นกลางอากาศอย่างรวดเร็ว
ฮ่องเต้หลู่หรี่ตาลง พลางมองตงหลิงหวงที่อยู่กลางอากาศอย่างสนใจ
ทุกคนที่อยู่ในระยะไกลต่างสิ้นหวังไปนานแล้ว ทันใดนั้น พวกเขาก็ราวกับขี้เถ้าที่ติดไฟอีกครั้ง ในที่สุด แสงสว่างในดวงตาที่มอดดับก็ลุกโชนขึ้นมา
“องค์รัชทายาท องค์รัชทายาทปลอดภัยแล้ว”
“องค์รัชทายาทปลอดภัยแล้วจริงๆ ดีจริงๆ พวกเรา… พวกเรารอดแล้วใช่หรือไม่? ”
“ข้าคิดไว้แล้ว องค์รัชทายาทจะต้องไม่เป็นอันใด พระองค์ทรงเป็นหัวใจของพวกเรา เป็นเทพสวรรค์ของพวกเรา พระองค์จะเป็นอันใดไปง่ายๆ ได้อย่างไร? ”
“รัชทายาท สู้ๆ ! พวกเราเชื่อในตัวพระองค์!”
“องค์รัชทายาท องค์รัชทายาท! ”
ผู้คนต่างส่งเสียงให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความฮึกเหิมให้ตงหลิงหวง
ฮ่องเต้หลู่กระชากเสียงเย็นชา
“เพียงมดแมลงฝูงหนึ่งที่ต้องตายในไม่ช้า ตายช้าตายเร็วต่างกันอย่างไร? ”
แสงในดวงตาของตงหลิงหวงเปลี่ยนเป็นเย็นชา “โอ้? จริงหรือ? ”
เมื่อสิ้นเสียงนั้น นางก็กางแขนออก กระบี่หลายพันเล่มปรากฏเหนือศีรษะของนาง
กระบี่เหล่านั้น ตงหลิงหวงได้มาจากเส้นทางลับในเรือนของพระชายาหลู่หยางอ๋อง
ประจวบเหมาะกับที่นางไม่มีพัดเหล็ก จึงนำกระบี่ทั้งหมดมาเป็นอาวุธ
ทว่าฮ่องเต้หลู่ไม่สนใจแม้แต่น้อย “ฝีมือต่ำต้อย เป็นการต่อต้านที่ไร้ประโยชน์”
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่สิ้นเสียงพูด ดวงตาของเขาพลันเปลี่ยนไป เขามองเห็นแสงสว่างที่ปลายแหลมของกระบี่เหล่านั้น แสงนั้นไม่ใช่แสงธรรมดา เนื่องจากสีของแสงและความสว่างที่เปล่งออกมา มันต้องเป็นของผู้ฝึกตนระดับสูงเท่านั้น
นอกจากนั้น สีและความสว่างของแสง เห็นได้ชัดว่าเป็นของผู้ฝึกตนพลังซิวเสวียนที่แข็งแกร่งอย่างมาก
“นี่มัน… เป็นไปไม่ได้”
ฮ่องเต้หลู่ที่หยิ่งยโสมาโดยตลอด น้ำเสียงที่โอหังมาโดยตลอด กลับกลายเป็นสั่นสะท้านในทันที
“ในระยะเวลาอันสั้น เจ้าฝึกตนจนก้าวหน้าและเลื่อนระดับขั้นได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? เมื่อครู่เจ้าทำอันใด? ”
ตงหลิงหวงยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา
“ตงหลิงชาง ยังไม่ถึงวาระสุดท้าย วันนี้เป็นวันตายของผู้ใดยังไม่แน่! ”
นางพูดพลางขยับแขนทั้งสองข้าง กระบี่ทั้งหมดจึงพุ่งโจมตีไปทางฮ่องเต้หลู่
แววตาของฮ่องเต้หลู่ปรากฏความหวาดกลัว เขาถอยหลังอย่างต่อเนื่อง ทว่าสายไปเสียแล้ว
เพียงชั่วพริบตา ฮ่องเต้หลู่ก็ถูกกระบี่หลายพันเล่มแทงทะลุหน้าอก
ฮ่องเต้หลู่พูดถูก กระบี่เหล่านั้นถูกตงหลิงหวงอาบพลังฝึกตนบำเพ็ญเพียรซิวเสวียน
