สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 33 ตอนที่ 968 ไม่สามารถเอาชนะจิตมารของตนเอง
ซูจิ่นซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจ “ตกลง! ”
อวิ๋นจิ่นจึงตรวจชีพจรและบาดแผลของเยี่ยโยวเหยา จากนั้นก็เริ่มถ่ายพลังภายในให้เยี่ยโยวเหยาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
พลังภายในไหลเข้าสู่ร่างกายของเยี่ยโยวเหยาอย่างต่อเนื่อง สีหน้าของเยี่ยโยวเหยาค่อยๆ ดีขึ้นมาก
อาศัยจังหวะที่ซูจิ่นซีไม่ทันได้สนใจ อวิ๋นจิ่นพูดเสียงต่ำ ด้วยน้ำเสียงที่มีเพียงเขากับเยี่ยโยวเหยาเท่านั้นที่ได้ยิน “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ช่วยกระหม่อมทำลายภาพมิติมายา”
เยี่ยโยวเหยาหลับตา แม้เขาจะไม่พูด ทว่าอวิ๋นจิ่นรู้ว่าเยี่ยโยวเหยายอมรับคำขอบคุณของเขา
“แม่นางพิษน้อย! ” จู่ๆ เสียงของอู๋จุนก็ดังมาจากด้านหลัง “เหตุใดข้าเห็นดวงไฟมันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ? ”
ซูจิ่นซีมองไปรอบๆ เป็นจริงดั่งคาด ดวงไฟนั้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่เขตเวทมนตร์ที่อู๋จุนกับอวิ๋นจิ่นสร้างไว้ก็อาจไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วแน่น “หรือว่าตงหลิงหวงไม่สามารถเอาชนะจิตมารของตนเองได้? ”
ไม่รู้ว่าตงหลิงหวงเห็นเหตุการณ์ใดในภาพมิติมายา เปลวเพลิงและหิมะที่พวกเขาเห็นในขณะนี้คงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพมิติมายา หากตงหลิงหวงไม่สามารถเอาชนะจิตมารภายในใจของตนเองได้ และถูกจิตมารกลืนกิน พวกเขาทั้งหมดอาจจะต้องตายอยู่ที่นี่
เมื่อเห็นว่าเขตเวทมนตร์ที่ปกป้องพวกเขาอยู่นั้นกำลังจะถูกเปลวเพลิงแผดเผา อู๋จุนก็รีบใช้กำลังภายในเพื่อต่อต้าน ทว่าดวงไฟนั้นใหญ่มากเกินไป ไม่นานนักอู๋จุนก็รู้สึกหมดแรง เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบไหลออกมาจากหน้าผากของเขา
ซูจิ่นซีมองไปที่อวิ๋นจิ่นกับเยี่ยโยวเหยา สีหน้าของนางเริ่มเป็นกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ อวิ๋นจิ่นรักษาอาการบาดเจ็บให้เยี่ยโยวเหยาและกำลังถึงช่วงที่สำคัญที่สุด ซึ่งช่วงเวลานี้จะต้องไม่ถูกรบกวนจากภายนอก หากถูกรบกวน การรักษาจะหยุดกะทันหัน ไม่ต้องพูดถึงเยี่ยโยวเหยา แม้แต่อวิ๋นจิ่นเองก็อาจจะถูกพลังสะท้อนกลับ ผลกระทบที่ตามมาร้ายแรงเกินกว่าจะคาดเดา
ซูจิ่นซีจึงเดินพลังภายใน ต่อต้านไปพร้อมกับอู๋จุน
ทว่าขนาดของดวงไฟไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย กลับทวีความรุนแรงมากขึ้น และมีพลังแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานนัก ซูจิ่นซีเองก็แทบจะยืนหยัดไม่ไหวอีกคน
อู๋จุนเหลือบมองซูจิ่นซี “แม่นางพิษน้อย เจ้ารีบหาวิธีถอนพลังภายในของเจ้า พี่จุนคนเดียวยังไหว”
