สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 34 ตอนที่ 1019 ขอเตือนเป็นครั้งที่สอง
แม้อวิ๋นจิ่นไม่ได้ตอบว่าตกลงหรือไม่ และเดินจากไปเงียบๆ
ทว่าตงหลิงหวงรู้ว่า อวิ๋นจิ่นเป็นคนที่รักษาสัญญา และเขาไม่มีวันบอกเรื่องนี้กับบุคคลที่สาม
แม้จุดประสงค์ของหลานอวี่และคนอื่นๆ ที่เดินทางมายังเขาคุนหลุนคือการบุกสำนักกระบี่คุนหลุน ทว่าพวกเขายังรู้ว่า สำนักกระบี่คุนหลุนไม่ใช่สถานที่ที่พวกเขาสามารถโจมตีได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้น หลังจากถูกขับไล่ออกจากเขาคุนหลุนจึงรีบล่าถอยออกไป อย่างไรก็ตาม พวกเขามีกระบี่ยวี่หลง ทั้งยังทำร้ายเยี่ยโยวเหยาและผู้นำทั้งสองของสำนักกระบี่คุนหลุนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
แม้คนของแคว้นไหวเจียงจะล่าถอยอย่างรวดเร็ว ทว่าพวกเขาออกจากแคว้นเป่ยอี้ได้ไม่นานก็ถูกจิ่วหรงสกัดไว้ได้ที่ชายแดนแคว้นหนานหลี
หลานอวี่และคนอื่นๆ ไม่คาดคิดว่าจิ่วหรงจะปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาอีกครั้ง
เมื่อเผชิญหน้ากับจิ่วหรงในชุดเสื้อคลุมสีขาวราวกับเทพเซียนลงมาจุติ หลานอวี่และคนอื่นๆ ที่เหลือต่างตกตะลึงเล็กน้อย
เมื่อตั้งสติได้ หลานอวี่ก็พูดว่า “คุณชาย พวกเราพบกันอีกแล้ว”
จิ่วหรงยืนอยู่ท่ามกลางสายลมเย็นยะเยือก ลมหนาวพัดเส้นผมของเขาให้ปลิวไสวไปตามสายลม ทว่าเสื้อผ้าบนตัวของเขากลับทิ้งตัว ไร้ซึ่งรอยยับย่น
หลานอวี่และคนอื่นๆ จ้องเขาอยู่นาน ในใจอดรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้ เพียงรู้สึกว่าตนเองต่ำต้อยราวกับฝุ่นผง
“มอบตัวอสูรพิษออกมา! ”
“อิ อิ… อิ อิ อิ… ” เสียงหวาดกลัวของผู้ที่ถูกเรียกว่าอสูรพิษดังออกมา
สายตาของจิ่วหรงมองไปตามทิศทางของเสียง ราวกับเทพเซียนที่เหลียวมองลงมายังต้นหญ้า ไม่ไกลนัก มีบุรุษผู้หนึ่งสวมเสื้อสีขาวราวหิมะ
สิ่งที่แตกต่างคือ เส้นผมของบุรุษผู้นั้นขาวราวกับหิมะ แม้จะมีสีขาว ทว่าผิวพรรณกลับแดงระเรื่อราวกับชายหนุ่มวัยยี่สิบ เขาคือจิ้นอี้เฉิน ผู้ที่เคยประมือกับซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ในตำหนักใต้ดินหลังเขาสกุลจงแห่งแคว้นหนานหลี ทั้งยังเคยประมือกันอีกด้วย
เขาเหมือนกับจิ่วหรงที่สวมชุดสีขาวราวกับหิมะและมีลักษณะท่าทางไม่ธรรมดา ทว่าไม่ว่าจะพิเศษเพียงใด เมื่อยืนต่อหน้าจิ่วหรงแล้ว ลักษณะท่าทางที่ไม่ธรรมดานั้นกลับดูด้อยลงไปทันที แตกต่างกันเหมือนก้อนเมฆและดินโคลน
หลังจากอสูรพิษส่งเสียงขึ้นมาก็โผล่หัวออกมาจากแขนเสื้อ เมื่อเห็นร่างของจิ่วหรงก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว และหดตัวกลับทันที
จิ้นอี้เฉินพยักหน้าเล็กน้อยไปทางจิ่วหรง “คุณชาย! ”
จิ่วหรงไม่ตอบอันใด เขาเห็นจิ้นอี้เฉินเป็นเหมือนอากาศธาตุ จากนั้นจึงผลักพลังภายในออกไป แสงสีฟ้าเบาบางพุ่งเข้าใส่จิ้นอี้เฉินโดยตรง หลังจากนั้น เขาก็พลิกข้อมือ อสูรพิษจึงตกลงไปที่ฝ่ามือของเขา
“อิ อิ อิ… อิ อิ… อิ อิ อิ… ”