กระบี่ธรรมดาก่อนหน้านี้ทำร้ายฮ่องเต้หลู่ไม่ได้ ทว่าครั้งนี้ต่างออกไป กระบี่ทุกเล่มสามารถปลิดชีพเขาได้
เลือดสีแดงสดไหลออกมาตามบาดแผล ในไม่ช้า ฮ่องเต้หลู่ก็กลายเป็นมนุษย์เลือด เขาล้มลงกับพื้นเสียงดับ ‘ตุ้บ’
ทุกคนที่เฝ้ามองจากระยะไกลต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้ ทว่าในไม่ช้า ทุกคนก็ตั้งสติได้และเริ่มส่งเสียงให้กำลังใจ
“ตายแล้ว ตายแล้ว ในที่สุดฮ่องเต้หลู่ก็ตายแล้ว”
“ในที่สุดจอมมารก็ตายแล้ว ในที่สุดพวกเราก็รอดแล้ว”
“ข้ายังมีชีวิตอยู่ อมิตาพุทธ นึกไม่ถึงว่าข้าจะยังพูดได้”
“นี่ถือเป็นความดีความชอบขององค์รัชทายาท เป็นรัชทายาทที่ช่วยพวกเราไว้ รัชทายาททรงเป็นผู้กอบกู้ของพวกเรา”
“องค์รัชทายาท องค์รัชทายาท… ”
ทุกคนต่างวิ่งเข้าไปหาตงหลิงหวงและยกนางโยนขึ้น
นี่เป็นการฉลองที่กระตือรือร้นและอบอุ่นที่สุด
ตงหลิงหวงรู้สึกเขินอายเล็กน้อย พวงแก้มแดงก่ำ
“ทุกคนอย่าทำเช่นนี้ อย่าทำเช่นนี้ ปล่อยข้าลง พวกเจ้าปล่อยข้าลง”
แม้จะจัดการฮ่องเต้หลู่ได้แล้ว ทว่าตงหลิงหวงรู้สึกกระวนกระวายใจ คืนนี้นางยังมีเรื่องให้ต้องจัดการอีกมาก ฮ่องเต้ตงเฉิน เสด็จพ่อของนางยังไม่ได้เข้ามาในเมืองหลวง นอกจากนั้น… เมื่อครู่ ดูเหมือนว่านางจะไม่เห็นมู่หรงฉี มู่หรงฉีหายไปที่ใดแล้ว?
ตอนที่ถูกทุกคนโยนขึ้น ตงหลิงหวงกวาดสายตามองไปทั่วฝูงชน ทว่ามีจำนวนคนมากเกินไป นางจึงไม่พบมู่หรงฉี
ในตอนที่ทุกคนกำลังตื่นเต้นสุดขีดจนแทบเฉลิมฉลองด้วยดอกไม้ไฟและสุรารสเลิศ ทันใดนั้นก็มีเสียงแปลกประหลาดดังขึ้นด้านนอกฝูงชน เสียงนั้นทุ้มต่ำแหบพร่าราวกับเสียงร้องคำรามของภูตผีในขุมนรก จากนั้นพื้นดินก็สั่นสะเทือน
เหตุการณ์นี้ ทุกคนต่างคุ้นเคย สีหน้าของพวกเขาพลันเปลี่ยนไป หลายคนตกใจจนยืนนิ่งอยู่กับที่เพราะไม่รู้จะตอบสนองอย่างไร
ทันใดนั้น ท่ามกลางฝูงชน ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดที่ตะโกนขึ้นมา
“อ๋า ฮ่องเต้หลู่ นึกไม่ถึงว่าเขายังไม่ตาย เขายังไม่ตาย นึกไม่ถึงว่าเขาจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง รีบหนีเร็ว… ”
“อ้าก… ”
“อ้าก… ”
เหตุการณ์ร่วมแสดงความยินดีอย่างคึกคักกลายเป็นความโกลาหล ทุกคนต่างวิ่งหนีกันสับสนวุ่นวาย แม้กระทั่งตงหลิงหวงที่ถูกโยนขึ้นกลางอากาศก็ไม่สนใจ
ตงหลิงหวงขมวดคิ้วแน่น พลางมองไปยังทิศทางของฮ่องเต้หลู่
เป็นจริงดั่งคาด ฮ่องเต้หลู่ที่มีกระบี่แทงทั่วร่างกายจนเลือดไหลท่วมตัว ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน