สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 34 ตอนที่ 1018 จะยอมรับได้อย่างไร?
เห็นได้ชัดว่าคำพูดหยั่งเชิงของเสวียนเจิ้นจื่อยังเป็นการยั่วยุ ซูจิ่นซีจะฟังไม่เข้าใจได้อย่างไร?
เพียงแต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นางไม่แสดงอาการใดออกมา ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
ทั้งยังถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ศิษย์น้อง เจ้าไม่เชื่อทักษะการถอนพิษของข้า หรือว่าไม่เชื่อในทักษะการแพทย์ของอวิ๋นจิ่นและอวี้เอ๋อร์?”
เสวียนเจิ้นจื่อรีบพูด “ทักษะการถอนพิษของพี่สะใภ้ ทุกคนต่างเห็นชัดเจน ไม่ต้องพูดถึงทักษะทางการแพทย์ของท่านอวิ๋นและคุณชายอวี้ เสวียนเจิ้นจื่อจะมีข้อสงสัยได้อย่างไร? เพียงแต่… ”
เสวียนเจิ้นจื่อยังไม่ทันพูดจบ ซูจิ่นซีก็ขัดจังหวะการพูดของเขา
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ตอนนี้เรื่องในสำนักก็รบกวนศิษย์น้องช่วยดูแลแล้ว”
ท่าทีของซูจิ่นซียังคงสุภาพ และเมื่อพูดมาถึงจุดนี้ เสวียนเจิ้นจื่อก็ไม่สามารถพูดอันใดได้อีก
เขาหันกลับมาและพูดว่า “พี่สะใภ้ ท่านได้รับบาดเจ็บได้อย่างไรกัน? ในอาณาจักรเทียนเหอ วรยุทธ์ของท่านนั้นไม่มีผู้ใดเทียบได้ เป็นยอดฝีมือใดกันที่สามารถทำร้ายท่านได้เช่นนี้? ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมือนพยายามนึกอันใดบางอย่าง ทว่าสุดท้ายกลับส่ายศีรษะไม่พูดอันใด
เสวียนเจิ้นจื่อคุยกับซูจิ่นซีสักพักหนึ่งแล้วก็จากไป
อาวุโสเสวียนชิงผู้นำเทียนเสวียน และผู้อาวุโสหลิงอวิ๋นผู้นำหอกระบี่ฉางเจี้ยนจากไปหลังจากเสวียนเจิ้นจื่อออกไปแล้ว
สุดท้ายในห้องก็เหลือเพียงซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่นเท่านั้น
ซูจิ่นซีพยายามลุกขึ้นจากเตียง
อวิ๋นจิ่นรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อห้ามไว้ “พระชายา พระองค์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่ควร… ”
อวิ๋นจิ่นยังพูดไม่ทันจบ ซูจิ่นซีก็แสดงท่าทางขัดขืน
ทันทีที่เคลื่อนไหว หน้าผากของซูจิ่นซีเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเฉียบ ทว่านางยังพยายามลุกจากเตียง
“อวิ๋นจิ่น ข้าอยากไปดูเยี่ยโยวเหยา เจ้าช่วยข้าได้หรือไม่? ”
นางพูดพลางพลิกฝ่ามือ และหยิบเข็มเหมันต์เทวะจากอาคมกำไลปี่อั้น
สีหน้าของอวิ๋นจิ่นพลันเปลี่ยนไป “พระชายา พระองค์ไม่อาจทำได้! ”
ซูจิ่นซีบาดเจ็บภายในอย่างสาหัส อย่าว่าแต่การลุกจากเตียงเลย เพียงลุกขึ้นนั่งบนเตียงยังเป็นเรื่องยาก
อวิ๋นจิ่นไม่เข้าใจความคิดของซูจิ่นซีได้อย่างไร?
นางต้องการใช้เข็มเหมันต์เทวะฝังเข็มผนึกจุดสำคัญ จากนั้นก็ถ่ายเทพลังภายในที่แข็งแกร่งเข้าสู่ร่างกาย เพื่อฟื้นความแข็งแกร่งของร่างกายกลับคืนมา
ด้วยวิธีนี้ แม้สามารถฟื้นฟูพละกำลังได้ชั่วคราว ทว่าสร้างความเสียหายต่อแก่นพลังของร่างกายมากเกินไป
อวิ๋นจิ่นจะทนให้นางทำได้อย่างไร?