อสูรพิษส่งเสียงร้องดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง กรงเล็บทำให้เกิดรอยเปื้อนบนร่างของจิ่วหรงอย่างไม่ตั้งใจ จิ่วหรงแสดงความรังเกียจทันทีและโยนมันทิ้งไปอย่างไร้ความปรานี
อสูรพิษตกลงบนพื้น หงายท้องพลิกไปเป็นสองตลบ ไม่อาจลุกขึ้นได้อีกและหมดสติไป
จากนั้นจิ่วหรงก็พลิกมือหยิบถุงออกมา เขาจับอสูรพิษใส่ลงไปในถุงแล้วยัดไว้ในแขนเสื้อ
ตั้งแต่ต้นจนจบ การเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่องของจิ่วหรงนั้นไหลลื่นดั่งสายน้ำ ราวกับไม่มีผู้ใดอยู่ที่นั่น เขาไม่เห็นหลานอวี่และคนอื่นๆ ที่แสดงสีหน้าสับสนอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
จิ่วหรงเก็บอสูรพิษเหมือนเก็บสัตว์ชั้นต่ำตัวหนึ่งของเขาเท่านั้น จากนั้นจึงหันหลังเดินจากไป
จิ้นอี้เฉินขมวดคิ้วและเดินไปทางจิ่วหรงสองก้าว
“แต่นี้ต่อไป คุณชายตัดสินใจช่วยซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา นับเป็นศัตรูกับแคว้นไหวเจียงของข้าหรือ? ”
จิ่วหรงหยุดฝีเท้าพลางขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความรู้สึกรำคาญ ทว่าไม่ได้พูดสิ่งใด จิ้นอี้เฉินราวกับไม่คาดหวังว่าจิ่วหรงจะตอบเขา จึงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “คุณชายอย่าลืม ท่านกับแคว้นไหวเจียงของข้ามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและซับซ้อน ไม่อาจแยกจากกันได้”
จิ่วหรงไม่ได้ตอบจิ้นอี้เฉินในทันที และไม่ได้หันหลังกลับ อย่างไรก็ตาม บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนเป็นความเย็นยะเยือก ยิ่งทำให้หลานอวี่ เยี่ยเซิน และคนอื่นๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลตัวสั่นสะท้าน
ทันใดนั้น พวกเขารู้สึกเพียงว่ามีแสงสีขาวปรากฏเป็นประกายวาบผ่านตรงหน้า ทุกคนยังไม่ทันมองให้ชัดเจนว่าเกิดสิ่งใดขึ้น จิ่วหรงก็ได้มาอยู่ด้านหน้าจิ้นอี้เฉินและบีบคอเขาแล้ว
เสียงของเขาดังก้องกังวานทั่วทั้งสวรรค์และแผ่นดิน “ดูเหมือนเจ้าจะลืมว่า ข้าเคยเตือนอันใดเจ้าไป”
ใบหน้าของจิ้นอี้เฉินพลันซีดขาว ทันใดนั้น ในสมองก็นึกถึงเหตุการณ์บนหน้าผาในดินแดนต้องห้ามสกุลจงวันนั้น จิ่วหรงพูดว่า ‘หากยังกล้าแตะต้องซูจิ่นซีแม้เพียงนิด ข้าจะทำลายแคว้นนั้นทิ้ง’
ในตอนนั้น เขาไม่ทันได้สนใจคำพูดนั้นและรู้สึกเสมอว่า จิ่วหรงจะไม่ทำเรื่องร้ายแรงเช่นนั้นแน่
ทว่าในตอนนี้ เขาเห็นแววตาเย็นชาของจิ่วหรง ในที่สุดเขาก็มั่นใจว่า จิ่วหรงสามารถทำเช่นนั้นได้อย่างแน่นอน
ผิวหนังของจิ้นอี้เฉินที่ถูกบีบนั้นเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีแดง และกลายเป็นสีเขียวอมม่วง จนแทบขาดอากาศหายใจ ทว่าเขากลับพยายามพูดอย่างยากลำบากว่า “ท่าน… ท่านอย่าลืมว่า …ร่างกายของท่านยังมีสายเลือดเดียวกับข้า สังหาร… สังหารข้าแล้ว ท่านอย่าคิดจะ… ”
จิ้นอี้เฉินยังไม่ทันพูดจบ จิ่วหรงก็กระแทกหน้าอกของเขาด้วยมือเปล่าจนเขากระเด็นลอยไป
“นี่เป็นครั้งที่สองที่ข้าเตือนเจ้า หากยังมีอีกครั้ง ข้าจะไม่มีวันยกโทษให้อีก”
ทุกคนยังไม่ทันได้สติจากคำพูดของจิ้นอี้เฉิน ร่างของจิ่วหรงก็หายไปต่อหน้าทุกคนแล้ว
โดยเฉพาะหลานอวี่
สายเลือดเดียวกันคืออันใด?
