สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 30 ตอนที่ 879 ถอดหรือไม่ถอด?
ท่านเฟิงหรี่ดวงตางดงามภายใต้ผ้าคลุมผืนยาว ทันใดนั้น เขาก็กดมีดพกในมือลงไปที่ลำคอของฮ่องเต้แคว้นตงเฉิน เฉือนเนื้อที่ลำคอเล็กน้อย หยาดเลือดจึงไหลรินลงมาตามใบมีดสีเงินเป็นประกาย
ทุกคนพลันสูดลมหายใจลึก
ฝ่ามือของตงหลิงหวงเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น เหงื่อนั้นหยดลงมาระหว่างนิ้วที่ถือกระบี่ยาว
ท่านเฟิงเลิกคิ้วขึ้น “ตงหลิงไท่ ตอนนั้นเจ้าสัญญากับข้าว่าอย่างไร? ตอนนี้กลับคืนคำหน้าตาเฉย เจ้าไม่รู้สึกเสียใจหรือ? เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนโง่นักหรือ? ”
แม้ขุนนางผู้ภักดีจะหวาดกลัว ทว่าความจงรักภักดีต่อราชสำนักกลับไม่ลดลง อย่างไรพวกเขาก็ไม่อาจยอมแพ้
“ท่านเฟิง ท่าน… ท่านต้องการสิ่งใดกันแน่? ท่านข่มขู่ฝ่าบาทเช่นนี้ จะแก้ปัญหาอันใดได้? ”
“ใช่ ท่านเฟิง มีสิ่งใดก็พูด มิสู้วางมีดในมือลงและปล่อยฝ่าบาท จากนั้นพวกเราก็มาหารือกันประสาวิญญูชน”
“หารือกันประสาวิญญูชนหรือ? ” เสียงของท่านเฟิงแข็งกร้าวขึ้นทันที “ตงหลิงไท่ ข้าให้โอกาสเจ้าหารือกี่ครั้งแล้ว? เจ้าตอบกลับข้าอย่างไร? ตอนนี้สายไปแล้ว! ”
เขาพูดพลางขยับมีดพกในมือ ทำให้เลือดไหลรินออกมาอีกครั้ง ส่วนมืออีกข้างของเขาก็จับตงหลิงไท่ราวกับกำลังจับห่านตัวหนึ่ง
เหล่าขุนนางต่างตกตะลึง
“ท่านเฟิง อย่าทำเช่นนั้น อย่าทำเช่นนั้น! ”
“ท่านเฟิง อย่าทำร้ายฝ่าบาท! ”
“ท่านเฟิง มีสิ่งใดก็พูดกับพวกเราดีๆ พูดกันดีๆ อย่าทำร้ายฝ่าบาท! ”
ตงหลิงหวงนั่งบนหลังม้าสูง นางหรี่ดวงตาทั้งคู่ลงเล็กน้อย รอจนเหล่าขุนนางพูดไปพอสมควร จึงพูดขึ้น
“ในเมื่อท่านเฟิงลักพาตัวเสด็จพ่อและรอรัชทายาทอย่างข้ามา แสดงว่าต้องมีเรื่องคุยกับข้า ไม่เช่นนั้นคงลงมือกับเสด็จพ่อไปนานแล้ว ใช่หรือไม่? ”
ขณะที่กำลังพูด ตงหลิงหวงสังเกตการเปลี่ยนแปลงของท่านเฟิงเสมอ
แม้ผ้าคลุมยาวจะปิดบังใบหน้าของเขา ทำให้ตงหลิงหวงไม่อาจมองเห็นการแสดงออกที่แท้จริงของเขาได้ ทว่านิ้วมือของเขาที่ถือมีดพกกลับสั่นเทาเล็กน้อย ตงหลิงหวงจึงรู้ว่านางกำลังพูดถึงสิ่งที่อยู่ในใจของท่านเฟิง
นางยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยและพูดต่อ “ในเมื่อท่านเฟิงตั้งใจร่วมมือกับรัชทายาทอย่างข้า พวกเราก็พูดคุยกันอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาดีกว่า เหตุใดจึงอ้อมค้อมเช่นนี้? ”
นิ้วของท่านเฟิงสั่นเทาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ท่านเฟิงยังไม่ทันพูดอันใด ตงหลิงไท่ก็พูดขึ้นเสียงดัง “หวงเอ๋อร์ เจ้าอย่าไปฟังเขา ไม่ต้องตอบตกลงอันใดกับเขา เขาเป็นคนบ้า เป็นเพียงคนบ้า เขาต้องการดึงแคว้นตงเฉินของเราให้ตายไปกับเขา! เขาเป็นคนบ้า”
