สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 33 ตอนที่ 964 ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาเดินไปที่แท่นจิ่วโยว
“เป่ยถังฉินเกอ? ”
ซูจิ่นซีตะโกนเรียกเป่ยถังฉินเกอ ทว่าเป่ยถังฉินเกอกลับไม่มีการตอบสนองอันใด
นางหยิบยาเม็ดออกมาจากระบบถอนพิษ และยัดเข้าไปในปากของเป่ยถังฉินเกอ จากนั้น เป่ยถังฉินเกอจึงฟื้นขึ้นอย่างเชื่องช้าและมองซูจิ่นซี
“วางใจ ข้าจะช่วยเจ้า! ”
เป่ยถังฉินเกอไม่พูดอันใด นางเพียงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
รอยยิ้มนั้นดูแปลกประหลาด ซูจิ่นซีตกตะลึง แต่บอกไม่ถูกว่าแปลกประหลาดที่ใด
“พี่ชาย ได้เวลาแล้ว หากช้ากว่านี้ ฟ้าคงใกล้สว่าง” เป่ยถังเฮ่อพูดกับเป่ยถังเจี๋ย
เป่ยถังเจี๋ยหางตากระตุกรุนแรง สองมือจับที่วางแขนเก้าอี้ไท่ซือไว้แน่นจนนิ้วข้อมือซีดขาว เสียงกระดูกดังกรอบแกรบ
หลังผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดว่า “องครักษ์ ผลักบุตรสาวชั่วผู้นี้ลงไปใต้แท่นจิ่วโยว! ”
องครักษ์จำนวนหนึ่งก้าวไปข้างหน้า และหามเป่ยถังฉินเกอไปที่ทางเข้าแท่นจิ่วโยว
ซูจิ่นซีรีบลงมือ นางพยายามช่วยเป่ยถังฉินเกอ แต่กลับไม่คาดคิดว่าพลังที่ปล่อยออกไป ไม่อาจทำอันใดองครักษ์เหล่านั้นได้เลย
“เยี่ยโยวเหยา! ” ซูจิ่นซีรีบเรียกเยี่ยโยวเหยา
เยี่ยโยวเหยาจึงเข้ามาช่วยซูจิ่นซีพร้อมกัน ทว่าผลลัพธ์ยังเป็นเหมือนเดิม
เมื่อเห็นเป่ยถังฉินเกอกำลังจะถูกโยนลงแท่นจิ่วโยว ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยากลับไม่อาจทำสิ่งใดได้ นางต้องการแก้เชือกให้เป่ยถังฉินเกอ ทว่ากลับไม่สามารถแก้เชือกได้
“ทำอย่างไร? ทำอย่างไรดี” ซูจิ่นซีถามอย่างร้อนใจ
เยี่ยโยวเหยาจับมือซูจิ่นซี “นี่คือความทรงจำของเป่ยถังฉินเกอ มีบางสิ่งที่พวกเราไม่สามารถทำอันใดได้”
“หรือว่า ต้องมองดูนางถูกโยนลงในแท่นจิ่วโยวหรือ? ”
“ในความทรงจำของเป่ยถังฉินเกอ สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว พวกเราไม่มีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงมันได้”
ไม่มีพลังเปลี่ยนแปลง!
