สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 35 ตอนที่ 1026 ยุแยงเปลี่ยนความคิดเสวียนชิงจื่อ
ชื่อหงเดินไปหาซูจิ่นซี นางหยุดยืนอยู่บนบันไดด้านหน้าซูจิ่นซีและกางมือออก
จากนั้นก็มองไปที่ชิงอวิ๋นจื่อและคนอื่นๆ ด้วยสายตาแน่วแน่ “ไม่ว่าอย่างไร ข้าไม่เชื่อว่าโยวเหยาและจิ่นซีจะทำเรื่องที่พวกเจ้าพูดมาทั้งหมดนี้ หากวันนี้มีผู้ใดคิดลงมือกับพวกเขา ต้องข้ามศพข้าไปก่อนเท่านั้น”
แม้ศิษย์แห่งผาอวิ๋นเสียทุกคนจะเป็นสตรี ทว่าไม่มีใครด้อยกว่าลูกศิษย์ชายคนอื่นๆ พวกเขาทั้งหมดทำตามคำสั่งของชื่อหง ยืนตรงขั้นบันไดด้านหน้าซูจิ่นซี จัดขบวนเป็นสองแถวก่อนจะเล็งอาวุธในมือชี้ไปที่ชิงอวิ๋นจื่อและคนอื่นๆ
“พวกเราทุกคนเชื่อเจ้าสำนักเยี่ยและฮูหยินเจ้าสำนัก หากใครกล้าแตะต้องพวกเขา ต้องข้ามศพพวกเราไปก่อน”
ลูกศิษย์ของผู้นำผาอวิ๋นเสียเรียกเยี่ยโยวเหยาว่าเจ้าสำนักและเรียกซูจิ่นซีว่าฮูหยินเจ้าสำนัก นี่คือชื่อของพวกเขาอย่างเป็นทางการ
ชื่อหงมองไปที่เฉาเซิง “เฉาเซิง เจ้ายังไม่เชื่อในตัวโยวเหยาอีกหรือ? ”
แสงสว่างในดวงตาของเฉาเซิงยังคงสับสนเล็กน้อย เขาเหลือบมองไปที่ชื่อหงและหันกลับมา แววตาของเขาค่อยๆ เลื่อนผ่านใบหน้าลูกศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์
ชิงอวิ๋นจื่อคว้าแขนเฉาเซิงไว้และพูดว่า
“อาจารย์อาเฉาเซิง เจ้าสำนักจากไปแล้ว เวลานี้คนในสำนักมีไม่มากพอที่จะรับผิดชอบเรื่องสำคัญเช่นนี้ ท่านอาต้องให้ความเป็นธรรมในเรื่องนี้ด้วย! ”
เฉาเซิงในฐานะผู้นำสาขาแห่งสำนักกระบี่คุนหลุนที่ไม่อาจละเลยได้ หากพวกเขาสามารถทำให้เฉาเซิงสนับสนุนได้ งานใหญ่ของชิงอวิ๋นจื่อและเสวียนเจิ้นจื่อย่อมมีโอกาสชนะมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เขาไม่คาดคิดว่าเฉาเซิงจะเหลือบมองที่นิ้วของชิงอวิ๋นจื่อ ก่อนจะดึงแขนตนเองออกจากมือของชิงอวิ๋นจื่อ และเดินไปทางชื่อหงโดยไม่ลังเล
จากนั้นลูกศิษย์ของผาเฉาหยางก็เดินตามและยืนเคียงข้างกับลูกศิษย์ของผู้นำผาอวิ๋นเสีย
“อาจารย์อาเฉาเซิง ท่านหมายความว่าอย่างไร? ” ชิงอวิ๋นจื่อไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
เฉาเซิงพูดเสียงดังว่า “ในเมื่อเรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าก็จะไม่ปิดบังอันใดอีก โยวเหยาเข้ามาในสำนักกระบี่คุนหลุนเราเมื่ออายุสิบขวบ ทุกคนต่างรู้ว่าเขามีพรสวรรค์เหนือผู้คน ร่ำเรียนวรยุทธ์สำเร็จภายในระยะเวลาเพียงสองปี เขาต้องลงจากภูเขาเมื่ออายุสิบสองปี ทว่าความจริงแล้ว ก่อนอายุสิบแปด โยวเหยายังอยู่บนเขาคุนหลุนมาตลอด”
เยี่ยโยวเหยาอยู่บนเขาคุนหลุนจนถึงอายุสิบแปดปี?
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เขาอยู่สำนักกระบี่คุนหลุนมาแปดปีเต็ม?
นี่… นี่มันเกิดอันใดขึ้น?