ท่านเฟิงกัดฟันกรอดและกรีดคอของตงหลิงไท่ด้วยมีดพกในมือ
“ตาแก่บ้า หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้ หากพูดจาไร้สาระอีก ข้าจะส่งเจ้าไปสวรรค์”
เลือดไหลลงมาจากลำคอของตงหลิงไท่มากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านไปเพียงเสี้ยววินาที ใบหน้าของตงหลิงไท่ก็ขาวซีด ลมหายใจของเขาอ่อนแรงลง
เหล่าขุนนางต่างใบหน้าซีดเผือด บางคนคุกเข่าลงกับพื้นและร้องเรียกตงหลิงไท่
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท… ”
“กระหม่อมไร้สามารถ กระหม่อมไร้สามารถ! ”
……
“เจ้าคนทรยศ ปล่อยฝ่าบาท หากฝ่าบาททรงเป็นอันใดไป ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้า”
“ใช่ ใต้เท้าฉู่พูดถูก ฝ่าบาทเป็นตัวแทนความยิ่งใหญ่แห่งแคว้นตงเฉินของเรา เจ้าคนทรยศกล้าทำร้ายฝ่าบาท… เจ้าไม่เห็นแคว้นตงเฉินของข้าอยู่ในสายตา เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก”
ท่านเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงแหลมเล็ก “ฮ่า ฮ่า ข้าจะทำร้ายเขา ไม่เพียงทำร้ายเท่านั้น ทว่าตอนนี้ ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย อยู่ในกำมือของข้า หากชักช้าไปกว่านี้ ตงหลิงไท่คงต้องขึ้นสวรรค์เป็นแน่ ใต้เท้าทุกท่าน มาดูกันว่าพวกเจ้าจะจัดการข้าอย่างไร? ”
ขุนนางน้อยใหญ่ต่างตกตะลึง พูดไม่ออกไปชั่วขณะ พวกเขามองหน้ากันไปมาและก้มหน้าลง
ตงหลิงหวงนั่งอยู่หลังม้า แววตาแหลมคมเย็นชา นางถือกระบี่ยาวในมือแน่น ในใจต้องการตัดศีรษะของท่านเฟิงเสียให้ได้
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
“พวกเขาทำไม่ได้ ทว่ายังมีรัชทายาทอย่างข้ากระมัง? ท่านเฟิง ทางที่ดีเจ้าปล่อยเสด็จพ่อของข้าเสีย หากเขาเป็นอันใดไปแม้แต่น้อย วันนี้ เจ้าอย่าคิดว่าจะออกไปจากเมืองหลวงได้แม้แต่ก้าวเดียว แม้เจ้าจะตาย รัชทายาทอย่างข้าก็จะขุดบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของเจ้าขึ้นมา และใช้แส้ฟาดศพของพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
ดูเหมือนท่านเฟิงกำลังชั่งน้ำหนักอันใดบางอย่างจึงหยุดชะงักชั่วครู่ จากนั้นจึงเลื่อนมีดพกในมือออกจากลำคอของตงหลิงไท่
“ตงหลิงหวง ข้าจะคุยกับเจ้าเท่านั้น บอกให้ทุกคนออกไป”
น้ำเสียงของตงหลิงหวงเคร่งขรึมสง่างาม ไม่อาจทำให้ผู้อื่นตั้งคำถามหรือต่อต้านได้
“หยุดเลือดให้เสด็จพ่อของข้าก่อน”
