สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 34 ตอนที่ 1002 หากอดทนและพยายามอย่างที่สุดจนถึงวันที่สดใส
- Home
- สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน
- เล่มที่ 34 ตอนที่ 1002 หากอดทนและพยายามอย่างที่สุดจนถึงวันที่สดใส
“เพราะเหตุใด? ” สีหน้าของตงหลิงหวงราวกับไม่อยากจะเชื่อ
“เพราะเจ้าคือรัชทายาทแห่งแคว้นตงเฉิน เป็นบุตรสวรรค์เลือดมังกรที่แท้จริง ในอนาคตต้องเป็นผู้ที่ปกป้องคนในใต้หล้า”
แม้การปกป้องแผ่นดินและวิหารเทพซีหวังหมู่จะเป็นการปกป้องคนในแผ่นดินเช่นกัน ทว่าการปกป้องใต้หล้านั้นสำคัญกว่ามาก
เมื่อตงหลิงหวงทำไม่ได้ ดังนั้นจึงเหลือซูจิ่นซีเพียงผู้เดียว
หรือว่าต้องการให้ซูจิ่นซีอยู่ใช่หรือไม่?
เยี่ยโยวเหยาลากซูจิ่นซีไปข้างหลังตนเอง
“ข้าไม่มีวันเห็นด้วยอย่างแน่นอน”
เทพธิดาอวิ๋นเสียมองเยี่ยโยวเหยา รอยยิ้มบนใบหน้าสว่างสดใสยิ่งกว่าแสงที่เปล่งประกายอยู่รอบตัวของนาง “โยวอ๋อง ท่านไม่ต้องกังวล ที่นี่ยังมีสตรีอยู่สามคน ผู้ที่เหลืออยู่ที่นี่ไม่จำเป็นต้องเป็นพระชายาโยวอ๋อง”
“สตรีสามคนหรือ? ” ทุกคนต่างตกตะลึง
ทันใดนั้น อู๋จุนก็นึกขึ้นได้ว่าในแหวนเก้ามังกรของตงหลิงหวงยังมีถังเสวี่ยอยู่ด้วยอีกคน!
“เจ้าหมายถึงถังเสวี่ยหรือ! นางยิ่งไม่ได้ เจ้าเห็นหรือไม่ว่านางยังเด็กอยู่เลย”
เทพธิดาอวิ๋นเสียแย้มยิ้มเล็กน้อยและไม่พูดสิ่งใด ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็ชูอาคมกำไลปี่อั้นที่ข้อมือขึ้น มีแสงสีน้ำเงินและควันออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้น เมื่อแสงส่องไปที่ตำแหน่งหนึ่งกลางอากาศ ร่างของหลานเยวี่ยหลีก็ปรากฏขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด
หลานเยวี่ยหลีหรือ?
ทุกคนต่างตกใจ
ซูจิ่นซีเหลือบมองซูอวี้เป็นครั้งแรก ดวงตาของซูอวี้จ้องร่างของหลานเยวี่ยหลีภายในหมอกควัน
เกรงว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็อาจไม่ได้สังเกตว่าดวงตาของตนเปล่งประกายระยิบระยับ
หลานเยวี่ยหลีมองซูอวี้พอดี ทั้งคู่ตาสบกัน จากนั้นภาพเหตุการณ์นั้นก็เงียบสงบ ผู้ที่ดูอ้าปากเหมือนต้องการพูดบางอย่าง ทว่าผ่านไปครู่หนึ่งก็ไม่พูดอันใด
“แม่นางเยวี่ยหลี… ” ซูอวี้ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของหลานเยวี่ยหลี “ผู้นำซู ข้าขอโทษ ตอนอยู่ที่จวนเป่ยอี้อ๋อง ข้าทำให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก”
ซูอวี้เม้มริมฝีปากพลางปิดใบหน้า จากนั้นจึงถอยกลับไปด้วยน้ำตาที่ไหลพรากเต็มใบหน้า
“เป็นข้าที่ต้องขอโทษเจ้า หากไม่ใช่เพื่อช่วยข้าและมารดาของข้า เจ้าก็ไม่ต้องลืมทุกอย่างและกลับไปแคว้นเป่ยอี้ ”
“ข้ายินดี” หลานเยวี่ยหลีกล่าว
แววตาของซูอวี้กลับมาที่หลานเยวี่ยหลีอีกครั้ง “แม่นางเยวี่ยหลี ตอนนี้เจ้าจำทุกอย่างได้แล้วหรือ? ”
“อืม จำทุกอย่างได้แล้ว”
“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี” ซูอวี้ยกยิ้มมุมปากเรียบง่ายและใสซื่ออย่างมาก เขารู้สึกมีความสุขแทนหลานเยวี่ยหลี ทว่าไม่รู้เหตุใด ขณะที่ยิ้ม น้ำตากลับไหลพรั่งพรูออกมาราวกับน้ำพุ
ซูจิ่นซีอดถามเทพธิดาอวิ๋นเสียไม่ได้ “เทพธิดา เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่? ”