เมื่อซูจิ่นซีเห็นอวิ๋นจิ่นไม่เคลื่อนไหวอยู่ครู่หนึ่ง จึงเริ่มใช้เข็มเหมันต์เทวะด้วยตนเอง
สีหน้าของอวิ๋นจิ่นเปลี่ยนเป็นซีดขาว เขาขบฟันแน่นและคว้าเข็มเหมันต์เทวะจากมือของซูจิ่นซี “พระชายา ให้กระหม่อมทำเถิด”
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเล็กน้อยด้วยความพอใจ และค่อยๆ หลับตาลง
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุด ซูจิ่นซีก็สามารถลุกจากเตียงและเดินเหินได้เหมือนคนปกติ นางเดินมาถึงด้านนอกห้องของเยี่ยโยวเหยา
องครักษ์ของวิหารวิญญาณรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นซูจิ่นซี ทว่าเปิดทางให้นางอย่างรวดเร็ว
ซูจิ่นซีค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องของเยี่ยโยวเหยาทีละก้าว
อวิ๋นจิ่นไม่ได้ตามเข้าไป ทว่ารออยู่ข้างนอก สายตาของเขามองด้านหลังซูจิ่นซีโดยไม่ละสายตา จนหายเข้าไปในห้องของเยี่ยโยวเหยา
เยี่ยโยวเหยาไม่ได้สติมาหนึ่งวันเต็ม เกรงว่าในใจของซูจิ่นซีคงไม่อาจสงบลงได้แม้แต่วันเดียว
วิหารวิญญาณส่งคนไปแคว้นไหวเจียงเพื่อค้นหาอสูรพิษแล้ว และสำนักแพทย์เทียนอีก็ส่งคนไปด้วย ทว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราว
ดูเหมือนว่านางต้องไปด้วยตนเองแล้ว
อวิ๋นจิ่นรู้สึกว่าในเวลานี้ ซูจิ่นซีจดจ่ออยู่กับเยี่ยโยวเหยา และคนอื่นๆ ที่เหลือต่างยุ่งกับเรื่องของตนเอง คงไม่มีผู้ใดสนใจเขา ดังนั้นเขาจึงออกจากสำนักกระบี่คุนหลุนไปอย่างเงียบงัน
กลับไม่คิดว่า ยังไม่ทันไปได้ไกลนักก็พบกับตงหลิงหวง
ใบหน้าของตงหลิงหวงดูหมดหวังและร่างกายอ่อนแอมาก หากไม่ใช่อวิ๋นจิ่นใช้พลังภายในที่แข็งแกร่งประคองนางไว้ นางแทบจะเป็นลมฟุบกับพื้น
ก่อนหน้าที่อยู่ในห้องของซูจิ่นซี ตงหลิงหวงยังสบายดี เหตุใดในเวลาเพียงสั้นๆ ร่างกายของนางจึงอ่อนแอได้ถึงเพียงนี้?
เกิดอันใดขึ้นกันแน่?
เมื่อตงหลิงหวงเห็นเป็นอวิ๋นจิ่น สีหน้าของนางก็แสดงออกด้วยความดีใจ ทว่ายืนหยัดได้ไม่นานก็หมดสติไป
อวิ๋นจิ่นพยุงนางไปนั่งที่ด้านข้างเพื่อตรวจชีพจรของนาง…
ไม่นานนัก ในที่สุดตงหลิงหวงก็ฟื้นขึ้นมา เมื่อเห็นอวิ๋นจิ่นยังคงอยู่ข้างๆ จึงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
“หมอหลวงอวิ๋น! ” เมื่อเห็นว่าแขนของตนเองยังอยู่บนโต๊ะหิน นางก็รู้ว่าอวิ๋นจิ่นตรวจชีพจรให้นาง นางยิ่งตกประหม่ามากขึ้น
“หมอ… หมอหลวงอวิ๋น ท่าน… ท่าน… ท่านตรวจชีพจรให้ข้าหรือ? ”
ใบหน้าของอวิ๋นจิ่นไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีความเมตตา และความอบอุ่นซึ่งมีไว้สำหรับซูจิ่นซีเพียงผู้เดียว น้ำเสียงของเขาราบเรียบราวกับกำลังพูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเอง
“รัชทายาทตงหลิง ท่านกำลังตั้งครรภ์! ”
ตงหลิงหวงตะลึงครู่หนึ่งแล้วรีบปฏิเสธทันที “ตั้งครรภ์? รัชทายาทอย่างข้ายังไม่อภิเษก จะตั้งครรภ์ได้อย่างไร? หมออวิ๋น ท่านคงเข้าใจผิดกระมัง เรื่องตลกเช่นนี้อย่าพูดล้อเล่น”
