สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 34 ตอนที่ 1020 การรอคอยที่ยากจะทนได้
อสูรพิษ?
จิ้นหนานเฟิงมีท่าทีราวกับไม่อยากจะเชื่อ
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเขาเผยให้เห็นถึงความดีใจ และออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถอยกลับ! ”
จิ้นหนานเฟิงและคนอื่นๆ ต่างรีบนำอสูรพิษกลับไปที่เขาคุนหลุน
……
ในเวลานั้น ซูจิ่นซีเฝ้าอยู่ข้างเตียงของเยี่ยโยวเหยาตลอดทั้งคืน
มู่หรงฉี ตงหลิงหวง มู่หรงอวิ๋นไห่ จงซีจือ และคนอื่นๆ กังวลว่า เดิมทีซูจิ่นซีก็ได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว ทำเช่นนี้ยิ่งทำร้ายร่างกายของนาง จึงพยายามเกลี้ยกล่อมนาง ทว่าต่างถูกนางปฏิเสธ
ไม่ว่าพวกเขาจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร ซูจิ่นซีก็ยืนกรานที่จะเฝ้าเยี่ยโยวเหยา ไม่ยอมฟังคำทัดทานของผู้ใด
เช้าตรู่ จงซีจือยืนกรานจะดึงซูจิ่นซีกลับไปที่ห้อง โดยบอกว่าหากซูจิ่นซีไม่ฟัง นางและซูจิ่นซีจะอดทนอยู่เฝ้าด้วยกัน ซูจิ่นซีจึงยอมเชื่อฟังและตามจงซีจือกลับไปที่ห้องนอน
เมื่อทั้งสองเดินออกไป มู่หรงฉี มู่หรงอวิ๋นไห่ ตงหลิงหวง ซูอวี้ และคนอื่นๆ ยังคงอยู่ในห้อง เมื่อเห็นซูจิ่นซีออกมาแล้ว ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“พี่จิ่นซี! ” ซูอวี้กล่าวทักทายซูจิ่นซี
ซูจิ่นซียิ้มให้ทุกคนด้วยใบหน้าอ่อนแรง “ทุกคนกลับไปพักผ่อนเถิด”
พูดเสร็จก็ไม่รอช้าและเดินไปที่ห้องของตนเอง ทว่าเดินไปได้สองก้าว ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าที่รีบเร่งก็ดังตามหลังมา ตามด้วยน้ำเสียงดีใจของจิ้นหนานเฟิง “พระชายา! ”
ซูจิ่นซีหยุดและหันหลังกลับมา ดวงตาของนางมองถุงผ้าสีดำในมือของจิ้นหนานเฟิงที่เพิ่งเดินเข้าประตูมาอย่างใจเย็น
มีสารพิษในร่างกายของเยี่ยโยวเหยา ในระบบถอนพิษได้มีการเตรียมยาสมุนไพรและส่วนผสมสำหรับถอนพิษไว้อยู่แล้ว
ในเวลาเดียวกัน ระบบถอนพิษก็ส่งเสียงเตือนอย่างบ้าคลั่ง
ซูจิ่นซีเลิกคิ้วขึ้นด้วยความยินดี โดยไม่คำนึงถึงฝีเท้าที่อ่อนล้าของตนเอง และเดินไปทางจิ้นหนานเฟิงสองก้าว “พบอสูรพิษแล้วใช่หรือไม่? ”
ขณะที่พูดนั้น จิ้นหนานเฟิงก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าของซูจิ่นซี และยื่นถุงผ้าสีดำในมือให้นาง “ทูลพระชายา นี่คืออสูรพิษ กระหม่อมและคนอื่นๆ นำอสูรพิษกลับมาได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ซูจิ่นซีรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง และเอื้อมมือหยิบถุงผ้าสีดำ ทว่ามือของนางกลับสั่นสะท้าน
ไม่ต้องเปิดดู ระบบถอนพิษก็ได้วิเคราะห์ไว้แล้วว่าในถุงนั้นคืออสูรพิษอย่างไม่ต้องสงสัย
มู่หรงอวิ๋นไห่ มู่หรงฉี ตงหลิงหวง และคนอื่นๆ ต่างเดินเข้ามา แต่ละคนต่างดีใจอย่างมาก