หลานเยวี่ยหลีตายไปขณะอยู่ในด่านที่สี่ของเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์เทียนเผ่าเม้ยหลิงหลง เหตุใด จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น? ทั้งยังปรากฏตัวในรูปแบบนี้อีก
แน่นอนว่าเทพธิดาอวิ๋นเสียเห็นถึงความคิดของซูจิ่นซี
“ขณะที่พวกเจ้าเข้าสู่ด่านที่สี่ของเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์เทียนเม้ยหลิงหลง นางได้เสียชีวิตแล้วจริงๆ สิ่งที่เจ้าเห็นตอนนี้เป็นเพียงจิตสัมผัสแห่งจิตวิญญาณของนางที่อยู่กับอาคมกำไลปี่อั้นของเจ้า ทว่าความไม่เต็มใจของนาง จิตวิญญาณจึงติดอยู่กับอาคมกำไลปี่อั้นกระมัง? ”
ซูจิ่นซีมีท่าทางตกตะลึง อาคมกำไลปี่อั้นเป็นของนางเอง เหตุใดนางจึงไม่เห็นมัน?
“เทพธิดาอวิ๋นเสีย ข้าได้ยินทุกอย่างที่เจ้าพูดเมื่อครู่ หากข้าอยู่เพื่อปกป้องวิหารเทพจะได้หรือไม่? ” จู่ๆ หลานเยวี่ยหลีก็พูดขึ้น
ทันทีที่สิ้นเสียงพูดของหลานเยวี่ยหลี ซูอวี้ก็พูดว่า “ไม่ได้”
หลานเยวี่ยหลีมองซูอวี้ ดวงตาของซูอวี้เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา “ไม่ได้ ไม่ได้… ” ซูอวี้ไม่ได้พูดคำอื่นอีก เพียงพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า ‘ไม่ได้’
หลานเยวี่ยหลีแย้มยิ้มอย่างสงบและไม่พูดสิ่งใด นางหันหน้ามองเทพธิดาอวิ๋นเสียด้วยสีหน้าแน่วแน่ และถามอย่างจริงจังอีกครั้ง
“เทพธิดาอวิ๋นเสีย หากข้าต้องการปกป้องวิหารเทพ ท่านจะเต็มใจช่วยพวกเขาหรือไม่? ”
“ช่วยอย่างแน่นอน” เทพธิดาอวิ๋นเสียกล่าว
หลานเยวี่ยหลีไม่รู้ว่า ขณะที่นางหันศีรษะกลับไปอย่างเด็ดเดี่ยวนั้น น้ำตาของซูอวี้ไหลพรั่งพรูลงมาราวกับเขื่อนแตก
ทว่านางจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างนั้น
มีเพียงการทำเช่นนี้ นางจึงสามารถทำให้ซูอวี้เข้าใจว่า หัวใจของนางเจ็บปวดเพื่อผู้ใด และนางทำเพื่อผู้ใด หยาดน้ำตาของนางหลั่งรินเป็นสายน้ำเพื่อผู้ใด
ในโลกนี้ บางคนรู้ทั้งรู้ว่ารัก ทว่าการรักโดยไม่รู้ตัวนั้น ทำให้คนรู้สึกสิ้นหวังกว่าการไร้ซึ่งคนที่รัก
“ไม่ได้! ” ซูจิ่นซีก้าวไปข้างหน้าและจับมือหลานเยวี่ยหลีไว้ แต่จับได้เพียงความว่างเปล่า
หลานเยวี่ยหลียกยิ้มมุมปากอย่างสงบ ซึ่งไม่เคยปรากฏเช่นนี้มาก่อน
“พี่จิ่นซี ให้ข้าอยู่เถิด ข้าเต็มใจ”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าการอยู่ที่นี่ต้องสูญเสียอันใด? ” ซูจิ่นซีตำหนิด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ
การอยู่ที่นี่ หมายความว่าไม่อาจออกจากที่นี่ไปชั่วกัปชั่วกัลป์ ไม่ร้องไห้ ไม่หัวเราะ ไม่โต้แย้ง และไม่ทะเลาะ สูญเสียอารมณ์ทั้งเจ็ดและความอยากทั้งหกของมนุษย์ ไม่เข้าใจความรัก…
“ข้าเข้าใจทุกอย่างแน่นอน” หลานเยวี่ยหลียังคงแย้มยิ้มอย่างสงบ “ทว่าพี่จิ่นซี ตอนนี้ข้าเป็นเพียงเศษดวงวิญญาณ ข้าไม่มีแม้แต่ร่างกาย และข้าก็ไม่อาจมีอารมณ์ทั้งเจ็ดและความอยากทั้งหกของมนุษย์ได้อีก แม้ออกไปจากที่นี่ ข้าก็จะสลายไปในโลกนี้ อย่างน้อย ข้ายังอยู่ที่นี่ ยังมีความหวัง และยังอยู่บนโลกนี้ต่อไป”
วันหนึ่ง หากนางปกป้องรักษาที่นี่ อดทนพยายามทำอย่างที่สุดจนถึงวันที่สดใส อาจสามารถออกไปจากที่นี่ก็ได้!
