สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 32 ตอนที่ 948 ใช้กำลังบังคับให้อยู่
เห็นได้ชัดว่าซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาอยู่ใกล้ถังเสวี่ยที่สุด ทว่าอู๋จุนกลับพุ่งลงมาจากแท่นสูง และกอดร่างถังเสวี่ยไว้ด้วยความเร็วยิ่งกว่าทั้งคู่ด้วยซ้ำ
“นางเด็กบ้า เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? นางเด็กบ้า… นางเด็กบ้า… ”
สติของถังเสวี่ยสับสนพร่ามัวเล็กน้อย ทว่านางพยายามเบิกตาทั้งสองข้างให้กว้างอย่างสุดความสามารถ และพยายามประคองสติตนเองไว้ ก่อนจะแย้มยิ้มสดใส
“พี่เป่าอวี้ ท่านวางใจ ถังเสวี่ยไม่เป็นอันใด ถังเสวี่ยสบายดี”
อู๋จุนสับสนจนทำอันใดไม่ถูก “ไม่เป็นอันใดก็ดี ไม่เป็นอันใดก็ดี… ”
แม้ปากจะพูดเช่นนั้น ทว่าในใจรู้ชัดเจนดี ท่าทางของถังเสวี่ยดูเหมือนคนสบายดีที่ใดกัน? เป่ยถังเฮ่อต้องการใช้พลังฝ่ามือสิบส่วนเต็มๆ เพื่อจัดการซูจิ่นซี วรยุทธ์ของถังเสวี่ยไม่สูงนัก ทั้งร่างกายยังไม่แข็งแรง นางจะต้านทานไหวได้อย่างไร?
เมื่อครู่พูดเพียงประโยคสองประโยค เลือดสีแดงคล้ำก็ไหลออกมาจากปากของถังเสวี่ยไม่หยุด
เป่ยถังเฮ่อล้มเหลวในหนึ่งกระบวนท่า เขาไม่คิดว่าจะพลาดไปโดนถังเสวี่ย อย่างไรก็ตาม สำหรับเขาแล้ว ไม่สำคัญว่าผู้ใดจะได้รับบาดเจ็บ เมื่อเห็นทุกคนรายล้อมถังเสวี่ยโดยไม่ได้สนใจเขา เขาก็รีบตัดสินใจหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
ซูจิ่นซีที่เพิ่งเห็นเป่ยถังเฮ่อก็ตะโกนขึ้นเสียงดัง “สุนัขลอบกัด เจ้าคิดจะหนีไปที่ใด? ” นางกระโดดขึ้นแล้วโจมตีใส่เป่ยถังเฮ่อ
เยี่ยโยวเหยาและอวิ๋นจิ่นตามหลังเป่ยถังเฮ่อไปติดๆ จากนั้นในไม่ช้า ทั้งสามก็ต่อสู้กัน
ก่อนหน้านี้ เป่ยถังเฮ่อแพ้ให้แก่เยี่ยโยวเหยาและอวิ๋นจิ่นมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ยังมีซูจิ่นซีเพิ่มอีกคน ในไม่ช้า เป่ยถังเฮ่อก็พ่ายแพ้ให้กับทั้งสามคน เยี่ยโยวเหยาไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาแทงกระบี่เสวียนหยวนเข้ากลางอกเป่ยถังเฮ่ออย่างจัง
เป่ยถังเฮ่อคาดไม่ถึงว่าเยี่ยโยวเหยาจะลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ ก่อนตาย เขาเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น ทว่าไม่มีโอกาสอีกตลอดชีวิต
ซูจิ่นซีหันกลับมา นางมองอู๋จุนและถังเสวี่ยพลางขมวดคิ้วแผ่วเบา
“ที่นี่ไม่เหมาะจะอยู่นานๆ ออกไปก่อนค่อยว่ากัน”
อู๋จุนอุ้มถังเสวี่ยขึ้น ตอนที่ทุกคนกำลังจะเดินออกไป ทันใดนั้น ในห้องลับก็เกิดเสียงแหลมเล็กดังขึ้น แม้ตอนนี้กำไลปี่อั้นของซูจิ่นซีจะใช้งานไม่ได้ ทว่าเสียงนั้นดังมาก ด้วยความรู้สึกจากประสาทสัมผัสของนาง จึงฟังออกว่าเป็นเสียงกลไก