เขารู้เพียงว่าจิ่วหรงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับแคว้นไหวเจียง ทว่าไม่รู้เรื่องราวความจริงที่ซับซ้อนกว่านั้นว่าเป็นอย่างไร
เรื่องเป็นอย่างไรกันแน่?
ฝ่ามือของจิ่วหรงไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใดสามารถรับได้
จิ้นอี้เฉินกระเด็นและลอยออกไป เขาอาเจียนเป็นเลือดหลายครั้งและไม่อาจลุกขึ้นได้อีก ก่อนจะเป็นลมหมดสติไปในทันที
จากอาการบาดเจ็บและพลังฝ่ามือของจิ่วหรง เกรงว่าในเวลาหนึ่งปีคงยากจะรักษาอาการบาดเจ็บให้หายดีได้ อีกทั้งวรยุทธ์คงถูกทำลายไปมากกว่าครึ่ง
เมื่อจิ่วหรงได้อสูรพิษมาแล้ว เขาไม่ได้กลับไปที่เขาคุนหลุน ทว่าไปที่เมืองซีไห่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของแคว้นหนานหลี
หลังจากเยี่ยโยวเหยาถูกพิษและหมดสติ จิ้นหนานเฟิงพาองครักษ์ยอดฝีมือของวิหารวิญญาณไล่ตามหลานอวี่และคนอื่นๆ ไปยังเมืองซีไห่ ตามหาอสูรพิษเพื่อถอนพิษให้เยี่ยโยวเหยา
ค่ำคืนที่มืดมิดและหนาวเหน็บ
ใต้ต้นไม้เก่าแก่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองซีไห่ องครักษ์เงาชุดดำคนหนึ่งซ่อนอยู่กลมกลืนกับค่ำคืนที่มืดมิด
“มีข่าวอันใดหรือไม่? ” เสียงของจิ้นหนานเฟิงเย็นชาและจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
องครักษ์เงาตอบเสียงดัง “พบร่องรอยของคนที่มาจากแคว้นไหวเจียงทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งขบวนมีสิบหกคน”
จิ้นหนานเฟิงหรี่ตาราวกับนกเหยี่ยวในค่ำคืนที่มืดมิด เสียงพูดยิ่งเย็นชามากกว่าเดิม “ไล่ตามไป”
ทันใดนั้น ในคืนมืดมิดที่อยู่เบื้องหลัง องครักษ์จำนวนหนึ่งที่ซ่อนตัวราวกับปีศาจก็ปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง
ทุกคนกำลังไล่ตามไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อองครักษ์ผู้หนึ่งที่ซ่อนตัวเหาะลงมาท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิดและพูดเสียงดังว่า “หัวหน้าจิ้น! ”
หลังจากนั้นจึงยื่นถุงผ้าสีดำให้จิ้นหนานเฟิง “นี่เป็นสิ่งที่ข้าน้อยพบที่หน้าผาอิงจุ่ยซึ่งห่างออกไปห้าลี้”
จิ้นหนานเฟิงหยิบถุงผ้าสีดำและกำลังจะเปิดถุงผ้า ทว่าองครักษ์เงากลับจับมือเขาและพูดว่า “หัวหน้าจิ้น ไม่ได้เป็นอันขาด! ”
จิ้นหนานเฟิงมององครักษ์เงาด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความสงสัย
องครักษ์เงาผู้นั้นมีสีหน้าจริงจังและระมัดระวังอย่างยิ่ง “ข้างในคืออสูรพิษ หากหัวหน้าจิ้นเปิดจนมันหนีไป คงเป็นการยากที่พวกพี่น้องเราจะตามจับมันกลับมาอีกครั้ง”
อสูรพิษ???