สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 35 ตอนที่ 1021 การถอนพิษยิ่งยากขึ้นไปอีก
ทว่าผ่านไปอีกกว่าสองชั่วยาม ภายในห้องยังไม่มีการเคลื่อนไหว หลายคนไม่ได้รอข่าวของซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่น ทว่ารอข่าวร้าย… อีกข่าวที่กำลังจะมาถึง
จู่ๆ ชิงอวิ๋นจื่อ ศิษย์สำนักสาขาเทียนเสวียนก็เข้ามาพร้อมกับกลุ่มลูกศิษย์จำนวนหนึ่ง จากนั้นก็ล้อมเรือนไว้ทั้งหมด
“ล้อมไว้ ห้ามผู้ใดออกไป แม้แต่แมลงวันตัวเดียวก็ห้ามเล็ดลอดออกไป”
ตงหลิงหวงและคนอื่นๆ มีท่าทีสงสัยและไม่เข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่
มู่หรงฉีพูดว่า “เจ้ากำลังคิดจะทำอันใด? ”
ชิงอวิ๋นจื่อเดินวางมาดมาจากด้านหลังของลูกศิษย์ “ขออภัยฉีอ๋อง มีลูกศิษย์ในสำนักรายงานว่า วันที่เกิดเหตุการณ์ชุลมุน มีคนเห็นคุณชายจิ่วแห่งสำนักแพทย์เทียนอี ซึ่งเป็นผู้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกลุ่มคนที่มาจากแคว้นไหวเจียง และทำร้ายลูกศิษย์ในสำนักไปหลายคน พระชายาโยวอ๋องเป็นลูกศิษย์ของคุณชายจิ่ว พวกเราสงสัยว่านางก็สมรู้ร่วมคิดกับคนจากแคว้นไหวเจียงเช่นกัน”
เขาพูดพลางโบกมือ “พวกเจ้ามานี่ เข้าไปค้นในห้อง”
หลังสิ้นเสียงพูดของชิงอวิ๋นจื่อ ลูกศิษย์หลายคนรีบไปที่ห้องของซูจิ่นซีและคนอื่น
ตงหลิงหวงกระโดดขึ้นมาขวางอยู่ด้านหน้าทุกคน
“ข้าจะดูว่าผู้ใดกล้า! ”
ชิงอวิ๋นจื่อหรี่ตาเล็กน้อยมองตงหลิงหวง “รัชทายาทตงหลิง ท่านตั้งใจจะเป็นศัตรูกับสำนักกระบี่คุนหลุนอย่างเปิดเผยหรือ? ”
ตงหลิงหวงไม่ได้แสดงความอ่อนแอ ดวงตาของนางเย็นชาสุดขั้ว
“ซูจิ่นซีและหมอหลวงอวิ๋นกำลังถอนพิษให้เยี่ยโยวเหยา หากบุกเข้าไปรบกวนพวกเขา พวกเจ้ารับผิดชอบเรื่องนี้ไหวหรือ? ”
สีหน้าของเหล่าลูกศิษย์ที่กำลังจะบุกเข้าไปในห้องเปลี่ยนไป และมีท่าทางลังเลเล็กน้อย
ทว่าชิงอวิ๋นจื่อกลับหรี่ตา “ข้าตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ได้ แค่ทำตามคำสั่ง หากให้ผู้ร้ายหนีไป รัชทายาทตงหลิง ท่านจะรับผิดชอบได้หรือ? ”
“รับคำสั่งของผู้ใด? ”
คนเหล่านี้พุ่งเป้าไปที่ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาอย่างชัดเจน
สถานะของเยี่ยโยวเหยาในสำนักกระบี่คุนหลุนนั้นสูงส่งมาก ว่ากันตามเหตุผลแล้ว เวลานี้ไม่น่าจะมีผู้ใดเป็นศัตรูกับเขาได้
ตงหลิงหวงพอทราบเรื่องราวภายในสำนักกระบี่คุนหลุนมาบ้าง ทว่าไม่รู้อย่างละเอียดมากนัก ความจริงแล้ว นางก็นึกไม่ออกว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลังชิงอวิ๋นจื่อและคนอื่นๆ ในครั้งนี้
สีหน้าของชิงอวิ๋นจื่อเย่อหยิ่งโอหังอย่างมาก “ตอนนี้ไม่ว่าเรื่องใหญ่น้อยในสำนัก มีศิษย์พี่เสวียนเจิ้นจื่อเป็นคนตัดสินใจ แน่นอนว่าต้องเป็นศิษย์พี่เสวียนเจิ้นจื่อ”
เขาพูดพลางแววตาเปล่งประกายเย็นชา “รัชทายาทตงหลิง ทางที่ดีควรถอยไป นี่เป็นเรื่องภายในสำนักกระบี่คุนหลุนไม่เกี่ยวกับท่าน หากท่านยังดึงดันขัดขวาง ก็อย่าโทษข้าที่ต้องคิดบัญชีนี้ไปพร้อมกับแคว้นตงเฉิน”