“พบอสูรพิษแล้วจริงหรือ? ตอนนี้โยวอ๋องมีทางรอดแล้วแน่นอน”
“หาพบแล้วก็ดี หาพบแล้วก็ดี”
จงซีจือและมู่หรงอวิ๋นไห่ถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความปีติยินดี
“อวิ๋นจิ่นอยู่ที่ใด? รีบไปเชิญหมอหลวงอวิ๋นมา” ซูจิ่นซีกล่าว
องครักษ์รีบไปที่ห้องของอวิ๋นจิ่น
สีหน้าของตงหลิงหวงดูผิดปกติเล็กน้อย หลังครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงพูดกับซูจิ่นซีว่า “พระชายา ก่อนหน้านี้ข้าเห็นหมอหลวงอวิ๋นมีท่าทีเร่งรีบลงจากเขา ต้องไปหาทางช่วยพระชายาโยวอ๋อง เกรงว่าตอนนี้อาจไม่อยู่ที่สำนัก”
“จริงเหรอ? ” ซูจิ่นซีไม่ได้คิดอันใดมากและพูดว่า “ในเมื่ออวิ๋นจิ่นไม่อยู่ ก็ให้ข้าจัดการเถิด! ” นางพูดพลางหยิบถุงผ้าสีดำเดินไปที่ห้อง “อวี้เอ๋อร์ เจ้าอยู่ช่วยข้าด้วย”
“ขอรับ! ”
ทันทีที่สิ้นเสียงพูดนั้น เสียงอบอุ่นของอวิ๋นจิ่นก็ดังมาจากด้านหลัง “พระชายา”
ซูจิ่นซีหันหลังกลับไป ทุกคนต่างหันไปตามทิศทางของเสียง ผู้ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์และเสื้อผ้างดงามนั้นคืออวิ๋นจิ่น!
อวิ๋นจิ่นมาหยุดอยู่ตรงหน้าซูจิ่นซีด้วยท่าทางมีความสุขและถือถุงผ้าไว้ในมือ
“พระชายา กระหม่อมไปหาสมุนไพรบางอย่างในบริเวณใกล้เคียง แม้ไม่อาจถอนพิษในร่างของโยวอ๋องได้อย่างสมบูรณ์ ทว่ายาสมุนไพรในเขาคุนหลุนนั้นกลับมีพลังวิเศษ ซึ่งส่งผลดีต่ออาการบาดเจ็บของโยวอ๋องรวมถึงพระชายาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เขาพูดพลางเปิดถุงผ้าในมือ และนำออกมาให้ซูจิ่นซีดู
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากโดยไม่พูดสิ่งใด
อวิ๋นจิ่นเห็นซูจิ่นซีเพียงแย้มยิ้มโดยไม่พูดอันใด จึงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย “พระชายาพบสิ่งใดที่น่ายินดีหรือ? ”
ซูจิ่นซีแย้มยิ้มและยื่นถุงผ้าสีดำในมือให้อวิ๋นจิ่น “หมอหลวงอวิ๋น ท่านลองทายดูสิว่า ถุงสีดำในมือของข้าใบนี้มีสิ่งใดอยู่ด้านใน? ”
ใบหน้าของอวิ๋นจิ่นดูประหลาดใจทันที “หรือว่าจะเป็น… อสูรพิษ? ”
ซูจิ่นซีพยักหน้าด้วยความมั่นใจ
อวิ๋นจิ่นดีใจอย่างมาก “คืออสูรพิษจริงๆ หรือ? ”
“จะโกหกท่านเพื่ออันใด? จิ้นหนานเฟิงและคนอื่นๆ เพิ่งนำกลับมา”
“ดียิ่งนัก สามารถช่วยชีวิตท่านอ๋องได้แล้ว”
ซูจิ่นซีนำถุงผ้าสีดำยื่นใส่มืออวิ๋นจิ่น “รีบเข้าไปในห้องเพื่อทำการถอนพิษเถิด”
“กระหม่อมน้อมรับคำสั่ง”
อวิ๋นจิ่นเตรียมยาถอนพิษ ซูจิ่นซีก็เข้าไปช่วยด้วย ซูอวี้เดินตามไปช่วยเหลือ คนอื่นๆ คอยอยู่ด้านนอก
ทว่าเวลาค่อยๆ ผ่านไป อวิ๋นจิ่น ซูจิ่นซี และซูอวี้ ทั้งสามคนเข้าไปในห้องเป็นเวลาสี่ชั่วยามแล้ว ทว่าไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
ท้องฟ้ามืดสนิท ยามค่ำคืนอันมืดมิด