ความจริงแล้ว ทุกคนที่อยู่ในสถานการณ์นี้ต่างเข้าใจดีว่า การอยู่ที่นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับหลานเยวี่ยหลี
ทุกคนต่างนิ่งเงียบไม่พูดสิ่งใด พูดให้ถูกคือไม่รู้ว่าควรใช้คำพูดอย่างไรมากกว่า
หลานเยวี่ยหลีหันกลับมา และถามเทพธิดาอวิ๋นเสีย”เทพธิดา ข้ายินดีที่จะอยู่ปกป้องวิหารเทพ ท่านอนุญาตให้ข้าอยู่ด้วยเถิด”
“ตกลง! เจ้าตามข้าเข้าไปในวิหารเทพ”
เทพธิดาอวิ๋นเสียพูดพลางหันหลังเดินไปทางวิหารเทพซีหวังหมู่ ร่างทั้งสามของมู่หรงอวิ๋นไห่ จงซีจือ และมู่หรงฉี ลอยขึ้น ทั้งพวกเขายังลอยเข้าไปในวิหารเทพซีหวังหมู่พร้อมกับเทพธิดาอวิ๋นเสีย
ตงหลิงหวง ซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยา ซูอวี้ และคนอื่นๆ ต้องการรักษานางไว้จริงๆ ทว่าพวกเขารู้อยู่แก่ใจดีว่า สถานที่แห่งนี้เป็นที่อยู่ที่ดีที่สุดสำหรับหลานเยวี่ยหลีแล้ว
แม้สัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสีในอาคมกำไลปี่อั้นก็ยังลังเลที่จะจากหลานเยวี่ยหลีไป
“จี๊ด จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด… จี๊ด… ”
“โฮก… โฮก… โฮก โฮก… ” พวกมันกระโดดขึ้นๆ ลงๆ อยู่ในอาคมกำไลปี่อั้นไม่หยุด
ซูจิ่นซีเดินไปข้างกายซูอวี้และตบไหล่ของซูอวี้เบาๆ
“หากตัดใจไม่ได้ ค่อยตามนางกลับมา พวกเราค่อยคิดหาวิธีอื่นกัน”
“ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ? ” ซูอวี้ยกยิ้มอย่างไม่คาดคิด และรอยยิ้มนั้นทำให้คนมองไม่ออกว่าในใจของเขาคิดสิ่งใด “มีประโยคหนึ่งที่แม่นางเยวี่ยหลีได้พูด ซึ่งมันเป็นความจริง นางไม่มีแม้แต่ร่างกาย แม้เทพธิดาอวิ๋นเสียจะลงมือช่วยแล้วก็ตาม เกรงว่าจะไม่อาจช่วยชีวิตนางได้ บางที… สุดท้ายแล้ว วิหารเทพซีหวังหมู่แห่งนี้อาจจะเป็นจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดของนาง”
ซูอวี้พูดพลางเงยหน้าขึ้นเหม่อมองวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพซีหวังหมู่อย่างยอมจำนน
ซูจิ่นซีถอนหายใจยาวและไม่พูดสิ่งใดอีก
ในเวลานั้น นางเหลือเพียงเศษเสี้ยววิญญาณเช่นกัน ทั้งร่างกายยังสลายไป เพื่อรักษาชีวิตของนางไว้ จิ่วหรงและเยี่ยโยวเหยาต้องเสียสละเวลานับพันปี ทว่าตอนนี้ วิญญาณนั้นยังคงไม่สมบูรณ์และยากจะรอดชีวิตได้ หากคิดหาวิธีช่วยหลานเยวี่ยหลี คงพูดง่ายแต่ทำได้ยากกระมัง?
ทุกคนรออยู่ด้านนอกวิหารเทพซีหวังหมู่เป็นเวลานาน ในที่สุด มู่หรงอวิ๋นไห่ จงซีจือ และมู่หรงฉี ก็ถูกส่งออกมาจากวิหารเทพ