สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 33 ตอนที่ 962 ทำไมเลือดถึงไหลออกมากมายขนาดนี้
ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยากำลังครุ่นคิด เมื่อประตูถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน เป่ยถังฉินเกอก็เดินออกมาด้วยเลือดท่วมตัว
“หมออยู่ที่ใด? เหตุใดหมอยังไม่มาอีก? ”
ทันทีที่นางพูดจบ เป่ยถังฉินเกอก็มองมาที่ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา
หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง เป่ยถังฉินเกอก็ถามซูจิ่นซีว่า “เจ้าเป็นหมอหรือ? ”
ซูจิ่นซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และตอบไปว่า “ข้ารู้ทักษะทางการแพทย์เพียงเล็กน้อย! ”
“รักษาบาดแผลได้หรือไม่? ”
“ได้! ” ซูจิ่นซีพยักหน้า
“พวกเจ้าทั้งสอง เข้ามา! ”
สาวใช้สองคนที่ยืนอยู่ข้างกายซูจิ่นซี คิดว่าเป่ยถังฉินเกอกำลังพูดกับพวกนาง จึงรีบก้มหน้าเดินเข้าไปในห้อง
เป่ยถังฉินเกอดุเสียงเย็นชา “ไม่ใช่พวกเจ้า! ”
สาวใช้ทั้งสองรีบถอยกลับไปอยู่ตำแหน่งเดิม
จากนั้น เป่ยถังฉินเกอก็เหลือบมองมาที่ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังและเข้าไปในห้อง
ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยามองหน้ากัน ทั้งสองสบตากันเพื่อยืนยัน จากนั้นจึงเดินตามเป่ยถังฉินเกอเข้าไปในห้อง
ภายในห้อง หลานเสวียนหมิงที่ได้รับบาดเจ็บกำลังนอนอยู่บนเตียง เลือดไหลนองเต็มพื้นและผ้าม่านบนเตียง
ทันทีที่ซูจิ่นซีเห็นหลานเสวียนหมิง นางก็รู้ได้ทันทีว่าหลานเสวียนหมิงได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก อีกทั้งอาการบาดเจ็บภายในก็ไม่เบา หากไม่รักษาให้ทันเวลา เกรงว่าชีวิตคงยากจะรักษาไว้
ซูจิ่นซีมักจะจริงจังมากในเรื่องที่เกี่ยวกับวิชาแพทย์และวิชาพิษ
นางรีบพูด “เยี่ยโยวเหยา ช่วยคนก่อน! ”
จากนั้น นางก็เดินไปข้างเตียงหลานเสวียนหมิง พลางหยิบสิ่งของที่ใช้จัดการกับอาการบาดเจ็บภายในออกมาจากระบบถอนพิษ
ห้ามเลือด ทำความสะอาดบาดแผล ทายา และเย็บแผล…
การกระทำต่อเนื่องเหมาะสม ซูจิ่นซีจัดการได้อย่างคล่องแคล่ว ทว่าสีหน้าของนางจริงจังมากตั้งแต่ต้นจนจบ
เยี่ยโยวเหยาเป็นผู้ช่วยซูจิ่นซี เขาเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของนางเป็นครั้งคราว
ในที่สุด หลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง ซูจิ่นซีก็รักษาบาดแผลภายนอกของหลานเสวียนหมิงเรียบร้อย จากนั้นจึงช่วยตรวจชีพจรให้เขา
ไม่นานนัก เมื่อนิ้วของซูจิ่นซีสัมผัสเส้นชีพจรที่ข้อมือของเขา คิ้วของนางก็ขมวดแน่น
“มีอันใดหรือ? ” เป่ยถังฉินเกอถาม
“เขาได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร? อาการบาดเจ็บภายในรุนแรงมาก อีกทั้ง… มีบางอย่างแปลกประหลาด”
เป่ยถังฉินเกอมีท่าทีจริงจัง “ข้าพบเขาในสนามรบขณะต่อสู้กับเผ่าปีศาจ ทว่าขณะที่ข้าพบเขา เขาก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว ข้าจึงพาเขากลับมา”
หลังจากพูดจบ เป่ยถังฉินเกอก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเสริมว่า “เจ้ารักษาอาการบาดเจ็บภายในของเขาได้หรือไม่? ไม่ว่าจะต้องสูญเสียอันใด ข้ายินดีทำทุกอย่าง ต้องการสมุนไพรชนิดใดก็บอกมาได้ทันที ข้าจะออกไปหา”
ซูจิ่นซีเงยหน้ามองเป่ยถังฉินเกอ แววตาปรากฏความแปลกประหลาด ทว่านอกจากเยี่ยโยวเหยาแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจมันได้