เพราะเกรงว่าจะรบกวนทั้งสามคนที่ทำการถอนพิษรักษาเยี่ยโยวเหยา จึงไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปรบกวน
จงซีจือและมู่หรงอวิ๋นไห่เงยหน้ามองเข้าไปในห้อง ในที่สุด แสงโคมไฟในห้องก็ดับลง มืดสนิทไม่เห็นอันใด
“ทำให้วิตกกังวลอย่างมาก เกิดอันใดขึ้นกันแน่? เหตุใดเข้าไปตั้งนานยังไม่มีการเคลื่อนไหว? ”
จงซีจือวิตกกังวลจนเหงื่อไหล
“ใช่แล้ว ผ่านไปสี่ชั่วยามแล้ว เวลานานถึงเพียงนี้ ร่างกายของจิ่นซีทนไม่ไหวแน่! หรือว่า… ปล่อยให้นางออกมาก่อน? ” ใบหน้าของมู่หรงอวิ๋นไห่เป็นกังวลเช่นกัน
“ไม่ได้ จะเรียกนางออกมาได้อย่างไร? ผู้ใดจะไปเรียก? หากการเตรียมยาถอนพิษหรือการรักษาโยวอ๋องอยู่ในช่วงสำคัญที่สุด เมื่อถูกรบกวนและทำให้ความพยายามก่อนหน้าต้องสูญเปล่า จะทำอย่างไร? ”
“ทว่าพวกเราอยู่ที่นี่ ทำสิ่งใดรีบร้อนก็ไม่ดี! ”
มู่หรงฉีและตงหลิงหวงไม่รู้ว่าด้านในเกิดอันใดขึ้น ทั้งสองต่างนิ่งเงียบไม่พูดสิ่งใด
มู่หรงอวิ๋นไห่พูดว่า “ฉีเอ๋อร์ เจ้าเข้าไปดูข้างในได้หรือไม่? ”
มู่หรงฉียังไม่ทันพูดอันใด ตงหลิงหวงก็รีบพูดว่า “ไม่อาจทำได้ ไม่ว่าตอนนี้ด้านในจะเป็นการปรุงยาถอนพิษหรือช่วยชีวิตคน ทุกขั้นตอนล้วนมีความสำคัญอย่างมาก เกรงว่าจะทำให้การช่วยชีวิตโยวอ๋องครั้งนี้เกิดความผิดพลาดได้”
ตงหลิงหวงจำได้ว่า ตอนที่ซูจิ่นซีกำลังทำการรักษานั้น นางไม่ชอบให้ผู้ใดรบกวนที่สุด และนางเป็นคนที่คิดวางแผนทุกอย่างด้วยความรอบคอบ ไม่มีการเคลื่อนไหวใดนั้นนับเป็นสิ่งที่ดี หากนางต้องการความช่วยเหลือ นางจะต้องส่งเสียงเรียกแน่นอน
แคว้นตงเฉินและแคว้นหนานหลีไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน มู่หรงอวิ๋นไห่ไม่เห็นดีเห็นงามกับความสัมพันธ์ของมู่หรงฉีกับตงหลิงหวง จึงเหลือบมองตงหลิงหวงด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าเคร่งขรึมไม่พูดอันใด
ตงหลิงหวงรู้สึกอึดอัดอยู่ครู่หนึ่ง
มู่หรงฉีกล่าว “เสด็จพ่อ สิ่งที่หวงเอ๋อร์กล่าวมาล้วนเป็นความจริง แม้ลูกไม่ทราบขั้นตอนในการเตรียมยาถอนพิษของจิ่นซีและหมอหลวงอวิ๋น ทว่าได้ยินจากที่จิ่นซีพูด คุณชายจิ่วเคยอยู่ที่แคว้นจงหนิง เขาได้ถ่ายทอดวิชาการหลอมยาให้แก่นางและหมอหลวงอวิ๋น สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในการหลอมยาคือการถูกรบกวนจากผู้อื่น หวงเอ๋อร์ได้ศึกษาวิชาแพทย์กับผู้อาวุโสของสำนักแพทย์เทียนอีมาหลายปี จึงเข้าใจเหตุผลเหล่านี้ดี”
มู่หรงอวิ๋นไห่ประหลาดใจเล็กน้อย “การหลอมยา? ”
มู่หรงฉีหันกลับมา “ลูกเพียงคาดเดาไปเท่านั้น”
ใบหน้าของมู่หรงอวิ๋นไห่เต็มไปด้วยความสงสัย ทว่าไม่พูดสิ่งใด
อย่างไรก็ตาม ผ่านไปอีกกว่าสองชั่วยาม ภายในห้องยังไม่มีการเคลื่อนไหว หลายคนไม่ได้รอข่าวของซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่น ทว่ารอข่าวร้าย… อีกข่าวที่กำลังจะมาถึง