ทุกคนต่างตกตะลึง
ชื่อหงขมวดคิ้วและต้องการขัดขวางเฉาเซิง “เฉาเซิง… ”
ทว่าก่อนที่นางจะพูดจบก็ถูกเฉาเซิงขัดจังหวะ
“เจ้าพูดถูก โยวเหยาเป็นเด็กที่ข้าเห็นตั้งแต่ยังเล็ก แม้เขาจะคำนับท่านเจ้าสำนักเป็นศิษย์อาจารย์ แต่ความจริงแล้วเขาใช้เวลาอยู่กับข้ามากที่สุด มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับข้าอย่างมาก ทุกคนสามารถสงสัยเขาได้ ทว่าข้าทำไม่ได้ เมื่อครู่ข้าเลอะเลือนไปเอง”
“ทว่าเรื่องนี้… ”
“ตอนนี้อดีตเจ้าสำนักละสังขารแล้ว โยวเหยามีอำนาจและกลายเป็นเจ้าสำนักคนใหม่ของสำนักกระบี่คุนหลุน เรื่องนี้จึงไม่มีอันใดต้องปิดบัง”
ชื่อหงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้า “เป็นจริงอย่างที่เจ้าพูด”
ในกลุ่มคน มีบางคนที่ยอมรับไม่ได้ พวกเขาเริ่มขุ่นเคือง
“อาจารย์อาเฉาเซิง เรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่? ศิษย์พี่เยี่ยอยู่ที่คุนหลุนแปดปี ทว่าข้าเห็นเขาลงจากเขาเมื่ออายุสิบสองปี! ”
“ใช่ เรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่? ข้ากับศิษย์พี่เยี่ยอายุไล่เลี่ยกัน ข้าอยู่ที่สำนักกระบี่คุนหลุนตอนข้าอายุหกขวบ เหตุใดข้าถึงไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่สำนักมาถึงแปดปี”
“ใช่ ข้าไม่เคยเห็นเขาเลย! ”
ชิงอวิ๋นจื่อยกยิ้มเย็นชา “อาจารย์อาเฉาเซิง เรื่องนี้ท่านคงไม่ได้จงใจแต่งเรื่องขึ้นเพื่อหาทางออกแทนเยี่ยโยวเหยากระมัง? คำพูดนี้ ท่านอาพูดอยู่ฝ่ายเดียว ใครเป็นพยานได้! ”
“ใช่ ใครสามารถเป็นพยานได้? ”
“ศิษย์พี่ชิงอวิ๋นจื่อพูดถูก ใครสามารถเป็นพยานได้? ” ทุกคนต่างหันไปมองชิงอวิ๋นจื่อ ทั้งยังแสดงท่าทางปฏิเสธก่อนที่เขาจะพูดเสียอีก
ดังนั้นสิ่งที่เฉาเซิงจะพูดต่อไปจึงถูกลดทอนความน่าเชื่อถือต่อหน้าทุกคนไปพอสมควร
เฉาเซิงมีสีหน้าทุกข์ใจ แต่กลับไม่คิดว่า จู่ๆ จะปรากฏเสียงอันดังและหนักแน่นมาจากด้านนอกเรือน “ข้าเชื่อ! ”
ทุกคนต่างมองไปยังทิศทางของเสียง คนที่มาสวมชุดยาวสีเขียว นั่นคือผู้อาวุโสเสวียนชิงแห่งสำนักสาขาเทียนเสวียน
คนที่มาพร้อมกับเขาคือ หลิงอวิ๋นจากหอคัมภีร์ฉางซู ทั้งสองเดินคู่กันมา ตามด้วยลูกศิษย์ของทั้งสองสำนักสาขา เรือนพักเล็กเกินไป เหล่าลูกศิษย์ที่เหลือจึงยืนอยู่นอกเรือน
ขณะที่เสวียนชิงเดินไปยังทิศทางของเฉาเซิงและชื่อหง เขาพูดว่า “ข้าเชื่อ! คนที่ดูแลฝึกฝนโยวเหยาที่ผาเพียวเหมี่ยว นอกจากเฉาเซิงแล้วยังมีข้าอีกคน”
ผาเพียวเหมี่ยว?