ซูจิ่นซีนิ่งเงียบและเดินพลังภายในใหม่อีกครั้ง เพื่ออุดช่องว่างเขตเวทมนตร์ ทว่านางเพิ่งจะอุดรอยรั่วเบื้องหน้าสำเร็จ ด้านข้างก็ปรากฏช่องว่างอีกช่อง จากนั้นจึงผนึกพลังภายในอีกครั้ง ทว่าหลังจากทำสำเร็จ ก็เกิดช่องว่างอีกช่อง
สถานการณ์ของอู๋จุนไม่ได้ดีไปกว่าซูจิ่นซีมากนัก เพื่อบรรเทาภาระของซูจิ่นซี เขาจำเป็นต้องรับแรงกดดันจากพลังนั้นมากกว่าซูจิ่นซีหลายเท่า
“เจ้าคนแซ่เยี่ย ดีขึ้นบ้างหรือยัง? ข้ากับแม่นางพิษน้อยยืนหยัดไม่ไหวแล้ว” อู๋จุนมองไปที่อวิ๋นจิ่นและเยี่ยโยวเหยาพลางบ่นพึมพำออกไป ซูจิ่นซีหันไปมองอู๋จุนทันที “อย่ารบกวนพวกเขา! ”
ทว่าพลังกายของซูจิ่นซีได้ใช้ไปจนถึงขีดจำกัดแล้ว นางเริ่มรู้สึกเจ็บที่ท้องน้อยส่วนล่าง ซึ่งไม่สบายตัวมาก หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าแม้แต่เด็กคงไม่รอดไปด้วย
แม้ปากจะเตือนอู๋จุนว่าอย่ารบกวนอวิ๋นจิ่นกับเยี่ยโยวเหยา ทว่าภายในใจของนางกลับเรียกเยี่ยโยวเหยาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในที่สุด เขตเวทมนตร์ก็ไม่สามารถซ่อมแซมได้อีกต่อไป และพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง เปลวเพลิงอันทรงพลังพุ่งเข้ามากลืนกินทุกคนในทันที
……
ในขณะที่ดวงไฟกำลังดูดกลืนทั้งหมด ซูจิ่นซีคิดว่านางกำลังจะตายแน่นอน นางหลับตาลง ทว่าความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญจากความตายไม่ได้เกิดขึ้น นางรู้สึกถึงความเย็นที่ปะทะใบหูของนาง ซูจิ่นซีลืมตาขึ้นด้วยท่าทีสงสัย กลับเห็นว่าเปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่ข้างหน้าได้หายไปทั้งหมด ฉากตรงหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ดูเหมือนว่า… จะอยู่ใต้น้ำ
“ซูจิ่นซี เจ้าหุบเขาอู๋! ” ตงหลิงหวงนั่งไม่ไกลจากพวกเขา นางลุกขึ้นและเดินมาหาพวกเขา
อู๋จุนเห็นภาพโดยรอบอย่างชัดเจน เขามองไปที่ตงหลิงหวงด้วยรอยยิ้มที่ราวกับรอดชีวิต “บัดซบ ตงหลิงหวง ในที่สุดเจ้าก็เอาชนะจิตมารในใจของเจ้าได้ ข้าเกือบจะถูกไฟเผาตายไปแล้ว”
ตงหลิงหวงพูดขอโทษ “ตอนนี้ข้าติดอยู่ในภาพมิติมายา ข้าไม่สามารถจัดการกับตนเองได้เลย ทำให้เจ้าหุบเขาอู๋และทุกคนต้องลำบากแล้ว”
“ออกมาได้ก็ดีแล้ว” ซูจิ่นซีกล่าว
ตงหลิงหวงมองไปที่อวิ๋นจิ่นและเยี่ยโยวเหยาซึ่งอยู่ข้างหลังซูจิ่นซี นางขมวดคิ้วเล็กน้อย “ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บหรือ? ”
ซูจิ่นซีนิ่งเงียบ
อู๋จุนปกปิดการแสดงออกทั้งหมดในดวงตา พลางผิวปากด้วยท่าทีที่แลดูผ่อนคลาย
ซูจิ่นซีพูดว่า “หมอหลวงอวิ๋นกำลังรักษาเขาอยู่”
หลังจากนั้นไม่นาน อวิ๋นจิ่นก็ดึงพลังภายในกลับ สีหน้าของเยี่ยโยวเหยาดีขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ เขาลืมตามองไปที่ซูจิ่นซีก่อน
ซูจิ่นซีแย้มยิ้มให้เขา ก่อนจะเดินไปข้างหน้าและนั่งลงกุมมือของเขา ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับจับมือของซูจิ่นซีกลับ และมองไปที่ซูจิ่นซีด้วยสายตาลึกซึ้ง
