สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 31 ตอนที่ 921 เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ตงหลิงหวงเดินมาด้านหน้ารูปปั้น และค่อยๆ วางเมล็ดบัวลงบนใจกลางดอกบัว
ความสนใจของทุกคนอยู่ที่เมล็ดบัวในมือของตงหลิงหวง จิตใจของพวกเขาถูกเคลื่อนไหว ตงหลิงหวงดึงดูดไว้จนพวกเขาไม่กล้าส่งเสียงใดๆ
ทันใดนั้น ดอกบัวที่อยู่ในมือของรูปปั้นก็เปล่งแสงสว่างเจิดจ้า จนทุกคนไม่สามารถลืมตาได้
ทุกคนรีบยกมือขึ้นป้องดวงตา
ตงหลิงหวงยกแขนขึ้นป้องตา พยายามมองสถานการณ์ตรงหน้าให้ชัดเจน ทว่านางกลับไม่เห็นอันใดแม้แต่น้อย และถูกดึงดูดเข้าไปในใจกลางดอกบัวพร้อมกับทุกคนเช่นกัน
เมื่อแสงสว่างเจิดจ้าจางหายไป ภาพที่อยู่เบื้องหน้าก็เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ พวกเขาอยู่ในห้องโถงภายในปราสาทโบราณ ทว่าตอนนี้กลับปรากฏภาพต้นไม้เขียวชอุ่มอยู่ตรงหน้า มีเสียงนกและแมลงต่างๆ ดังไปทั่ว
ตงหลิงหวงมองไปรอบๆ และพบว่ามันเป็นพืชพรรณหรือต้นไม้สูงตระหง่านนานาชนิด ซึ่งดูเหมือนอยู่ในป่า
คาดว่าที่นี่คือโลกใบเล็กภายในดอกบัว
“ทุกคน ระวังตัวด้วย” ตงหลิงหวงกล่าวเตือน
ทันทีที่สิ้นเสียงพูด แววตาของตงหลิงหวงเคลื่อนไหวอย่างฉับไว นางสัมผัสรับรู้ว่ามีบางอย่างกำลังพุ่งเข้ามาหานาง
ตงหลิงหวงต้องการจะลงมือ ทว่าขณะที่หางตาของนางเห็นชัดเจนว่ามันคือสิ่งใด นางกลับไม่หลบมัน และปล่อยให้กรงเล็บที่เหมือนปลาหมึกยักษ์ตะกุยบนเรือนร่างของนาง
“ฮือ ฮือ ฮือ ตงหลิงหวง ในที่สุดเจ้าก็มาจนได้ ในที่สุดเจ้าก็มา หากเจ้าไม่มา ถังเป่าอวี้กับข้าคงจะเป็นอาหารในงานฉลองของเหล่างูพิษเป็นแน่”
สิ่งนั้นคือ ถังเสวี่ย
ตงหลิงหวงขมวดคิ้วเล็กน้อย นางยกมือค้างกลางอากาศ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงตบหลังปลอบใจถังเสวี่ยเบาๆ
“ไม่เป็นอันใด ข้ามาช่วยพวกเจ้าแล้ว อู๋จุนอยู่ที่ใด งูอยู่ที่ใด พาข้าไปเดี๋ยวนี้! ”
“อยู่ทางโน้น! ”
ถังเสวี่ยสะอึกสะอื้น ก่อนจะผละจากร่างของตงหลิงหวงและชี้ไปข้างหน้า
ไม่เห็นอันใดแม้แต่น้อย!
ตงหลิงหวงเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทางสงสัย นางแหวกหญ้าที่อยู่ข้างหน้าออกไป
โอ้ พระเจ้า!!!
ตงหลิงหวงยืนตะลึงงันด้วยความตกใจ
นางเห็นงูจำนวนมากนอนกองอยู่บนพื้น ไม่มีจุดให้วางเท้าบนพื้นดินแม้แต่นิดเดียว พื้นที่ทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยงู
เมื่อมองแวบแรก ทั้งหมดล้วนเป็นหัวงู ไม่สามารถนับได้เลยว่ามีกี่หัวกันแน่
มีเสียงแส้ฟาด ‘ฟู่ว ฟู่ว’ ดังมาจากอีกด้านที่อยู่ไกลออกไป
เมื่อตงหลิงหวงได้ยิน นางก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงของอู๋จุนที่กำลังต่อสู้กับงู ในบรรดาคนที่นางรู้จัก มีเพียงอู๋จุนเท่านั้นที่ใช้แส้ยาว
นางกระโดดขึ้น เหยียบบนต้นไม้และมุ่งหน้าไปตามเสียงนั้น
แน่นอนว่าใช้เวลาไม่นานนักก็พบกับอู๋จุนในชุดสีแดงเพลิงที่กำลังต่อสู้กับงู
อู๋จุนเห็นตงหลิงหวง จึงฉวยจังหวะช่องว่างเหาะขึ้นมาอยู่ข้างกายตงหลิงหวง
“รัชทายาทตงเฉิน ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร? สถานที่บ้าบอแห่งนี้คือที่ใดกันแน่? และเหล่างูพวกนี้อีก ไม่ว่าจะฆ่าพวกมันไปมากเพียงใดก็ไม่ยอมหมดเสียที”
“พูดไปเรื่องมันยาว พวกเราหาทางออกจากที่นี่ก่อน ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังภายหลัง”
“ที่นี่ราวกับมีเวทมนตร์ ข้าค้นหาทางออกจนทั่วก็ไม่พบ จะว่าไป พวกเจ้าเข้ามาได้อย่างไร? หาทางออกได้หรือไม่? ”
ตงหลิงหวงไม่ได้ตอบคำถามอู๋จุน สีหน้าของนางปรากฏความเคร่งขรึมมากขึ้น
เพราะขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากัน งูหลายสิบตัวได้เลื้อยมาตามต้นไม้และมุ่งหน้ามาทางพวกเขา
มีงูบางตัวที่กระโดดไม่หยุด มันพยายามกระโดดพุ่งมาทางพวกเขา ทว่าน่าเสียดาย ตำแหน่งที่พวกเขาอยู่นั้นสูงเกินไป
อู๋จุนรู้สึกถึงความผิดปกติของตงหลิงหวง เขารีบหันศีรษะมองไปทางด้านหลัง
“บ้าจริง มาอีกแล้ว! ”
เขายกแส้ยาวในมือฟาดออกไปสองครั้ง จากนั้นจึงเข้าไปต่อสู้กับงูจำนวนหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุด
“รัชทายาทตงเฉิน ข้าขอบอกความจริง! ข้าสู้กับงูพวกนี้มาหลายชั่วยามแล้ว งูพวกนี้มันร้ายกาจมาก ไม่ว่าเจ้าจะใช้ยาหรือไฟก็ไร้ประโยชน์ หากต้องการกำจัดพวกมันนั้นไม่ง่ายเลย” อู๋จุนพูด
“เจ้าหุบเขาอู๋ โปรดหลีกทาง” ตงหลิงหวงกล่าว
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของตงหลิงหวง อู๋จุนจึงไม่พูดอันใดอีกต่อไป เขาเก็บแส้ในมือและหลบไปยืนอยู่ด้านข้าง
ในเวลานี้ องครักษ์ที่ติดตามตงหลิงหวง สัตว์เทพกิเลน ถังเสวี่ย ได้มาอยู่ด้านข้างตงหลิงหวงแล้ว
เหล่าองครักษ์รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น หากพวกเขาลงมือก็เป็นเพียงน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ ไม่ได้ผลแน่ ทั้งยังเป็นผลเสียมากกว่า จึงหลบอยู่ด้านข้างพร้อมกับอู๋จุน ปล่อยให้ตงหลิงหวงจัดการ
ถังเสวี่ยกลัวงูมากที่สุด เมื่อเห็นสิ่งที่นุ่มนิ่มเหล่านั้น นางไม่กล้ามองดูพวกมัน นับประสาอันใดกับการจัดการพวกมัน นางสะอิดสะเอียนจนตับไตไส้พุงรวนไปหมดแล้ว ในเวลานี้ นางยืนอยู่บนกิ่งไม้ จับลำต้นอาเจียนออกมาหลายครั้ง
“โฮก! ”
สัตว์เทพกิเลนกระโดดมาอยู่ด้านข้างตงหลิงหวง พลางส่งสัญญาณว่าจะช่วยตงหลิงหวง
ตงหลิงหวงยิ้มให้สัตว์เทพกิเลน
“สัตว์เทพกิเลน เจ้าก็หลบไปด้านข้าง”
“โฮก… ”
เจ้าดูถูกฝีมือข้าหรือ? สัตว์เทพกิเลนแสดงสีหน้าขุ่นเคือง ค่อนข้างไม่เต็มใจนัก
คราวนี้ ตงหลิงหวงมองออกว่าท่าทางของสัตว์เทพกิเลนหมายความว่าอย่างไร นางจึงแย้มยิ้ม “ไม่ใช่ไม่ให้เจ้าลงมือ ให้เจ้าลงมือเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ก็เหมือนกับใช้มีดเชือดวัวฆ่าไก่เสียมากกว่า”
ตงหลิงหวงครุ่นคิดและพูดอีกครั้งว่า “มิสู้เจ้ามาปรากฏตัวตอนจบงานดีกว่า”
ปรากฏตัวตอนจบเท่ที่สุด!