ขณะที่เหล่าลูกศิษย์ได้ยินสามคำนี้ พวกเขาทั้งหมดต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจ บางคนถึงกับหวาดกลัว สีหน้าของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความกลัวราวกับว่าผาเพียวเหมี่ยวอยู่ตรงหน้าเขา
ศิษย์คนหนึ่งตะโกนออกมาว่า “ท่านอาจารย์อาเสวียนชิง ท่านกล่าวล้อเล่นกับทุกคนอยู่หรือ? ผาเพียวเหมี่ยวเป็นสถานที่เยี่ยงไร? นั่นคือสถานที่ดั่งขุมนรกที่น่าหวาดกลัวที่สุดในสำนักกระบี่คุนหลุน นกยักษ์ยังไม่สามารถบินผ่านไปได้เลย ท่านอาพูดว่าศิษย์พี่เยี่ยฝึกฝนอยู่ที่ผาเพียวเหมี่ยวมาแปดปี และท่านอากับอาจารย์อาเฉาเซิงยังดูแลเขาด้วยตนเองอีก เรื่องนี้เป็นไปได้อย่างไร? ”
“ใช่! ฝึกฝนที่ผาเพียวเหมี่ยว ข้าไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด แม้ท่านเจ้าสำนักอวี้หยางต้องการให้ศิษย์พี่เยี่ยฝึกตนบำเพ็ญเพียร ทว่าเขาคุนหลุนเรามีสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณ เหตุใดถึงเลือกผาเพียวเหมี่ยวเล่า? ”
ชิงอวิ๋นจื่อยกยิ้มมุมปาก “ท่านอาจารย์ อาหารกินมั่วซั่วได้ ทว่าคำพูดจะพูดจาเหลวไหลไม่ได้ ท่านมีสถานะสูงส่งในสำนักกระบี่คุนหลุนเรา เป็นผู้อาวุโสที่เคารพรักของลูกศิษย์ อยู่ต่อหน้าศิษย์มากมายไม่กลัวจะเป็นที่หัวเราะเยาะจากเหล่าลูกศิษย์หรือ? ”
ทันทีที่ชิงอวิ๋นจื่อพูดจบก็เกิดเสียงดัง ‘เพียะ’ เสวียนชิงจื่อตบหน้าชิงอวิ๋นจื่ออย่างดุเดือด
“เจ้าศิษย์ชั่ว เจ้าก่อความโกลาหล โทษร้ายแรงอยู่แล้ว ยังกล้าสร้างความสับสนให้ศิษย์ทุกคนอีก ยังไม่คุกเข่าอีก! ”
ชิงอวิ๋นจื่อถูกตบจนดวงตาเห็นดาว เกือบจะเป็นลม เลือดค่อยๆ ไหลออกมาจากมุมปาก เขามองไปที่เสวียนชิงโดยไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น เมื่อเห็นสีหน้าเสวียนชิงดำทะมึนก็รู้ทันทีว่าเขากำลังโกรธจัด จึงคุกเข่าลงกับพื้น
“ศิษย์ชั่ว เจ้าอยู่กับข้าตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ ข้ารู้จักนิสัยของเจ้าดี ตามความคิดของเจ้า ไม่มีทางเป็นคนต้นคิดกระทำเรื่องแบบนี้แน่ เจ้ารีบบอกมาเดี๋ยวนี้ ผู้ใดอยู่เบื้องหลังเจ้า”
เจ็ดขวบเป็นศิษย์ของเสวียนชิงจื่อ เป็นศิษย์สำนักสาขาเทียนเสวียน ทว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา อาจารย์ไม่เคยเอาใจใส่เขาเลยแม้แต่น้อย แม้แต่ผู้นำในอนาคตของสำนักสาขาเทียนเสวียนก็ยังแอบแต่งตั้งศิษย์น้องรองของเขา ชิงม่อจื่อ หากเสวียนเจิ้นจื่อไม่ได้แอบบอกเขา เขาก็ยังคงถูกปิดหูปิดตาถึงทุกวันนี้
หลายปีที่ผานมา เขาติดตามเสวียนชิงจื่อ ภายนอกเขาอาจดูโดดเด่น ทว่าจริงๆ แล้วเขาได้อันใดมาบ้าง?
ไม่มีอันใดเลย
ชิงอวิ๋นจื่อยิ่งคิดเรื่องนี้ยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้น มุมปากของเขาสั่นเทาเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นมองเสวียนชิงจื่อด้วยดวงตาแดงก่ำ
“ท่านอาจารย์ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังศิษย์ เรื่องเหล่านี้ศิษย์วางแผนและทำเพียงผู้เดียว ศิษย์กระทำทุกอย่างก็เพื่อสำนักสาขาเรา และทำเพื่อท่านอาจารย์! ”
หลังพูดจบ เขาก็เหลือบมองไปที่ประตูห้องของเยี่ยโยวเหยา เปลี่ยนหัวข้ออย่างชาญฉลาด “เยี่ยโยวเหยาสมรู้ร่วมคิดกับแคว้นไหวเจียงและก่อความวุ่นวายสำนักกระบี่คุนหลุนเรา ไม่คู่ควรเป็นเจ้าสำนักกระบี่คุนหลุน อาจารย์ทำงานหนักเพื่อสำนักมาหลายปี ทั้งบางเรื่องยังเข้าใจดีกว่าอดีตเจ้าสำนัก เห็นได้ชัดว่าอาจารย์เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้ ท่านอาจารย์ ศิษย์ทำเรื่องนี้ก็เพื่อสำนักกระบี่คุนหลุนเรา และเพื่อท่านอาจารย์! ”
ชิงอวิ๋นจื่อพูดด้วยความจริงใจ
ดึงดันใช้กำลัง เขาไม่มีทางแข็งขืนเสวียนชิงจื่อแน่นอน เขาจึงทำได้เพียงเล่นเกมจิตวิทยา
หากสามารถยุแยงเปลี่ยนแปลงความคิดของเสวียนชิงจื่อได้ จะเป็นประโยชน์มากกว่าเฉาเซิงและชื่อหง