สำนักกระบี่คุนหลุนมีอิทธิพลในอาณาจักรเทียนเหอไม่น้อยจึงไม่ควรมองข้าม เป็นศัตรูกับสำนักที่แข็งแกร่งอย่างสำนักกระบี่คุนหลุนไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ชิงอวิ๋นจื่อคิดว่าตนเองสามารถข่มขู่ตงหลิงหวงให้หวาดกลัวได้อย่างแน่นอน กลับไม่คิดว่าตงหลิงหวงยังคงนิ่งเฉย
ชิงอวิ๋นจื่อมุมปากกระตุก “เมื่อเป็นเช่นนี้ อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ” เขาพูดพลางโบกมือ “พวกเจ้ามานี่ ไปกับข้า จับโจรทรยศ ผู้ที่เป็นศัตรูกับสำนักกระบี่คุนหลุน ไม่ละเว้นแม้แต่คนเดียว”
ทันทีที่เขาพูดจบ สายตาของลูกศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนที่ล้อมอยู่ต่างหยุดนิ่ง จากนั้นจึงถือกระบี่ยาววิ่งปรี่เข้าไปที่ตงหลิงหวง
แม้จงซีจือจะผ่านอุปสรรคมานับไม่ถ้วน อย่างไรนางก็ยังเป็นเพียงสตรีอ่อนแอผู้หนึ่ง สถานการณ์ตรงหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ใบหน้าของนางซีดขาว จากนั้นมู่หรงอวิ๋นไห่ก็รีบเข้าไปปกป้องด้านหน้าจงซีจือ
มู่หรงฉีรีบเข้าไปปกป้องตงหลิงหวงอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เมื่อเห็นลูกศิษย์จำนวนมากของสำนักกระบี่คุนหลุนวิ่งปรี่เข้ามา แววตาหลายคนเผยความดุดัน ขณะที่กำลังจะเข้าปะทะกัน ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า น้ำเสียงที่เหมือนดั่งเทพเซียนสง่างามและไม่อาจขัดขืนพลันดังมาจากด้านหลัง “แม้แต่ข้าก็ไม่ละเว้นใช่หรือไม่? ”
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึง
ศิษย์ของสำนักกระบี่คุนหลุนหยุดกะทันหัน พวกเขาตกตะลึงแข็งทื่อราวกับรูปปั้น ใบหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นซีดขาว ขาและมือของบางคนเริ่มสั่นเทา มือจับอาวุธไม่แน่นจนทำตกลงบนพื้นดัง ‘แกร๊ง แกร๊ง’
“เอี๊ยด… ”
เสียงเปิดประตูดังมาจากด้านหลัง สายตาของทุกคนต่างมองไปทางเสียงนั้น
ประตูเปิดออก เยี่ยโยวเหยาเดินออกมาในชุดเสื้อคลุมยาวสีดำเข้ม สีหน้าเย็นชา บรรยากาศรอบตัวเขาเย็นชาสุดขีดจนหลายคนไม่กล้ามองโดยตรงและรีบก้มหน้าอย่างรวดเร็ว
จากนั้น ซูจิ่นซีก็รีบเดินตามออกมา
“เยี่ยโยวเหยา ท่านฟื้นแล้ว! ”
“ในที่สุดท่านก็ฟื้น”
ใบหน้าของมู่หรงฉีและตงหลิงหวงดูมีความสุข
ในที่สุดเยี่ยโยวเหยาก็ฟื้นขึ้น เรื่องบางอย่างก็จัดการได้ง่ายขึ้น
ทว่าเยี่ยโยวเหยาไม่ได้หันหน้าไปที่ตงหลิงหวงและมู่หรงฉี เขาส่งสายตาเย็นชาไปที่ชิงอวิ๋นจื่อซึ่งอยู่ไม่ไกลโดยไม่ได้พูดอันใด เพียงมองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เห็นเพียงจิตใจที่ไม่สงบของชิงอวิ๋นจื่อเท่านั้น มองไม่ออกว่าเยี่ยโยวเหยาหมายความว่าอย่างไรกันแน่
ไม่นานนัก เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบก็ค่อยๆ ผุดขึ้นมาบนหน้าผากของชิงอวิ๋นจื่อ
“ให้ตายเถิด ศิษย์พี่เยี่ยฟื้นได้อย่างไร? ศิษย์พี่เสวียนเจิ้นจื่อบอกว่าท่านบาดเจ็บสาหัสยากจะฟื้นได้ เป็นตายยากจะคาดเดา ไม่น่าจะหายดีรวดเร็วถึงเพียงนี้? นี่… ข้าควรทำอย่างไรดี? ”