ท่านเฟิงเหลือบมองบาดแผลของฮ่องเต้แคว้นตงเฉิน ในใจของเขารู้ดีว่าตงหลิงไท่กำลังจะสิ้นพระชนม์ หากฮ่องเต้แคว้นตงเฉินสิ้นพระชนม์จริงๆ การกระทำของเขาก็จะสูญเปล่า
น้ำเสียงของเขาจึงอ่อนลงเล็กน้อย
“เจ้าเรียกหมอหลวงเข้ามา บอกไว้ก่อน ให้หมอหลวงเข้ามาได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น”
ใบหน้าของตงหลิงหวงเต็มไปด้วยความระมัดระวัง “หากข้าคิดจะสังหารเจ้า คงไม่ต้องยืมมือผู้อื่น”
นางสั่งให้คนรีบไปตามหมอหลวงโดยเร็วที่สุด
หมอหลวงหยวนแห่งสำนักหมอหลวงแคว้นตงเฉิน ยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าขุนนางพอดี หมอหลวงทุกคนพกกล่องยาติดตัวด้วยความเคยชิน แม้ก่อนหน้านี้ ภายในสวนดอกไม้วังหลวงจะเกิดเหตุวุ่นวาย แต่ตอนที่ออกมา หมอหลวงหยวนกลับไม่ลืมนำกล่องยาของเขาติดตัวมาด้วย ซึ่งเหมาะสำหรับใช้ในสถานการณ์ตอนนี้พอดี
เขาแบกกล่องยาไว้ที่หลังและรีบวิ่งเข้าไป
“องค์รัชทายาท กระหม่อมอยู่ที่นี่ กระหม่อมอยู่ที่นี่”
หมอหลวงหยวนถือเป็นหมออาวุโสในสำนักหมอหลวง ทักษะการแพทย์ดีเยี่ยม โดยปกติจะตรวจชีพจรให้ฮองเฮาและตงหลิงหวง ตงหลิงหวงจึงคุ้นเคยและวางใจอย่างมาก
“หมอหลวงหยวน รบกวนท่านห้ามเลือดให้ฝ่าบาทโดยด่วน”
แม้หมอหลวงหยวนจะเป็นขุนนางในวัง ทว่าใบหน้ากลับไร้ซึ่งความขลาดกลัว
“องค์รัชทายาทโปรดวางพระทัย กระหม่อมเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ ฝ่าบาทจะต้องไม่เป็นอันใดแน่พ่ะย่ะค่ะ”
“ดีมาก! ”
หมอหลวงหยวนเดินไปหาท่านเฟิงและฮ่องเต้แคว้นตงเฉินทีละก้าว
ตงหลิงหวงสั่งให้คนที่เหลือถอยกลับไป
ท่านเฟิงยังควบคุมตัวฮ่องเต้แคว้นตงเฉินอย่างใกล้ชิด หมอหลวงหยวนห้ามเลือดให้ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงพันผ้าพันแผลและเดินออกมา
เนื่องจากอีกฝ่ายยังกุมชีวิตของฮ่องเต้แคว้นตงเฉินไว้ในมือ หมอหลวงหยวนจึงไม่กล้าสร้างปัญหา
“ท่านเฟิง มีอันใดก็พูดออกมาตามตรงเถิด! ” ตงหลิงหวงซึ่งอยู่บนหลังม้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
ท่านเฟิงกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ ตงหลิงไท่สัญญากับข้าว่าจะช่วยข้าโจมตีแคว้นหนานหลี ตอนนี้เป็นฤดูหนาวพอดี ทางทิศตะวันออกและทางทิศเหนือของแคว้นหนานหลีมีสภาพอากาศเลวร้ายและขาดแคลนเสบียงอาหาร จึงเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการโจมตีแคว้นหนานหลี หากไม่โจมตีในเวลานี้ เช่นนั้นจะรอถึงเมื่อใด? ทว่าตงหลิงไท่กลับคืนคำพูด ตงหลิงหวง เจ้าคงไม่คิดจะกลับคำพูดใช่หรือไม่? ”
ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินรับปากท่านเฟิงว่าจะช่วยโจมตีแคว้นหนานหลีหรือ?
