สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 32 ตอนที่ 951 ยัยตัวแสบ อยากร้องก็ร้องออกมาเถิด!
อู๋จุนกล้าแตะต้องซูจิ่นซีเมื่ออยู่ต่อหน้าเยี่ยโยวเหยา หากเป็นเมื่อก่อน เยี่ยโยวเหยาคงลงมือกับอู๋จุนไปนานแล้ว ทว่าสถานการณ์วันนี้พิเศษ เยี่ยโยวเหยาไว้หน้าอู๋จุน เพียงแค่ปัดมืออู๋จุนเท่านั้น
ซูจิ่นซีส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ ทว่าไม่ได้พูดอันใด นางหันไปพูดกับอู๋จุนว่า “ข้ากำลังพยายามหาวิธีอยู่! ”
“พระชายา กระหม่อมขอดูอาการบาดเจ็บของแม่นางถังเสวี่ยได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ” อวิ๋นจิ่นพูด
“ได้”
ซูจิ่นซีก็มีความคิดเช่นนี้ ท้ายที่สุดแล้ว ทักษะทางการแพทย์ของอวิ๋นจิ่นมีมากเพียงใด นางย่อมรู้ดี รักษาได้หรือไม่ และมีวิธีรักษาอย่างไรนั้น ต้องให้อวิ๋นจิ่นตรวจด้วยตนเองก่อนถึงจะรู้
จากนั้น ซูจิ่นซี ตงหลิงหวง และอวิ๋นจิ่นก็เดินเข้ามาในห้องด้านใน
ทว่าขณะที่เปิดประตูเข้าไป ภาพตรงหน้าทำให้ทุกคนต้องตะลึงครู่หนึ่ง แม้จะเป็นอวิ๋นจิ่นที่มีอุปนิสัยสงบนิ่ง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
ถังเสวี่ยนอนอยู่ที่ขอบเตียงและอาเจียนเป็นเลือดไม่หยุด เส้นผมสีขาวโพลนทั้งหัว ใบหน้า คอ และแขนที่เผยออกมาด้านนอกเสื้อผ้าเต็มไปด้วยรอยย่น นางเป็นเพียงหญิงสาวอายุสิบกว่าปี ทว่าในชั่วพริบตา สภาพของนางเหมือนหญิงชราในวัยหกเจ็ดสิบ
นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?
หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับพิษในร่างกายของถังเสวี่ย?
เข็มเงินของซูจิ่นซีไม่สามารถระงับพิษนี้ได้ เช่นนั้นควรแก้อย่างไร?
อู๋จุนและเยี่ยโยวเหยาที่อยู่ห้องด้านนอกและไม่ได้เดินเข้าประตู ราวกับรับรู้ถึงความผิดปกติบางอย่าง จึงเดินเข้าไปในห้องด้านใน เมื่อพวกเขาเห็นภาพเบื้องหน้า สีหน้าของพวกเขาพลันเปลี่ยนไป โดยเฉพาะอู๋จุนที่แทบจะหยุดหายใจ
ซูจิ่นซีและตงหลิงหวงรีบเดินไปพยุงถังเสวี่ย
“ถังเสวี่ย เจ้ารู้สึกผิดปกติที่ใดบ้าง? ” ตงหลิงหวงถาม
เมื่อถังเสวี่ยเห็นทุกคน นางยังคงแย้มยิ้มสดใส “ข้าไม่เป็นอันใด เลือดที่อาเจียนอาจเกิดจากอาการบาดเจ็บภายใน ไม่ร้ายแรง พวกท่านไม่ต้องกังวล อีกอย่าง ซูจิ่นซีและหมอหลวงอวิ๋นมีทักษะทางการแพทย์ยอดเยี่ยม ช่วยรักษาข้าได้อย่างแน่นอน ใช่หรือไม่? ”
ซูจิ่นซีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “ไม่ต้องกังวล ข้าต้องวิธีรักษาอย่างแน่นอน”
ทว่าถังเสวี่ยสังเกตเห็นว่าสายตาที่ทุกคนมองมาที่นางมีบางอย่างผิดปกติ แม้นางยังคงแย้มยิ้ม ทว่าดวงตากลับแสดงถึงความสงสัย
“เกิดอันใดขึ้นกับพวกท่าน เหตุใดถึงมองข้าเช่นนี้? ”
ถังเสวี่ยก้มหน้าลงขณะที่พูด สายตาของนางก้มลงมองบนแขนของตนเอง ก่อนจะตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
หลังผ่านไปครู่ใหญ่ จึงค่อยๆ ยกมือทั้งสองข้างขึ้น นางตกใจและไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
ที่แท้ถังเสวี่ยไม่ได้สังเกตอาการผิดปกติของตนเอง
ซูจิ่นซีรีบเข้าไปปลอบโยน “ถังเสวี่ย ฟังข้าให้ดี เจ้าเป็นเช่นนี้เพราะถูกพิษ ข้า รัชทายาทตงเฉิน และอวิ๋นจิ่นกำลังพยายามหาวิธีถอนพิษให้เจ้า เจ้าจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อถอนพิษออกจากร่างกายของเจ้าแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็จะหายไป”
ถังเสวี่ยม้วนแขนเสื้อขึ้นอย่างสิ้นหวัง นางราวกับไม่ได้ยินเสียงพูดปลอบโยนของซูจิ่นซี ผิวหนังที่แขนทั้งสองข้างเหมือนกับที่มือ หย่อนคล้อยและมีรอยเหี่ยวย่น
แววตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความตกตะลึง น้ำตาคลอเบ้า ทันใดนั้น นางก็ผลักตงหลิงหวงกับซูจิ่นซี และลุกไปที่กระจก
ไม่รู้ว่าถังเสวี่ยเอาเรี่ยวแรงมาจากที่ใด นางผลักตงหลิงหวงและซูจิ่นซีล้มลงกับพื้น
ทว่าทันทีที่นางวิ่งไปได้สองก้าว อู๋จุนก็รีบเข้ามาขวางอย่างรวดเร็ว
ถังเสวี่ยเหลือบมองอู๋จุนและหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว นางปิดแขนเสื้อของตนเอง พยายามดิ้นรนสุดกำลัง “ถังเป่าอวี้ ปล่อยข้า! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! ”
อู๋จุนมีสีหน้าซับซ้อน เขายืนยันหนักแน่นและไม่ยอมถอย หลังจากเห็นถังเสวี่ยต่อสู้ขัดขืนอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดเสียงต่ำ “ยัยตัวแสบ เจ้าเชื่อใจข้าหรือไม่? ”
ถังเสวี่ยลืมตาขึ้นมองดวงตาที่ซับซ้อนของอู๋จุน มุมปากสั่นเทาเล็กน้อย หลังจากนั้นครู่หนึ่งจึงพูดว่า “ถังเป่าอวี้ ขอให้ข้าส่องกระจกหน่อยเถิด? ข้าขอร้อง”
เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนถังเสวี่ยคิดว่าอู๋จุนไม่มีทางเห็นด้วยแน่ ทันใดนั้น อู๋จุนก็พูดขึ้น
“ตกลง! ”
จากนั้น เขาก็พูดเสริมว่า “ทว่ายัยตัวแสบ เจ้ารับปากข้า! ไม่ว่าเจ้าจะเห็นอันใด ไม่ต้องกลัว ข้าจะต้องหาวิธีรักษาเจ้าให้ได้อย่างแน่นอน! ”
“ตกลง! ”
ถังเสวี่ยพยายามแย้มยิ้มสดใส
อู๋จุนปล่อยตัว ถังเสวี่ยจึงเดินไปทางกระจกทีละก้าว เมื่อยืนอยู่หน้ากระจกทองเหลือง
ทันใดนั้น ทั่วทั้งห้องก็เงียบสนิท ไม่มีใครกล้าส่งเสียง ไม่มีแม้แต่เสียงหายใจดัง
ถังเสวี่ยยืนอยู่หน้ากระจก นางนิ่งเงียบไม่พูดอันใด
แสงแดดสาดส่องเข้ามาจากนอกหน้าต่าง กระทบลงบนร่างกายของนาง ดูเหมือนต้องการฉาบนางด้วยชั้นแสง ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด มันกลับทำให้ร่างของนางดูอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว
ทุกคนตระหนักได้ทันทีว่า ถังเสวี่ยยังเด็กมาก นางอายุน้อยกว่าซูจิ่นซีหลายปี และอายุน้อยกว่าอู๋จุนมาก รูปร่างของนางผอมเพรียวยิ่งกว่าซูจิ่นซี
รูปร่างผอมเพรียวเช่นนี้ จะสามารถรับแรงกระแทกทางด้านจิตใจที่หนักอึ้งได้อย่างไร?
“ถังเสวี่ย…! ”
ซูจิ่นซีกังวลใจมาก ขณะที่เห็นถังเสวี่ยนิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานานและไม่ตอบสนองสิ่งใด นางจึงเรียกชื่อไปคำหนึ่ง
ทันทีที่สิ้นเสียงของซูจิ่นซี ถังเสวี่ยก็หันกลับมามองรอบๆ ด้วยรอยยิ้มสดใสบริสุทธิ์อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และพูดว่า
“พวกเจ้าไม่ต้องกังวล! ข้าสบายดี ข้าสบายดี! ” นางหันไปหาอู๋จุนและพูดว่า “ถังเป่าอวี้ เจ้าบอกว่าเจ้าจะรักษาข้าให้หาย จะต้องทำให้ได้! ไม่เช่นนั้น ข้าจะไม่สนใจเจ้า! ”
รอยยิ้มสดใสของนางบาดลึกลงไปในใจของทุกคน
ไม่มีใครคาดคิดว่า ถังเสวี่ยจะเป็นเด็กสาวที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ทว่าภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูแข็งแกร่งนั้น แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร?
“ยัยตัวแสบ! ”
อู๋จุนเดินไปหาถังเสวี่ย ต้องการกอดถังเสวี่ยและให้กำลังใจนาง ต้องการบอกนางว่า เจ้าไม่ต้องแสดงท่าทีเข้มแข็งถึงเพียงนั้น อยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเถิด แม้จะร้องไห้หนักเพียงใด เจ้ายังมีข้าอยู่ กลับไม่คาดคิดว่า ถังเสวี่ยจะก้าวถอยหลังและหลบเลี่ยงอู๋จุน
“พี่เป่าอวี้… ” รอยยิ้มบนใบหน้าถังเสวี่ยสดใสมากขึ้นเล็กน้อย “ถังเสวี่ยเหนื่อยเล็กน้อย อยากนอน พวกท่าน… ออกไปก่อนได้หรือไม่? ”
“ยัยตัวแสบ… ”
“ออกไปเถิด ข้าขอร้อง… ” แม้นางจะแย้มยิ้ม ทว่าไม่สามารถเก็บซ่อนกล้ามเนื้อมุมปากของนางที่กำลังสั่นเทาไม่หยุด เนื่องจากพยายามเก็บกดความเจ็บปวดภายในใจ
อู๋จุนกัดฟันและหันหลังเดินออกไป
จากนั้น เยี่ยโยวเหยาและตงหลิงหวงก็เดินออกไป
ซูจิ่นซีเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และพูดกับถังเสวี่ยว่า “ถังเสวี่ย ให้อวิ๋นจิ่นตรวจชีพจรให้เจ้าก่อนเถิด! ”
“ตกลง! ”
จากนั้น ซูจิ่นซีจึงประคองถังเสวี่ยเดินไปที่เตียง อวิ๋นจิ่นก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจชีพจรให้ถังเสวี่ย
ยิ่งนิ้วของอวิ๋นจิ่นวางอยู่บนข้อมือของถังเสวี่ยนานขึ้น แววตาของอวิ๋นจิ่นยิ่งนิ่งขรึมมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าเพื่อไม่ให้ถังเสวี่ยเป็นกังวลมากเกินไป เขาจึงไม่ได้แสดงออกทางสีหน้ามากนัก