ชิงอวิ๋นจื่อพึมพำในใจ และรีบหันหลังก้าวไปทางเยี่ยโยวเหยาสองก้าว
“ศิษย์พี่เยี่ย ท่านฟื้นแล้วหรือ? ช่างดีจริงๆ ผู้นำสำนักสาขาและศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลายเป็นห่วงท่านมาก ทุกคนจะต้องดีใจมากเมื่อพวกเขารู้ข่าวนี้”
เยี่ยโยวเหยากวาดสายตามองลูกศิษย์ที่ล้อมเรือนอยู่ ในที่สุดก็ตะโกนออกไป “เจ้ากำลังทำอันใด? ”
ชิงอวิ๋นจื่อยิ้มและพูดอย่างรวดเร็วว่า “ข้ากังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของศิษย์พี่! ทุกคนเป็นห่วงท่านมาก ดังนั้นจึงมาดูอาการท่าน แหะ แหะ มาดูอาการท่าน”
“มาดูข้าหรือ? ” เยี่ยโยวเหยาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“แหะ แหะ ถูกต้อง”
“มาดูอาการข้าต้องถือกระบี่มาด้วยหรือ? ”
สีหน้าของชิงอวิ๋นจื่อแสดงความอึดอัด เขารีบตะโกนใส่เหล่าลูกศิษย์ที่อยู่ข้างหลัง “ยังไม่รีบเก็บกระบี่อีก ทำให้ศิษย์พี่เยี่ยตกใจ”
พวกลูกศิษย์ทุกคนจึงรีบเก็บกระบี่
การแสดงออกที่เย็นชาของเยี่ยโยวเหยาไม่ได้ลดลง ชิงอวิ๋นจื่อพูดว่า “ในเมื่อศิษย์พี่ฟื้นแล้ว ข้าก็ไม่รบกวนการพักฟื้นของศิษย์พี่เยี่ย ศิษย์พี่โปรดพักผ่อนเถิด ศิษย์น้องจะรีบไปรายงานให้ผู้นำทุกท่านทราบ”
เขาพูดโดยไม่รอให้เยี่ยโยวเหยาตอบรับ และรีบออกไปพร้อมกับบรรดาลูกศิษย์ที่อยู่ในเรือน
เมื่อเห็นทุกคนเดินทางไปไกลแล้ว ตงหลิงหวงจึงพูดเสียงเย็นชาว่า “พวกสุนัขรับใช้อวดเบ่ง”
ทันทีที่สิ้นเสียงพูด สีหน้าของเยี่ยโยวเหยาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขายืนโซเซถอยหลังไปสองก้าว หากไม่ใช่เพราะซูจิ่นซีช่วยประคองอยู่ข้างหลัง เขาคงจะล้มลงกับพื้นไปแล้ว
เพียงครู่เดียว สีหน้าของเยี่ยโยวเหยาก็ซีดขาวเหมือนคนป่วย
ตงหลิงหวง มู่หรงฉี มู่หรงอวิ๋นไห่ และจงซีจือมีสีหน้าเป็นกังวล
“ถอนพิษแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้? ” มู่หรงอวิ๋นไห่ถาม
ซูจิ่นซีพูดว่า “ถอนพิษไปแล้วครึ่งหนึ่ง เขาได้ยินชิงอวิ๋นจื่อพาคนมาที่นี่ รู้ว่าพวกเขาไม่ยอมหากเขาไม่ปรากฏตัว ดังนั้นจึงยืนกรานที่จะออกมา”
ตงหลิงหวงก็เป็นผู้ที่เข้าใจวิชาแพทย์ เมื่อฟังแล้ว สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที “โยวอ๋อง ท่านเอาชีวิตของตนเองมาล้อเล่นหรือ? นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย! ”
“เกรงว่าแม้เยี่ยโยวเหยาจะเสี่ยงชีวิตเพื่อขับไล่ชิงอวิ๋นจื่อกลับไปได้แล้ว ทว่าเสวียนเจิ้นจื่อทางนั้นก็ไม่ใช่คนโง่”
ชิงอวิ๋นจื่อเทียบกับเสวียนเจิ้นจื่อไม่ได้ ดังนั้นเขาย่อมคาดเดาเรื่องราวนี้โดยไม่อาจหลีกเลี่ยง เกรงว่าเรื่องนี้จะไม่ง่ายเสียแล้ว
ทว่าตอนนี้ ซูจิ่นซีไม่ได้สนใจอันใดอีกต่อไป “ประคองเยี่ยโยวเหยาเข้าไปด้านในเถิด”
หลายคนช่วยประคองเยี่ยโยวเหยาเข้าไปในห้อง ทว่าการถอนพิษต้องหยุดชะงัก เกรงว่าตอนนี้การถอนพิษจากร่างกายของเยี่ยโยวเหยาจะยิ่งยากขึ้นกว่าเดิม