“สามารถรักษาได้ ทว่าลำบากเล็กน้อย ส่วนเรื่องสมุนไพร… ข้าจะเขียนเทียบยาให้เจ้าไปจัดหามาตามเทียบยาของข้า หากเจ้าไม่พบสมุนไพรตัวใด ค่อยว่ากันภายหลัง”
แม้ในระบบถอนพิษจะมีสมุนไพรครบทุกชนิด ทว่าซูจิ่นซีขี้เหนียวมากเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น สมุนไพรที่จำเป็นต้องใช้นั้นหายากมาก แม้ในระบบถอนพิษจะมีปลูกอยู่บ้าง ทว่ายังต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง สมุนไพรของนางสงวนไว้สำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน
จากนั้น ซูจิ่นซีจึงเขียนเทียบยาให้เป่ยถังฉินเกอ
เป่ยถังฉินเกอเหลือบมองเทียบยาและขมวดคิ้วเล็กน้อย
“มีสมุนไพรบางชนิดหายากยิ่งนัก ทว่าข้าจะลองดู”
“ตกลง! ”
“ทั้งสองท่านรอสักครู่! ”
เป่ยถังฉินเกอรับเทียบยาและเดินจากไป เหลือเพียงซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยารออยู่ภายในห้อง
ระหว่างที่รอ ซูจิ่นซีฝังเข็มให้หลานเสวียนหมิง โดยใช้วิธีฝังเข็มเพื่อระบายเลือดคั่งทั้งหมดในร่างกายของหลานเสวียนหมิง จากนั้นจึงผนึกจุดชีพจรที่สำคัญบางจุด
จนกระทั่งถึงช่วงพลบค่ำ เป่ยถังฉินเกอก็กลับมา พร้อมกับถือสมุนไพรทั้งหมดที่ซูจิ่นซีต้องการ เป่ยถังฉินเกอได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเช่นกัน
ซูจิ่นซีใช้ระบบถอนพิษตรวจสอบประเภทและปริมาณของสมุนไพรที่เป่ยถังฉินเกอนำมาโดยไม่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด
เป่ยถังฉินเกอมอบสมุนไพรทั้งหมดให้ซูจิ่นซี ซูจิ่นซีแบ่งสมุนไพรตามปริมาณที่จำเป็นสำหรับการใช้แต่ละครั้ง จากนั้นจึงมอบให้เป่ยถังฉินเกอนำไปต้ม
เป่ยถังฉินเกอลงมือต้มยาด้วยตนเอง และกลับมาหลังจากต้มยาเสร็จ ทั้งยังป้อนยาให้หลานเสวียนหมิงด้วยตนเองอีกด้วย
จนกระทั่งกลางดึก ในที่สุด สีหน้าของหลานเสวียนหมิงก็ดีขึ้น ทุกคนจึงเดินออกมาจากห้องด้านใน
หลังจากวุ่นวายมาทั้งวัน การกระทำของเป่ยถังฉินเกอภายในจวนเป่ยอี้อ๋องเอิกเกริกมาก ทว่าไม่รู้ว่าเป่ยถังฉินเกอทำได้อย่างไร เรื่องหลานเสวียนหมิงอยู่ภายในเรือนของนางจึงไม่ได้แพร่งพรายออกไป ดังนั้น ภายในจวนเป่ยอี้อ๋องจึงไม่มีผู้ใดเข้าไปยุ่ง
องครักษ์ที่เฝ้าอยู่นอกเรือนและสาวใช้ในเรือนทั้งหมดถูกสั่งให้ออกไป ดังนั้นภายในเรือนขนาดใหญ่จึงมีเพียงเป่ยถังฉินเกอ ซูจิ่นซี และเยี่ยโยวเหยา สามคนเท่านั้น
ซูจิ่นซีต้องการจะพูดอันใดบางอย่าง ทว่าขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปากพูด เป่ยถังฉินเกอก็พูดว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นใคร และข้ารู้ว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อจุดประสงค์ใด”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย
เป่ยถังฉินเกอพูดต่ออีกว่า “นี่คือความทรงจำของเป่ยถังฉินเกอ ข้าเป็นเพียงจิตใต้สำนึกที่นางทิ้งไว้ในความทรงจำนี้ เพราะฉะนั้น มีเพียงข้าเท่านั้นที่เห็นพวกเจ้าที่นี่ คนที่เหลือมองไม่เห็นพวกเจ้า”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
ซูจิ่นซีเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “พวกเราจะออกไปได้อย่างไร? นอกจากนี้ พวกเราจะหาร่างที่แท้จริงของเป่ยถังฉินเกอเจอได้อย่างไร? ”
เป่ยถังฉินเกอส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”
พูดกับไม่พูดต่างกันอย่างไร?