“แย่แล้ว รีบออกไปเร็ว ที่นี่มีกลไก”
เมื่อสิ้นเสียงพูด ทันใดนั้น กำแพงรอบก็ด้านขยับ ‘กึก กึก กึก’ เมื่อดูอีกครั้งก็เห็นเป็นเหมือนรังแตนที่เต็มไปด้วยช่อง ซึ่งแต่ละช่องใส่ลูกดอกไว้จนเต็ม
ไม่รอให้ทุกคนตอบโต้ ลูกดอกเหล่านั้นก็ยิงมาที่ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ที่อยู่ตรงกลางทันที
แม้ไม่มีผู้ใดสั่งการ ทว่าทุกคนต่างเข้ามาปกป้องอู๋จุนและถังเสวี่ยไว้ตรงกลางโดยอัตโนมัติ ต้านทานลูกดอกไว้อย่างต่อเนื่อง แล้วค่อยๆ เคลื่อนที่ไปยังทางออก
ไม่คิดว่าในห้องลับแห่งนี้จะมีกลไกร้ายกาจเช่นนี้ ทว่าเหมาะกับรูปแบบการทำงานของเป่ยถังเฮ่อ
เดิมที เพียงลูกดอกเล็กๆ ไม่มีความหมายอันใดต่อยอดฝีมือในอาณาจักรเทียนเหออย่างซูจิ่นซีที่มีวรยุทธ์ถึงขั้นสูงสุด ทว่าลูกดอกเหล่านั้นมีจำนวนเยอะมาก และยิงออกมาจากสี่ทิศอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น จำนวนและความเร็วในการยิงยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาต้องปกป้องอู๋จุนและถังเสวี่ย รวมถึงต้องจัดการกับลูกดอก จึงไม่มีเวลาสนใจคนที่เหลือ
‘ฉับ ฉับ ฉับ ฉับ ฉับ… ’
เยี่ยโยวเหยาใช้กระบี่เสวียนหยวนฟันลูกดอกที่ยิงมาทางพวกเขา ซูจิ่นซีใช้กำลังภายในต้านไว้ อวิ๋นจิ่นไม่ได้ใช้อาวุธ เขาใช้เพียงเสื้อคลุมตัวใหญ่ปัดป้อง ในขณะที่ตงหลิงหวงใช้กระบี่วิญญาณที่เรียกมาจากแหวนเก้ามังกร
หลังผ่านไปครู่ใหญ่ ตงหลิงหวงก็คิ้วกระตุก แสงในดวงตาเย็นยะเยือกเล็กน้อย จากนั้นจึงเก็บกระบี่วิญญาณ กลางฝ่ามือปรากฏพลังเสวียนลี่สีฟ้าอ่อน จนกระทั่งรอให้พลังผนึกรวมกันในระดับคงที่ นางจึงผลักพลังทั้งหมดออกไป พริบตาเดียว พลังที่ถูกผลักออกไปก็แปรเปลี่ยนเป็นกระบี่วิญญาณพุ่งชนกับลูกดอกที่ยิงออกมาจากกำแพงทั้งสี่ด้าน…
เพียงครู่เดียว ลูกดอกทั้งหมดก็ร่วงลงมาบนพื้น จากนั้น ตงหลิงหวงก็รวบรวมพลังและเก็บกระบี่วิญญาณทั้งหมดกลับเข้าไป
กระบี่วิญญาณเหล่านี้ของตงหลิงหวง นางได้มาจากทางลับในจวนหลู่หยางอ๋อง ตั้งแต่พัดเหล็กถูกทำลาย นางก็เริ่มนำมาใช้เป็นอาวุธ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ เห็นกระบวนท่าที่ตงหลิงหวงใช้ ทว่าพวกเขายังคงมองด้วยความตกใจเล็กน้อย
ต้องบอกว่าพลังแข็งแกร่งมากจริงๆ
ทว่านี่ไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องพวกนี้ เยี่ยโยวเหยาและอวิ๋นจิ่นสบตากัน จากนั้นทั้งสองก็กระโดดขึ้นไปและลอยอยู่กลางอากาศ ฝ่ามือทั้งสองค่อยๆ รวบรวมพลังภายใน
ในตอนที่ลูกดอกพุ่งออกมาจากกำแพงทั้งสี่ทิศอีกครั้ง พวกเขาก็ผลักกำลังภายในใส่กำแพงทั้งสี่ทันที
‘ตู้ม… ตู้ม… ตู้ม… ’