คำพูดเพียงคำเดียว ได้จุดความคิดของซูจิ่นซี
ในชั่วพริบตา เป่ยถังฉินเกอก็ถูกโยนลงไปในแท่นจิ่วโยว
ในหัวของซูจิ่นซีเกิดความคิดที่ยากอธิบาย ดูเหมือนจะชัดเจนเล็กน้อย และยังเหมือนภาพมิติมายา ทว่าไม่อาจเข้าใจได้
หิมะยังตกลงมาอย่างหนัก เป่ยถังเฮ่อและคนอื่นๆ กลับไปแล้ว บนเขาจิ่วโยวเหลือเพียงซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยา และเป่ยถังเจี๋ยเท่านั้น
เป่ยถังเจี๋ยมองไม่เห็นซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา
หิมะตกหนัก ทำให้ใบหน้าของเขาดูอ้างว้างยิ่งขึ้น เขาเดินไปที่แท่นจิ่วโยวทีละก้าว ทว่าไม่ได้เข้าไปใกล้มากนัก ทำเพียงหยุดอยู่ที่ทางเข้าและคุกเข่าลงอย่างแรง เสียงดัง ‘ตึก’
หลังจากนั้นไม่นาน เหนือแท่นจิ่วโยว เสียงร่ำไห้ของเป่ยถังเจี๋ยก็ดังขึ้นอย่างเศร้าโศก
“ฉินเกอ พ่อขอโทษเจ้า… ขอโทษเจ้า พ่อไม่อาจปกป้องเจ้าได้ ฉินเกอ… ฉินเกอ… เหตุใดเจ้าถึงโง่เขลาเยี่ยงนี้… เหตุใดเจ้าโง่ได้ถึงเพียงนี้… เจ้าไม่ควรเกิดในสกุลเป่ยถัง เจ้าไม่ควรเกิดในสกุลเป่ยถัง”
เสียงนั้นยิ่งทวีความโศกเศร้ามากขึ้น เมื่อได้ยินท่ามกลางค่ำคืนหนาวเหน็บที่หิมะตก มันช่างน่าสังเวชยิ่งกว่าเสียงของนกฮูกยามกลางคืนเสียอีก
ร่างกายของซูจิ่นซีหนักอึ้ง ทว่านางรู้สึกหนาวเย็นอย่างมาก นางอดไม่ได้ที่จะกอดอกและทำให้ร่างกายหดตัวลง
เยี่ยโยวเหยาถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้ซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีมองไปที่เยี่ยโยวเหยา
“หิมะตกหนักมาก เยี่ยโยวเหยา ท่านจะเป็นหวัดได้”
“ข้าไม่เป็นอันใด ความหนาวเพียงเล็กน้อยข้าทนได้ อย่าทำให้เจ้าและลูกหนาวก็พอแล้ว”
หัวใจของซูจิ่นซีเต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น
“เยี่ยโยวเหยา เมื่อครู่ท่านพูดว่า ความทรงจำของเป่ยถังฉินเกอไม่มีวิธีเปลี่ยนแปลงได้ใช่หรือไม่? ”
“ถูกต้อง! ”
“พวกเราเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ล้วนเป็นความทรงจำของนางใช่หรือไม่? ”
“ใช่! ”
“ท่านกับข้าช่วยหลานเสวียนหมิง และมีส่วนร่วมในการคลอดเป่ยถังหลี? หรือว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นในความทรงจำของนางด้วย? ”
เยี่ยโยวเหยาไม่ได้พูดสิ่งใด เห็นได้ชัดว่าใบหน้าเผยให้เห็นถึงความสงสัยเช่นกัน
อีกทั้ง เหตุใดความทรงจำทั้งหมดมีเพียงเป่ยถังฉินเกอเท่านั้นที่สามารถมองเห็นพวกเขาทั้งสองคน?