เห็นได้ชัดว่าตงหลิงหวงรู้เรื่องนี้ก่อนแล้ว เพียงแต่ไม่ยอมรับมัน
อวิ๋นจิ่นกังวลเกี่ยวกับเรื่องของซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา ไม่อาจชักช้ากับเรื่องอื่นมากเกินไป จึงลุกขึ้น
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ รัชทายาทตงหลิงควรรักษาสุขภาพให้มาก”
ตงหลิงหวงรีบลุกขึ้นและคว้าแขนเสื้อของอวิ๋นจิ่น “หมอหลวงอวิ๋น” อวิ๋นจิ่นชำเลืองมองไปยังมือของตงหลิงหวงที่คว้าแขนเสื้อของเขาด้วยสายตาเย็นชา จนทำให้ตงหลิงหวงที่กำลังเดินเข้าไปหาตกใจจนต้องปล่อยมือ
“รัชทายาทตงหลิงมีอันใดจะชี้แนะ? ”
ตงหลิงหวงเพียงรู้สึกว่าอวิ๋นจิ่นแปลกไปเล็กน้อย ทว่าสุดท้ายแล้ว เขาเป็นคนข้างกายของเยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซี คนข้างกายของพวกเขาทั้งสองแต่ละคนล้วนดูแปลกๆ นางจึงไม่เก็บเอามาใส่ใจมากนัก
“หมอหลวงอวิ๋น ขอร้องท่าน… ขอให้ท่านเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ! ”
อวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่พูดสิ่งใด
ตงหลิงหวงพูดต่อไป “ทารกในครรภ์… ทารกในครรภ์เป็นของมู่หรงฉี”
อวิ๋นจิ่นราวกับคาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว หรือบางทีที่เขานิ่งเงียบมาตลอด นอกจากซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาแล้ว เขาก็ไม่แยแสสิ่งอื่นใด ใบหน้าจึงไม่มีท่าทีแปลกใจ
ตงหลิงหวงพูดต่อ “สถานการณ์ระหว่างแคว้นตงเฉินและแคว้นหนานหลี หมอหลวงอวิ๋นย่อมรู้ดี สถานะของข้ากับมู่หรงฉี… พวกเราไม่อาจให้ทารกผู้นี้เติบโตในครอบครัวปกติเหมือนเด็กทั่วไปได้ นี่คือความเสียใจที่สุดของข้า ดังนั้นข้าไม่อยากให้เขาเกิดมาเพื่อถูกใช้แสวงหาผลประโยชน์
ท่านโปรดเก็บความลับนี้ไว้ด้วย อย่าให้ผู้ใดรู้ว่าข้าตั้งครรภ์ โดยเฉพาะมู่หรงฉี อย่าให้เขารู้เรื่องนี้”
อวิ๋นจิ่นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย อย่างไรเสีย หากตงหลิงหวงต้องการรับผิดชอบเรื่องนี้ไว้เพียงผู้เดียว ย่อมมีเรื่องราวต่างๆ ที่ต้องแบกรับในอนาคตอีกมาก
“รัชทายาทตงหลิงทรงไตร่ตรองเรื่องนี้ดีแล้วหรือ? ”
ตงหลิงหวงพยักหน้าโดยไม่ลังเล “รบกวนหมอหลวงอวิ๋นด้วย”
“ท่านรู้หรือไม่ เรื่องนี้สำคัญมาก ต่อไปท่านต้องแบกรับอันใดบ้าง? ”
นางไม่ได้เป็นเพียงเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงผู้เดียวของฮ่องเต้แคว้นตงเฉิน ทว่ายังเป็นรัชทายาทแห่งแคว้นตงเฉิน ในแผ่นดินนี้ การตั้งครรภ์ก่อนการแต่งงานเป็นความผิดใหญ่หลวงที่ยากจะรับได้ ทว่านางกลับต้องอุ้มทารกในครรภ์ของรัชทายาทแคว้นศัตรูอีกต่างหาก
แคว้นของนาง ประชาชนของนางจะยอมรับได้อย่างไร?
กลับไม่คิดว่า ตงหลิงหวงยังคงตอบโดยไม่ลังเล ทั้งยังแย้มยิ้มเล็กน้อย “ท่านอวิ๋นไม่ต้องกังวล ตงหลิงหวงพร้อมที่จะแบกรับทุกอย่าง”