กำแพงทั้งสี่พังทลายลง กลไกทั้งหมดถูกทำลายเรียบร้อย
กำแพงรอบด้านเป็นสิ่งที่ค้ำห้องลับเอาไว้ ในเวลาเดียวกับที่กำแพงถล่ม ด้านบนของห้องลับก็เริ่มพังทลายอย่างต่อเนื่อง เยี่ยโยวเหยากับอวิ๋นจิ่นกลับลงมายืนบนพื้น และรีบปกป้องทุกคนให้ออกไปด้านนอก
ขณะที่เยี่ยโยวเหยาลงมายืนบนพื้น เขาจับมือซูจิ่นซีแน่นไม่ยอมปล่อย แม้อวิ๋นจิ่นจะก้าวพลาดในตอนสุดท้าย ทว่าเขายังอยู่ในระยะปลอดภัยพอที่จะปกป้องซูจิ่นซียามเกิดเหตุไม่คาดฝัน ตงหลิงหวงและอู๋จุนปกป้องถังเสวี่ยที่ได้รับบาดเจ็บ กระทั่งทุกคนออกจากห้องลับ…
เดิมทีคิดว่าออกจากห้องลับก็จะปลอดภัยแล้ว กลับไม่คิดว่าตอนที่ทุกคนออกจากห้องลับ ตรงหน้ากลับมีแสงสว่างจ้า คนจำนวนมากถือคบเพลิงมุ่งมาทางพวกเขา
ท่ามกลางแสงคบเพลิง เป่ยถังชิง คุณชายรองสกุลเป่ยถัง ซึ่งใบหน้าถูกแสงส่องจนสว่างวาบ ค่อยๆ เดินออกมายืนประจันหน้าซูจิ่นซีและคนอื่นๆ คนที่อยู่ด้านหลังของเขาล้วนเป็นองครักษ์จำนวนมากจากตระกูลลำดับสอง
“โยวอ๋อง พระชายาโยวอ๋อง รัชทายาทตงเฉิน หมอหลวงอวิ๋นแห่งแคว้นจงหนิง และดูเหมือนจะมีเจ้าหุบเขาอู๋แห่งหุบเขาเทพโอสถ กับถังเสวี่ยบุตรสาวแห่งหุบเขาร้อยบุปผา… ทุกท่าน วิถีโลกหมุนเวียน ขุนเขาลำธารล่อง นี่เป็นโอกาสอันดีที่หาได้ยากยิ่ง ไม่คิดว่าทุกท่านจะปรากฏตัวที่จวนเป่ยถังของข้า ยินดีที่ได้พบจริงๆ ยินดีที่ได้พบ… ”
แม้จะกล่าวว่ายินดีที่ได้พบ ทว่าเป่ยถังชิงกลับมีแววตาเจ้าเล่ห์ ไม่ได้มีความเมตตาอ่อนโยนอย่างที่ปากว่าแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม กลับดูเหมือนหมาป่าหิวโหยดุร้ายตัวหนึ่งที่พร้อมจะฉีกร่าง ‘เหยื่อ’ ตรงหน้าได้ทุกเมื่อ
ถังเสวี่ยได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่ทราบสถานการณ์แน่ชัด ในใจของอู๋จุนรู้สึกกระวนกระวายเป็นพิเศษ
“ในเมื่อจำข้าได้ ยังไม่รู้ว่าต้องหลบไปอีกหรือ หากชักช้า ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ ”
หากคนธรรมดาได้ยินประโยคนี้ คาดว่าคงรู้สึกสั่นสะท้าน
กลับไม่คิดว่าใบหน้าของเป่ยถังชิงยังคงหยิ่งยโสไม่มีการเปลี่ยนแปลง เขาเงยศีรษะเหลือบมองถังเสวี่ยในอ้อมแขนของอู๋จุน
“โอ้ แม่นางถังเสวี่ยเป็นอันใดไปหรือ? ได้รับบาดเจ็บหรือ? แม้ตระกูลเป่ยถังลำดับสองของข้าจะทรุดโทรมเล็กน้อย ทว่าข้าสามารถให้ทุกท่านยืมห้องสักห้องสองห้องเพื่อรักษาแม่นางถังได้ หากท่านไม่รังเกียจจวนที่ทรุดโทรมและต่ำต้อยของข้า มิสู้อยู่พักสักครู่ ว่าอย่างไร? ”
เป่ยถังชิงเอ่ยเสียงเบา แม้จะฟังดูสุภาพ ทว่าเมื่อสิ้นเสียงของเขา องครักษ์ด้านหลังก็เล็งอาวุธในมือไปทางซูจิ่นซีและคนอื่นๆ
นี่ถือเป็นการใช้กำลังบังคับให้อยู่อย่างแน่นอน