เยี่ยโยวเหยาเงียบไปครู่หนึ่ง และพูดว่า “มีเพียงออกไปจากที่นี่และได้พบกับเป่ยถังฉินเกอตัวจริงเท่านั้น ถึงจะรู้”
นั่นเป็นวิธีเดียวในตอนนี้
ซูจิ่นซีพูดว่า “เยี่ยโยวเหยา ข้าคิดว่า ข้าพบวิธีออกไปจากความทรงจำนี้แล้ว ”
“คือสิ่งใด? ”
ซูจิ่นซีไม่ได้รีบตอบเยี่ยโยวเหยาในทันที นางเดินไปที่ทางเข้าแท่นจิ่วโยว
“อยู่ที่นี่! ”
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ท่านสังเกตหรือไม่ว่า ทุกสิ่งที่นี่ต่างจากชีวิตจริง มีลำดับการเกิดขึ้นของเรื่องราวที่ไม่เปลี่ยนแปลง และยังมีแท่นจิ่วโยวเช่นกันที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง”
เยี่ยโยวเหยาเหลือบมองสัตว์ร้ายที่ปกป้องรอบๆ แท่นจิ่วโยว ทิวทัศน์รอบๆ แท่นจิ่วโยวเหมือนในเขาจิ่วโยวของแคว้นเป่ยอี้ที่พวกเขาเห็น และทุกอย่างยังไม่เปลี่ยนแปลง
“บางที ความทรงจำของเป่ยถังฉินเกอ เพียงต้องการบอกเราว่า ดินคืนสู่ดิน สรรพสิ่งในโลกล้วนเปลี่ยนแปลง มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะไม่เปลี่ยนแปลง นั่นก็คือ… มาจากที่ใด ย่อมกลับสู่ทางของมัน”
เยี่ยโยวเหยาพยักหน้าเห็นด้วย และเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างกายซูจิ่นซี
เขามองดวงตาของซูจิ่นซีด้วยความซาบซึ้งและชื่นชม จากนั้นจึงจับมือของซูจิ่นซี
ทั้งสองกระโดดลงไปใต้แท่นจิ่วโยว
ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพร่ามัว หมุนวนราวกับอยู่ในอุโมงค์กาลเวลา ซูจิ่นซีรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยจึงหลับตาลง
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็ตกลงสู่พื้น มีเสียงลมหนาวพัดข้างหู และเสียงคลื่นน้ำกระทบฝั่ง
ซูจิ่นซีค่อยๆ ลืมตา
ท้องฟ้ามีเมฆดำปกคลุมไปทั่วจนมืดมิด เบื้องหน้ามีแม่น้ำ ปลายทางทั้งสองของแม่น้ำสายยาวเชื่อมต่อกับขอบฟ้าจนสุดสายตา ทั้งน้ำยังเป็นสีดำ ที่นี่ไม่มีต้นหญ้า มีเพียงหินสีดำอยู่ทุกหนทุกแห่ง โลกทั้งใบถูกปกคลุมด้วยสีดำ ไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตแม้แต่น้อย
ซูจิ่นซีรู้สึกหนาวเย็นอีกครั้ง เยี่ยโยวเหยาคลุมเสื้อลงบนร่างของซูจิ่นซีให้หนาขึ้น จากนั้นจึงกอดร่างของนางไว้ในอ้อมแขน
“อุ่นขึ้นบ้างหรือไม่? ”
ซูจิ่นซีส่ายศีรษะเชื่องช้า “ข้าไม่เป็นอันใด รีบไปหาเป่ยถังฉินเกอเถิด! ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ใด? ”
“ตกลง” เยี่ยโยวเหยาพูด “ที่นี่คงเป็นด้านล่างของแท่นจิ่วโยว ซีซี เจ้าฉลาดมาก เป็นดั่งที่คาดไว้ แท่นจิ่วโยวเป็นทางออกของความทรงจำของเป่ยถังฉินเกอจริงๆ ”
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ความจริงแล้ว ท่านอ๋องรู้เรื่องนี้ก่อน แต่ไม่ได้บอกจิ่นซี”
“ข้ารู้ว่า ไม่ช้าก็เร็ว ซีซีจะต้องเดาได้”
พวกเขาออกมาจากความทรงจำของเป่ยถังฉินเกอแล้ว ทว่าเป่ยถังฉินเกอเล่า นางอยู่ที่ใดกันแน่?
ด้านล่างแท่นจิ่วโยวนี้อันตรายมาก นางถูกทิ้งลงมานานหลายปีถึงเพียงนั้น ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อรับปากเป่ยถังหลีแล้ว ซูจิ่นซีจะต้องให้คำอธิบายและคำตอบแก่นาง
ขณะที่กำลังครุ่นคิดเรื่องนี้ ทันใดนั้น เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “พระชายา! ”
ซูจิ่นซีดีใจมากเมื่อได้ยินเสียงนั้น จึงหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว