สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 34 ตอนที่ 1007 หายนะแห่งการฆ่าล้างสำนัก
ขณะที่ลูกศิษย์กำลังพูด ทันใดนั้น เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเยี่ยโยวเหยา เขาก็หยุดชะงักและอดสะดุ้งเล็กน้อยไม่ได้
เขาคิดจะอธิบายบางอย่าง ทว่าอ้ำอึ้งอยู่นานโดยไม่พูดอันใดสักประโยค “ศิษย์พี่… ข้า… ข้า… ”
เยี่ยโยวเหยาตบไหล่เขาและพูดปลอบใจว่า “วางใจ ทุกคนจะต้องไม่เป็นอันใด” พูดพลางเหลือบมองซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีเข้าใจความหมายของเยี่ยโยวเหยา นางยกมือขึ้น ปล่อยให้สัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสีออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้น
สัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสีกระโดดออกมาจากหน้าต่างและเปลี่ยนเป็นร่างยักษ์ในพริบตา สัตว์ทั้งสองพุ่งโจมตีใส่กลางกลุ่มคนของเป่ยถังเฮ่อ เป่ยถังเย่ ชิวฉางเซิง และเจี้ยนอู๋ซิน
“นั่นคือสิ่งใด? ” ชิวฉางเซิงและเจี้ยนอู๋ซินไม่เคยเห็นสัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสีมาก่อน สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที
“จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด จี๊ด… จี๊ด… ”
บังอาจทำร้ายแม่จิ่นซีของข้า คนเลว พวกเจ้ามันคนเลว…
จิ้งจอกเก้าสีรีบวิ่งไปข่วนหน้าเป่ยถังเย่
เป่ยถังเย่ปัดป้องใบหน้า เมื่อปัดโดนเลือด ท่าทางของเขาพลันเปลี่ยนไป
“โฮก… โฮก… โฮก… ”
คนที่ทำร้ายเจ้านายข้าล้วนไม่ใช่คนดี ต้องตาย… ต้องตาย…
สัตว์เทพกิเลนพ่นเปลวเพลิงกิเลนเหมันต์สีฟ้าออกมาหลายระลอก ทุกคนต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีและรีบตอบโต้
ทว่าเปลวเพลิงกิเลนไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะตอบโต้ได้
บางคนลอยกระเด็นไปไกลหลายจั้งจนสลบแน่นิ่ง บางคนก็ทนเปลวเพลิงกิเลนไม่ไหวถูกเผาจนเกรียมตรงนั้น แม้กระทั่งชิวฉางเซิง เจี้ยนอู๋ซิน เป่ยถังเฮ่อ และเป่ยถังเย่ที่เป็นยอดฝีมือก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด
เยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีมองสถานการณ์ด้านล่าง เมื่อเห็นสัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสีควบคุมได้จึงเหลือบมองกันและกันพลางพยักหน้าเล็กน้อย
เยี่ยโยวเหยาหันหลังและกำชับลูกศิษย์สองสามคนแรกด้านหน้าว่า “พวกเจ้ารับผิดชอบคุ้มกันร่างท่านอาจารย์ไปที่ถ้ำเหยียนหัวชั่วคราว”
“ขอรับ! ”
“ส่วนพวกเจ้าตามข้าไปข้างล่าง”
“ขอรับ! ”
จากนั้นเยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซี สองสามีภรรยาจับมือกันเหาะจากหน้าต่างหอฉงชังลงไปด้านล่าง ยกเว้นลูกศิษย์ไม่กี่คนที่รับผิดชอบคุ้มกันร่างของนักพรตอวี้หยาง ส่วนลูกศิษย์ที่เหลือล้วนตามอยู่ด้านหลังพวกเขา
เมื่อเป่ยถังเย่เห็นเยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีก็ขมวดคิ้วอย่างรุนแรง “เป็นพวกเจ้าได้อย่างไร? ”
ดวงตาชั่วร้ายของเป่ยถังเฮ่อหรี่ลงครู่หนึ่ง “มาแล้วก็ดี ความแค้นที่เรือนอี๋หงในวันนั้นต้องคิดบัญชีกับพวกเจ้าทั้งสอง”
เมื่อสิ้นเสียง สัตว์เทพกิเลนก็พ่นเปลวเพลิงเหมันต์สีฟ้าออกมาใส่เป่ยถังเฮ่อจนท่วม “โฮก… ”
เดิมทีคนธรรมดาถูกพลังของเปลวเพลิงกิเลนคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย แม้แต่ต้นไม้ข้างๆ ก็ถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่าน หากไม่ใช่เพราะเป่ยถังเย่และองครักษ์สองสามคนหลบได้ทันคงโดนลูกหลงไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ไม่คาดคิดว่าเมื่อเปลวเพลิงกิเลนค่อยๆ จางหายไป เป่ยถังเฮ่อกลับค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากพื้นอีกครั้ง นอกจากคิ้วและเคราขาวหิมะของเขาจะถูกไฟไหม้ไปมากกว่าครึ่ง นอกนั้นก็ไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย
เยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีเห็นภาพนี้ด้วยตาตนเอง เมื่อร่อนลงมาบนพื้นจึงขมวดคิ้วเบาๆ
นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?
แม้แต่เปลวเพลิงกิเลนก็ทำร้ายเป่ยถังเฮ่อไม่ได้…
นึกย้อนถึงเรือนอี๋หงในวันนั้น เป่ยถังเฮ่อได้รับบาดเจ็บจากกระบี่เสวียนหยวนของเยี่ยโยวเหยาและถูกไฟคลอกที่เรือนอี๋หง เขาควรจะตายโดยไร้ร่างฝังไปนานแล้ว ทว่าวันนี้กลับยังมีชีวิตอยู่…
หรือว่าเป่ยถังเฮ่อร่างคงกระพัน?
ขณะที่เยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีกำลังคาดเดา ทันใดนั้นกลับได้ยินเป่ยถังเฮ่อเงยศีรษะหัวเราะเสียงดัง “ฮ่า ฮ่า ฮ่า… พวกเจ้าฆ่าข้าไม่ตาย บนโลกนี้ไม่มีสิ่งใดทำร้ายข้าได้… ”
พูดจบ เขาก็กระโดดขึ้นกระโจนใส่เยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีทันที
เยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีรีบเรียกกระบี่เสวียนหยวนและกระบี่เฟิ่งอวี่ออกมารับมือกับเป่ยถังเฮ่อ
ฝีมือของเป่ยถังเฮ่อแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้ ตอนอยู่ที่จวนเป่ยอี้อ๋องอย่างเห็นได้ชัด
“แม่นางพิษน้อย พวกเจ้าเกรงใจมากเกินไปแล้ว ตีรันฟันแทงไม่เรียกพี่จุนบ้าง… ” ทันใดนั้น เสียงของอู๋จุนก็ดังขึ้นมาจากระยะไกล
อู๋จุนกับตงหลิงหวงก็มาถึงแล้วเช่นกัน
เมื่อเห็นเป่ยถังเฮ่อ ทั้งสองต่างประหลาดใจ
“บัดซบ ตาเฒ่าหนังเหนียวนี่ยังไม่ตายอีกหรือ… ”
“นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่? ”
ซูจิ่นซีอาศัยช่องว่างช่วงต่อสู้อธิบาย “เขามีร่างคงกระพัน! ”
“คงกระพันอีกแล้ว? ”
ตงหลิงหวงขมวดคิ้วอย่างรุนแรง เมื่อตอนนั้น หลู่หยางอ๋องแคว้นตงเฉินก็ฝึกฝนจนมีร่างคงกระพัน ต่อสู้กับเขาต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากจนถึงขั้นสละชีวิตของมู่หรงฉี ดังนั้นตงหลิงหวงจึงรู้ดีว่าการจัดการกับร่างอมตะนั้นยากเย็นเพียงใด
ดูเหมือนเป่ยถังเฮ่อจะรู้ว่าตงหลิงหวงคิดอันใดอยู่ ตอนที่ต่อสู้จึงหันข้างมาสบตากับตงหลิงหวงและเผยท่าทางยั่วยุ
สัตว์เทพกิเลนกับจิ้งจอกเก้าสีจัดการเจี้ยนอู๋ซิน ชิวฉางเซิง เป่ยถังเย่ และพวกองครักษ์ ส่วนเป่ยถังเฮ่อมีเยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซี อู๋จุน และตงหลิงหวงจัดการ ผ่านไปหลายร้อยกระบวนท่า ทั้งสี่คนใช้กระบวนท่าวรยุทธ์ทุกรูปแบบ แม้แต่เยี่ยโยวเหยายังเรียกมังกรไฟออกมาจากกระบี่เสวียนหยวน ทว่าไม่สามารถทำร้ายเป่ยถังเฮ่อให้บาดเจ็บแม้แต่น้อย
