สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 33 ตอนที่ 990 พิษร้ายแรงไร้ยาถอนพิษ
เดิมทีหลานอวี่คิดว่า ซูอวี้ใช้ขลุ่ยสั้นเพื่อควบคุมศพพิษ ทว่าไม่มีทางคาดคิดได้เลยว่า ในขณะที่เสียงขลุ่ยดังขึ้นและยิ่งเสียงสูงขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้น ฝูงนกเจ็ดสีก็บินมาจากระยะไกล
นกเจ็ดสีโจมตีศพพิษอย่างต่อเนื่อง เพียงแค่เข้าใกล้ศพพิษและจิกบนร่างพวกมัน ศพพิษก็ล้มลงกับพื้นแล้วหมดสติไปทันที
เป็นไปไม่ได้!
จะเป็นไปได้อย่างไร?
หลานอวี่ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น นางผิวปากอยู่หลายครั้ง ทั้งยังใช้หลายวิธี แต่ก็ไม่สามารถปลุกศพพิษขึ้นมาได้
“เด็กเหลือขอ เจ้าก็มีฝีมือเหมือนกัน วันนี้ข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไป อย่างไรก็ตาม วันนี้ผู้ที่ข้าต้องการ ข้าจะต้องพากลับไปแน่นอน”
หลานอวี่พูดพลางโจมตีซูอวี้ ทว่ายังไม่ทันได้เข้าใกล้ซูอวี้ องครักษ์ของจวนเป่ยอี้อ๋องก็เข้ามาขวางอยู่ตรงหน้านาง
ซูอวี้ฉวยโอกาสวิ่งไปหาหลานเยวี่ยหลีที่อยู่ด้านในโรงน้ำชา
หลานเยวี่ยหลีไม่เพียงถูกพิษแมลงปอโลหิตเท่านั้น นอกจากนี้ยังตื่นตระหนกและได้รับความทรมานไม่น้อยตอนถูกอนุซุนจับตัวมา แม้จะถอนพิษบนร่างไปแล้ว ทว่าตอนนี้นางยังไม่ฟื้น
ซูอวี้รีบพยุงหลานอวี่ขึ้น “แม่นางเยวี่ยหลี แม่นางเยวี่ยหลี? ”
เรียกอยู่หลายครั้งก็ไม่มีการตอบสนอง ซูอวี้จึงฝังเข็มจุดกลางศีรษะของนางด้วยเข็มเงิน
หลานเยวี่ยหลีที่หมดสติขมวดคิ้วเล็กน้อย และค่อยๆ ลืมตาขึ้น
ซูอวี้พลันรู้สึกดีใจ “แม่นางเยวี่ยหลี เจ้าฟื้นแล้ว? ”
“ผู้นำซู! ” หลานเยวี่ยหลีประหม่าเล็กน้อย “ท่านมาได้อย่างไร? ”
เมื่อสิ้นเสียงก็ได้ยินเสียงต่อสู้จากด้านข้าง นางเหลือบมองหลานอวี่และคนอื่นๆ ก่อนจะขมวดคิ้วและรีบผลักซูอวี้ออก
“คุณชายอวี้ ท่านรีบไป รีบไป ที่นี่อันตราย ท่านรีบไป”
เมื่อสิ้นเสียงของหลานเยวี่ยหลี ทันใดนั้น เงาดำก็แวบผ่านมาด้านข้างและฟาดกลางหลังของซูอวี้อย่างหนัก
ความเร็วนั้นเร็วมากราวกับลมกรรโชก ซูอวี้ไม่ได้สังเกตและคนที่เหลือก็ยุ่งอยู่กับศัตรูจึงมองไม่เห็น แม้หลานเยวี่ยหลีจะเห็นและคิดจะช่วยขวางให้ซูอวี้ ทว่ากลับไม่มีเวลาและโอกาส
ซูอวี้อาเจียนเป็นเลือดใส่ร่างของหลานเยวี่ยหลี หลานเยวี่ยหลีมีท่าทีตกใจกลัว นางรีบกอดซูอวี้ไว้ “ผู้นำซู ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ผู้นำซู? ” นางพูดพลางมองฝ่ามือ บนฝ่ามือมีเลือดสีดำ
สีหน้าของนางซีดเผือด “เลือดสีดำ… มีพิษ… ผู้นำซู? ผู้นำซู”
ผู้ที่ลอบจู่โจมซูอวี้เป็นปรมาจารย์พิษแห่งแคว้นไหวเจียงผู้หนึ่ง หลังลอบโจมตีซูอวี้ก็รีบเข้าร่วมต่อสู้กับหลานอวี่และคนอื่นๆ อย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้า อนุปี้ก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ซ้ำยังถูกวางพิษร้ายแรงอีกด้วย
“ปรมาจารย์พิษเยวี่ยมาได้ทันเวลาพอดี” หลานอวี่กล่าวด้วยความพอใจเป็นอย่างมาก
“รับใช้ท่านประมุขถือเป็นเกียรติอย่างสูง”
“ปรมาจารย์เยวี่ยออกนอกด่านครานี้ คงเก็บเกี่ยวไปไม่น้อยแน่นอน”
ปรมาจารย์เยวี่ยเหลือบมองอนุปี้และซูอวี้ “นี่เป็นพิษร้ายแรงที่ข้าพัฒนาขึ้นใหม่ รุนแรงกว่าพิษก่อนหน้านี้หลายร้อยเท่า วันนี้ได้ทดสอบกับเจ้าพวกโง่เหล่านี้พอดี”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ”
หลานอวี่หัวเราะเสียงดัง ก่อนจะเดินเข้าไปหาหลานเยวี่ยหลีอย่างเชื่องช้า
ใบหน้าของหลานเยวี่ยหลีปรากฏความระแวดระวัง “เจ้า… เจ้าจะทำอันใด? เจ้า… เจ้าอย่าเข้ามา… ” นางพูดพลางหยิบกระบี่ขึ้นมาจากพื้น
นางไม่มีวรยุทธ์ หลานอวี่จึงก้าวไปข้างหน้าและแย่งกระบี่ในมือของนางมาได้อย่างง่ายดาย
หลานอวี่พูดพลางหยุดสายตาไว้ที่ร่างของซูอวี้ ซึ่งหมดสติอยู่ในอ้อมแขนของหลานเยวี่ยหลี
“เดิมที วันนี้ข้าต้องการเจ้าเพียงผู้เดียว หากเจ้ายอมไปแต่โดยดีและไม่ขัดขืนก็คงไม่เกิดเรื่องมากมายเช่นนี้ นี่คือคนรักตัวน้อยของเจ้าหรือ? เจ้าถูกใจเขาหรือ? ทว่าเขาอยู่ได้ไม่นานแล้ว สิ่งที่อยู่ในนั้นคือพิษชนิดใหม่ ซึ่งปรมาจารย์พิษผู้เก่งกาจที่สุดในแคว้นไหวเจียงได้คิดค้นขึ้น พิษร้ายแรงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แม้กระทั่งยาถอนพิษก็ยังไม่ได้ทำออกมา! ”
พิษชนิดใหม่?
ยังไม่มีการสร้างยาถอนพิษ?
หลานเยวี่ยหลีพลันตื่นตระหนก
นางรีบค้นหาทั่วร่างของซูอวี้
“เป็นไปไม่ได้ พวกเจ้าหลอกข้าเป็นแน่ ไม่มีทางเป็นไปได้ ต่อให้พวกเจ้าไม่สร้างยาถอนพิษ ทว่าผู้นำซูร่ำเรียนการถอนพิษกับพระชายาโยวอ๋องมาแล้ว นอกจากนี้ เขายังเป็นอัจฉริยะด้านวิชาแพทย์ เขาต้องมียาถอนพิษนับร้อยชนิดบนร่างแน่นอน ต้องมีแน่… ”
ทว่าควานหาอยู่ครู่หนึ่ง หลานเยวี่ยหลีก็เจอขวดยามากมาย ทว่าไม่มีสิ่งใดสามารถถอนพิษให้ซูอวี้ได้เลย
“หยุดได้แล้ว” หลานอวี่คว้าแขนของหลานเยวี่ยหลี “เชื่อฟังคำพูดของข้า ข้ารู้ว่าเจ้ามีประโยชน์กับแคว้นไหวเจียง ข้าต้องเมตตาเจ้าอยู่แล้ว”
พูดจบ หลานอวี่ก็จับหลานเยวี่ยหลียืนขึ้น และเดินไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว
“หลีเอ๋อร์… ”
เป่ยถังเย่ที่กำลังต่อสู้อยู่กับเยี่ยเซิน เมื่อเห็นฉากนี้ก็รีบหาโอกาสเข้าไปช่วยหลานเยวี่ยหลี ทว่าเขาเพิ่งได้โอกาสก็ถูกปรมาจารย์พิษขวางไว้ เยี่ยเซินรีบตามมาได้ทัน
องครักษ์จวนเป่ยอี้อ๋องหลายนายที่มีความสามารถอยากเข้าไปช่วย ทว่าไม่ทันได้ไล่ตามหลานเยวี่ยหลี พวกเขาก็ถูกปรมาจารย์พิษวางยาพิษใส่ ทั้งหมดต่างล้มลงกับพื้นทันที
“ผู้นำซู ท่านผู้นำซู… ”
หลานเยวี่ยหลีหันหลังตะโกนไม่หยุด ทว่าไร้ผล หลานอวี่พานางไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ
ในสมองหวนคิดถึงสิ่งที่หลานอวี่พูดเมื่อครู่
สิ่งที่อยู่ในร่างของซูอวี้คือพิษชนิดใหม่ ซึ่งปรมาจารย์พิษผู้เก่งกาจที่สุดในแคว้นไหวเจียงได้คิดค้นขึ้นมา ไม่มียาถอนพิษ
ไม่มียาถอนพิษ…
ไม่มียาถอนพิษ…
เช่นนั้น ครั้งนี้ผู้นำซูจะต้องตายหรือ?