ซูจิ่นซีแย้มยิ้ม “อาการของท่านอ๋องดีขึ้นมากแล้วเพคะ ขอบคุณหมอหลวงอวิ๋นมาก”
อวิ๋นจิ่นแย้มยิ้ม “พระชายาไม่จำเป็นต้องขอบพระทัยกระหม่อม โชคดีที่รัชทายาทตงเฉินทำลายภาพมิติมายาได้ทันท่วงที มิเช่นนั้น ผลที่ตามมาคงร้ายแรงเกินคาดเดาเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”
ทันทีที่สิ้นเสียงของอวิ๋นจิ่น เยี่ยโยวเหยาก็มองซูจิ่นซี และพูดว่า “แม้ข้าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสกว่านี้ ทว่ายังไม่ชนะพระชายาที่ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องข้า และวิตกกังวลแทนข้า”
แก้มของซูจิ่นซีแดงก่ำ นางรีบดึงมือออกจากมือของเยี่ยโยวเหยา
“ไม่คิดละอายบ้างเลยหรือเยี่ยโยวเหยา ยังมีคนอยู่หลายคน! พูดจาน่าขนลุก ไม่ดูสถานการณ์บ้างเลย”
กลับไม่คาดคิดว่า เยี่ยโยวเหยาจะจับมือซูจิ่นซีอีกครั้ง และดึงซูจิ่นซีเข้ามาในอ้อมกอดของเขา “ข้าพูดกับพระชายาที่รัก ไม่มีเหตุผลที่จะต้องกลัวคนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์”
“เยี่ยโยวเหยา ปล่อยมือ! ” ซูจิ่นซีทุบไปที่หัวไหล่ของเยี่ยโยวเหยาอย่างแรง
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วทันที ซูจิ่นซีตกใจและพูดขึ้นว่า “เกิดอันใดขึ้น? โดนบาดแผลของท่านอ๋องหรือ? ”
เยี่ยโยวเหยามองใบหน้าที่ตกใจของซูจิ่นซี พลางยกยิ้มมุมปาก “หากเจ้าจุมพิตข้า ข้าจะไม่เจ็บอีกเลย”
ซูจิ่นซีตระหนักได้ว่านางกำลังถูกเยี่ยโยวเหยาเย้าหยอก นางจึงผลักเยี่ยโยวเหยาออกไปและกำลังจะลุกขึ้น
“จนป่านนี้แล้ว เยี่ยโยวเหยา ท่านยังมีใจพูดเล่นอีกหรือ! ”
“หากไม่พูดเย้าหยอกบ้าง จะคลายความตึงเครียดและความกังวลภายในใจของเจ้าได้อย่างไร? ”
เยี่ยโยวเหยาแย้มยิ้มเล็กน้อย ทว่าความรักลึกซึ้งในดวงตาของเขากลับมากยิ่งกว่า
ทันใดนั้น อู๋จุนก็เดินไปข้างหน้าเยี่ยโยวเหยา เขากุมมือคำนับเยี่ยโยวเหยาและพูดว่า “เยี่ยโยวเหยา เมื่อก่อนข้าเคยคิดว่าเจ้าไม่ได้เรื่อง ทว่าวันนี้ข้าขอชื่นชมเจ้าจากใจจริง ข้าเคารพเจ้าในฐานะบุรุษคนหนึ่ง”
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าไม่ได้พูดอันใด
อู๋จุนกล่าวต่อ “แม้ข้าจะไม่เคยพบภาพมิติมายา ทว่าข้ารู้ว่าการทดสอบของภาพมิติมายาคือจิตมาร พวกเจ้าทุกคนล้วนเคยพบภาพมิติมายา ทว่าเจ้าเป็นคนเดียวที่บาดเจ็บ แสดงว่าเจ้ามีใจต่อแม่นางพิษน้อย จุดนี้ข้าขอชื่นชมเจ้าจากใจจริง! ”
เยี่ยโยวเหยายกยิ้มมุมปาก พลางจับมือของซูจิ่นซี สีหน้าของเขาเป็นปกติ และไม่ได้พูดตอบอันใด
อู๋จุนรู้ดีว่าเยี่ยโยวเหยามีอุปนิสัยเช่นนี้ ภายในใจคิดเช่นไร ไม่เคยปรากฏบนใบหน้า เขาจึงไม่กังวลกับเยี่ยโยวเหยามากนัก
ซูจิ่นซีพูดว่า “หยุดพูดจาไร้สาระ ที่นี่คงจะเป็นก้นแม่น้ำ ไม่คาดคิดว่าใต้แม่น้ำสายนี้ยังมีทางลับอื่นอีก ทั้งยังไม่รู้ว่าเป่ยถังฉินเกออยู่ที่ใด? พวกเรายังต้องจัดการเรื่องที่วางแผนมาให้สำเร็จ! “