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วขุ่นเคือง
เยี่ยโยวเหยาถามว่า “พวกเรายังอยู่ใต้แท่นจิ่วโยวหรือไม่? ”
เป่ยถังฉินเกอพยักหน้า
“วันนี้ ข้าต้องขอบคุณพวกเจ้ามาก! หากไม่ได้เจ้าสองคน ข้าเกรงว่า… ” เป่ยถังฉินเกอมองไปด้านในห้อง “เขาคงตายเป็นแน่! ”
ผลงานเล็กน้อยเป็นสิ่งที่ซูจิ่นซีชำนาญอยู่แล้ว นางจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก
ทว่า สิ่งที่นางกังวลมากกว่าก็คือ จะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร? และค้นหาเป่ยถังฉินเกอตัวจริงได้อย่างไร? อวิ๋นจิ่นและอู๋จุน พวกเขาต้องเผชิญกับอันตรายหรือไม่?
เป่ยถังฉินเกอไม่ได้พูดอันใด นางหันหลังกลับและเดินไปยังห้องด้านใน
เมื่อนางเดินลับสายตาของซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา ฉากตรงหน้าก็เปลี่ยนไปและกลายเป็นอีกฉากหนึ่ง
หิมะตกหนัก สภาพอากาศหนาวเย็นผิดปกติ
ซูจิ่นซียืนกอดอก ร่างกายหนาวสั่นอย่างรุนแรง
เยี่ยโยวเหยาโอบไหล่ของซูจิ่นซี และดึงนางเข้าไปในอ้อมแขนของเขา ทั้งสองคนมองไปรอบๆ
ในไม่ช้า ซูจิ่นซีก็จำแนกภาพเบื้องหน้าได้ “ที่นี่คือแคว้นจงหนิง จวนหลาน”
เยี่ยโยวเหยาพยักหน้า
ทั้งสองยังไม่รู้แน่ชัดว่าภาพมิติมายาที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ภายในห้องที่อยู่ไกลออกไป จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องอันเจ็บปวดของสตรีนางหนึ่ง
“โอ๊ย… โอ๊ย… ”
ตามมาด้วยเสียงของสตรีอีกนางหนึ่งที่ดูมีอายุมากกว่าเล็กน้อย
“ฮูหยินฉิน ออกแรงอีกหน่อย ออกแรงอีกหน่อย หัวเด็กติดอยู่ด้านใน หากไม่ออกแรง เด็กอาจจะขาดอากาศหายใจตายได้! ”
“น้ำร้อน ไปเปลี่ยนน้ำร้อนมาเดี๋ยวนี้… ”
“ยังมีผ้าเช็ดตัว กรรไกร เร็วหน่อย… ”
หลังสิ้นเสียงพูด ประตูห้องก็เปิดออก สาวใช้ผู้หนึ่งสาดเลือดแดงลงบนเท้าของซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา
ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว “เหตุใดเลือดถึงมากเช่นนี้?”