ไม่ นางปล่อยให้เขาตายไม่ได้
ปล่อยให้เขาตายไม่ได้เด็ดขาด
ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!
หลานเยวี่ยหลียิ่งคิดก็ยิ่งเป็นกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ ภายในร่างกายราวกับไฟลุกโชนแผดเผา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตรงตำแหน่งตันเถียนและตำแหน่งเส้นเลือดหัวใจที่กำลังจะระเบิดออกมาจากในร่าง
แน่นอนว่าหลานเยวี่ยหลีในเวลานี้จดจ่ออยู่ที่ร่างของซูอวี้จนไม่ได้สังเกตการเปลี่ยนแปลงในร่างกายตนเอง
ทันใดนั้น ทั่วทั้งร่างของหลานเยวี่ยหลีก็เปล่งแสงสว่างออกมา แสงมหัศจรรย์นั้นสว่างไสวเจิดจ้า มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นพลังที่ไม่ธรรมดา ทันใดนั้น หลานอวี่ก็แสดงอาการตื่นตระหนกและลอยกระเด็นออกไป
หลานอวี่ล้มลงกับพื้นและหมดสติ ไม่เห็นสิ่งใดอีกเลย
หลานเยวี่ยหลีถูกแสงในร่างตนเองปะทะใส่จึงโซเซไปสองก้าวจนเกือบล้มลง
หลังย้อนคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น นางก็มองมือของตนเองทั้งสองข้างอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
เมื่อครู่… ภายในร่างของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังภายใน อีกทั้งยังทำให้หลานอวี่ตกใจจนลอยกระเด็นออกไป
นี่มัน… เกิดอันใดขึ้นกันแน่?
หลานเยวี่ยหลีเหลือบมองหลานอวี่ที่นอนสลบอยู่บนพื้น เมื่อรู้ว่าตนเองเป็นอิสระแล้วจึงไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่น นางรีบวิ่งกลับไปทันที
ตรงลานกว้าง ผู้คนกำลังต่อสู้กันไม่หยุด
ทว่าโชคดีที่เป่ยถังเย่ อนุปี้ และพวกองครักษ์ของจวนเป่ยอี้อ๋องเป็นฝ่ายได้เปรียบในเวลานี้
หลานเยวี่ยหลีรีบพุ่งไปอยู่ข้างกายซูอวี้และพยุงร่างของเขาขึ้นมา
“ท่านผู้นำซู… ท่านผู้นำซู… ”
สภาพของซูอวี้สาหัสกว่าก่อนหน้ามาก ใบหน้าเป็นสีม่วง นิ้วเป็นสีเดียวกับใบหน้า กระทั่งเล็บก็เป็นสีดำและมีสีแดงจางๆ
แม้วิชาแพทย์ของหลานเยวี่ยหลีจะไม่สูงส่งมากนัก ทว่านางแยกออกว่าสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤต
ในที่สุด เป่ยถังเย่และคนอื่นๆ ก็ขับไล่คนของแคว้นไหวเจียงไปได้ ก่อนจะมาอยู่ข้างกายหลานเยวี่ยหลี “หลีเอ๋อร์… ”
หลานเยวี่ยหลีรีบส่ายศีรษะพลางมองเป่ยถังเย่ “พี่เย่ จับปรมาจารย์พิษแคว้นไหวเจียงผู้นั้นได้หรือไม่? ”
“ไม่ได้ เขาหนีไปได้”
ใบหน้าของหลานเยวี่ยหลีพลันซีดขาวราวกับกระดาษ ท่าทางสิ้นหวัง น้ำตาหลั่งไหลออกมาราวกับฝนตกหนัก จู่ๆ นางก็ล้มลงไปนั่งกับพื้น