จังหวะที่กระบี่เสวียนหยวนของเยี่ยโยวเหยาฟันผ่านหน้าอกของเป่ยถังเฮ่อ อีกฝ่ายกลับไม่มีเลือดไหลออกมาสักหยด
“ไม่ถูกต้อง… ” อู๋จุนกล่าว “สภาพของตาเฒ่าผู้นี้ไม่เหมือนคงกระพัน ทว่าเหมือนศพพิษของแคว้นไหวเจียงมากกว่า”
คำพูดของอู๋จุนเตือนความจำของซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา
โลกในตอนนี้ แม้มีร่างคงกระพันจริง ทว่าโอกาสนั้นเลือนรางมากและจำเป็นต้องฝึกฝนจนถึงระดับที่สูงมาก ทว่านั่นเป็นเพียงเรื่องเล่าขานเท่านั้น จำนวนผู้ที่สามารถฝึกฝนจนมีร่างคงกระพันนั้นนับนิ้วได้
ว่าตามการฝึกฝนของเป่ยถังเฮ่อแล้ว ยังไม่ถึงระดับขั้นนั้นแน่นอน
นอกจากการฝึกฝนจนมีร่างคงกระพันแล้ว บนโลกนี้ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้คนตายกลับมามีชีวิตอีกครั้ง นั่นก็คือวิชาฝึกศพพิษของแคว้นไหวเจียง
พูดให้ถูกก็คือ มนุษย์ถูกฝึกจนกลายเป็นศพพิษ ซึ่งไม่ใช่การฟื้นคืนชีพที่แท้จริงหรืออายุยืน ทว่าเป็นแค่หุ่นเชิด
หรือว่า… จวนเป่ยอี้อ๋องสมรู้ร่วมคิดกับแคว้นไหวเจียง?
เมื่อตระหนักได้เช่นนี้ ทุกคนต่างอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
จวนเป่ยอี้อ๋องในอาณาจักรเทียนเหอดำรงสถานะสูงส่งเช่นไร? ภายในใจของทุกคนล้วนแทนด้วยคำว่า ‘ศักดิ์สิทธิ์’ อย่างไม่เกินจริง
ทว่าตอนนี้กลับด้อยค่าตนเอง สมรู้ร่วมคิดกับคนของแคว้นไหวเจียง… ทำให้รู้สึกทอดถอนใจอย่างเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดทอดถอนใจ พวกเขาก็ตระหนักได้ถึงปัญหาที่ร้ายแรงเช่นกัน
จากประสบการณ์อันคุ้นเคย โดยทั่วไป ศพพิษของแคว้นไหวเจียงไม่มีความคิด เป็นหุ่นเชิดที่แท้จริง ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของปรมาจารย์พิษ
หากหลังจากเป่ยถังเฮ่อตายแล้วถูกฝึกเป็นศพพิษจริงๆ เช่นนั้นแค่คิดก็รู้แล้วว่า วิชาพิษของแคว้นไหวเจียงพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในระยะเวลาอันสั้น
เป่ยถังเฮ่อไม่เพียงมีรูปร่างหน้าตาเหมือนเดิมเท่านั้น ทว่ายังมีความคิดและมีความคิดเป็นของตนเองอีกด้วย นอกจากนี้ยังรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างดี
นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้วจริงๆ
นอกจากนี้ คนของแคว้นไหวเจียงยังมาที่เขาคุนหลุน เหตุการณ์เลวร้ายครั้งนี้ของสำนักกระบี่คุนหลุน ควรเป็นหายนะแห่งการฆ่าล้างสำนักอย่างไม่ต้องสงสัย