สัตว์เทพกิเลนรีบพยักหน้าเห็นด้วย และหลบมายืนอยู่ด้านข้าง
รอยยิ้มบนใบหน้าตงหลิงหวงค่อยๆ จางหายไป นางจ้องไปที่ฝูงงูด้วยท่าทีเย็นชาและจริงจัง จากนั้นจึงเริ่มผนึกพลังภายในเสวียนลี่รอบตัวทั้งหมด
อู๋จุนและถังเสวี่ยไม่รู้ว่าตงหลิงหวงกำลังจะทำอันใด สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
ในทางกลับกัน สัตว์เทพกิเลนรู้ความสามารถของตงหลิงหวง สีหน้าของสัตว์เทพตัวน้อยแสดงถึงความภาคภูมิใจ
“พี่เป่าอวี้ เจ้าคิดว่าตงหลิงหวงทำได้หรือไม่? ”
“ข้าก็ไม่รู้! ” อู๋จุนพูด
อย่างไรก็ตาม ในฐานะรัชทายาทแคว้นตงเฉิน นางคงพอมีความสามารถอยู่บ้าง ทว่าฝูงงูเหล่านี้ร้ายกาจมากจริงๆ เขาก็ไม่รู้เช่นกัน
องครักษ์ที่ติดตามมาด้วยเป็นคนของเยี่ยโยวเหยา พวกเขาไม่รู้ความสามารถของตงหลิงหวง แม้จะได้เห็นฝีมือของตงหลิงหวงมาบ้างขณะที่เดินทางมาที่นี่ ทว่าให้นางจัดการกับงูจำนวนมากด้วยตัวเอง ยังไม่รู้ว่าทำได้หรือไม่?
องครักษ์บางคนไม่เพียงสงสัยในใจเท่านั้น ทว่ายังแสดงออกบนใบหน้า พวกเขาเพียงไม่กล้าพูดออกไปเท่านั้น
“รัชทายาทตงเฉิน คงจะไม่คุยโม้กระมัง”
“ความสามารถของเจ้าหุบเขาอู๋ ข้าก็พอเห็นมาบ้าง แม้แต่เขายังจัดการไม่ได้ นางเป็นเพียงสตรีตัวเล็กๆ คงจะไม่ขี้คุยกระมัง”
“หากทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้พวกเราพลอยลำบากไปด้วย! ”
……
ทุกคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง ทว่าในวินาทีต่อมา พวกเขาต่างตกตะลึงจนอ้าปากค้าง เบิกตาโพลง
บางคนถึงกับสะดุ้งตกใจ มือไถลลื่นจนแทบตกจากต้นไม้
ถังเสวี่ยอดคว้าเสื้อของอู๋จุนที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้
“พี่เป่าอวี้ หยิกข้าเร็วๆ ข้าคงไม่ได้ตาฝาดไปกระมัง คนผู้นั้นคือตงหลิงหวงใช่หรือไม่? ”
เกิดอันใดขึ้นกันแน่?