ความคิดเลือนรางในหัวแวบเข้ามาในใจของตงหลิงหวง ทันใดนั้น ตงหลิงหวงก็นึกออก ไม่แปลกที่เสด็จพ่อจะมุ่งมั่นโจมตีแคว้นหนานหลี ทั้งยังต้องการกำจัดมู่หรงฉีในหุบเขามรณะ กลยุทธ์ทั้งหมดคือความคิดของท่านเฟิงใช่หรือไม่?
ท่านเฟิงมีความสัมพันธ์อันใดกับแคว้นหนานหลีกันแน่?
หรือว่ามีความแค้นบางอย่างกับแคว้นหนานหลี?
เขามีความแค้นลึกซึ้งอันใดกันแน่? ถึงต้องเสียสละตนเองมาอยู่ในแคว้นตงเฉิน และยืมมือของเสด็จพ่อเพื่อกำจัดแคว้นหนานหลี?
หรือว่าเขาเป็นคนของแคว้นไหวเจียง?
ไม่เหมือน!
เป็นคนแคว้นจงหนิงหรือ?
ยิ่งไม่เหมือน
ตงหลิงหวงครุ่นคิดครู่หนึ่งโดยไม่พูดสิ่งใด ทันใดนั้น ท่านเฟิงก็หมดความอดทน
“ตงหลิงหวง เจ้าคิดเห็นอย่างไร ตอบรับหรือไม่? ”
แววตาของตงหลิงหวงเป็นประกาย นางถือกระบี่ยาวในมือและตอบไปว่า
“ข้า ตงหลิงหวงกระทำการอย่างตรงไปตรงมาเสมอ ดังนั้น คนที่คบค้าด้วยต้องเป็นผู้ที่ตรงไปตรงมาเช่นกัน และไม่มีความคลุมเครือใดๆ
ในเมื่อท่านเฟิงต้องการร่วมมือกับข้า ตงหลิงหวงอย่างจริงใจ เหตุใดถึงไม่ถอดหมวกออก ให้ข้าได้เห็นว่าท่านคือผู้ใด ”
ท่านเฟิงระมัดระวังตัวอย่างมาก ทันทีที่ตงหลิงหวงเสนอความคิดเห็น เขาก็ใช้น้ำเสียงสูงทันที
“เจ้าต้องการทำอันใด? ”
การแสดงออกของตงหลิงหวงยังคงสงบนิ่ง
“ข้าไม่ต้องการทำอันใด เพียงต้องการรู้ว่า ข้ากำลังร่วมมือกับผู้ใดกันแน่”
“ตงหลิงหวง เจ้าไม่ต้องการให้เสด็จพ่อของเจ้ามีชีวิตอยู่แล้วหรือ? ”
ตงหลิงหวงเลิกคิ้วพลางเหลือบมองท่านเฟิง น้ำเสียงของนางนุ่มนวลกว่าก่อนหน้านี้ ทว่าเย็นชากว่ามาก
“ท่านเฟิง หากท่านไม่ถือสาอันใด มิสู้ลองดูว่ามีดพกในมือท่านเร็ว หรืออาวุธในมือของข้าตอนนี้เร็วกว่า? ”
เห็นได้ชัดเจนว่าท่านเฟิงอยู่ใกล้ตงหลิงไท่มากที่สุด ทว่าตงหลิงหวงกลับมั่นใจมากถึงเพียงนั้น
ท่าทางแน่วแน่ของนาง ดูเหมือนได้วางกระบี่ยาวไว้ที่ลำคอของท่านเฟิงแล้ว นางแข็งแกร่งมากจนไม่ยอมให้ฝ่ายตรงข้ามซักถามหรือตัดสินใจเลือก
ลำคอใต้เสื้อคลุมยาวของท่านเฟิงพลันเย็บเฉียบ
เขาจะถอดเสื้อคลุมหรือไม่?
เขาคือผู้ใดกันแน่?