สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 35 ตอนที่ 1027 หกปีที่ผาเพียวเหมี่ยว ผ่านอะไรมาบ้าง
คำพูดเช่นนี้ แม้จะพูดลับหลังในเวลาปกติ คนที่มีจิตใจโน้มเอียงย่อมฟังเข้าหูเป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้น ชิงอวิ๋นจื่อยังพูดคำที่ให้ร้ายและเป็นโทษผู้อื่นต่อหน้าลูกศิษย์มากมาย
เป็นจริงดั่งคาด ศิษย์หลายคนแสดงสีหน้าแปลกประหลาด
หรือว่าผู้อาวุโสเสวียนชิงมีเจตนาแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนัก?
ซ้ำยังมีลูกศิษย์บางคนถึงกับซุบซิบนินทา
“ผู้อาวุโสเสวียนชิงต้องการเป็นเจ้าสำนักด้วยหรือ? ”
“เป็นไปไม่ได้? ผู้อาวุโสเสวียนชิงไม่ใช่คนเช่นนั้น! ”
“เหตุใดถึงเป็นไปไม่ได้? เจ้าได้ยินศิษย์พี่ชิงอวิ๋นจื่อพูด เขาทำทั้งหมดนี้เพื่อผู้อาวุโสเสวียนชิง”
“ทว่าผู้อาวุโสเสวียนชิงยังไม่ยอมรับ! ”
“ต่อหน้าผู้คนมากมาย เขาย่อมไม่ยอมรับเป็นเรื่องธรรมดา! ผู้อาวุโสเสวียนชิงเป็นคนเช่นไร? เจ้าคาดเดาความคิดของเขาได้ด้วยหรือ? ”
“ข้าว่าไม่ใช่ ผู้อาวุโสเสวียนชิงภักดีต่ออดีตเจ้าสำนัก ศิษย์พี่เยี่ยก็เป็นผู้สืบทอดจากอดีตเจ้าสำนักก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ผู้อาวุโสเสวียนชิงต้องช่วยสนับสนุนศิษย์พี่เยี่ยอย่างสุดความสามารถถึงจะถูก ข้าไม่เชื่อคำพูดของศิษย์พี่ชิงอวิ๋นจื่อเด็ดขาด”
“ข้าก็ไม่เชื่อเหมือนกัน! ”
“หัวใจแยกจากท้อง ความจงรักภักดีอยู่กับอดีตเจ้าสำนัก ตอนนี้เป็นเยี่ยงไร? ตามคุณสมบัติของผู้อาวุโสเสวียนชิงในสำนักเรา เขาเต็มใจยอมแพ้ต่อศิษย์พี่เยี่ยซึ่งมีสถานะเป็นเพียงลูกศิษย์หรือ? ”
“ใช่ ข้ารู้สึกเช่นนั้น”
“หากผู้อาวุโสเสวียนชิงต้องการเป็นเจ้าสำนักจริง พวกเจ้าจะสนับสนุนผู้อาวุโสเสวียนชิงหรือศิษย์พี่เยี่ย”
“ใช่ เจ้าสนับสนุนผู้ใด? ”
“แน่นอนว่าเป็นศิษย์พี่เยี่ย เจ้ายังต้องถามอีกหรือ? ศิษย์พี่เยี่ยมีป้ายคำสั่งเจ้าสำนักอยู่ในมือ”
“ศิษย์พี่เยี่ย! ”
“ข้าก็สนับสนุนศิษย์พี่เยี่ยด้วย! ”
“พวกงี่เง่า ศิษย์พี่เยี่ยอยู่ภายนอกหลายปี รู้เรื่องงานในสำนักมากเพียงใด? ผู้อาวุโสเสวียนชิงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องในสำนัก หากเทียบกันระหว่างศิษย์พี่เยี่ยกับผู้อาวุโสเสวียนชิง ย่อมแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย! ถึงเวลานี้ จุดยืนสำคัญที่สุด หากตัดสินใจผิด ชีวิตยากลำบากแน่นอน” “ศิษย์พี่พูดถูกต้อง ข้าสนับสนุนผู้อาวุโสเสวียนชิง”
“ข้าก็สนับสนุนผู้อาวุโสเสวียนชิงด้วย”
“ข้าก็สนับสนุนผู้อาวุโสเสวียนชิงด้วย”
……
แม้เป็นเพียงเสียงพร่ำบ่น ทว่ามีคนพูดมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถระงับได้อีก เสวียนชิง ชิงอวิ๋นจื่อ ซูจิ่นซี และคนอื่นๆ ได้ยินอย่างชัดเจน
เมื่อได้ยินเสียงเรียกร้องของกลุ่มลูกศิษย์ที่หันเหเอียงไปทางเสวียนชิง สีหน้าของชิงอวิ๋นจื่อก็แสดงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
แม้เสวียนชิงจะไม่มีจิตคิดชิงตำแหน่งเจ้าสำนัก เขาก็ไม่สามารถกลบเสียงลือทั้งหลายนี้ได้!
นี่หรือคือสิ่งที่เขาเรียกว่า ‘สวมเสื้อคลุมเหลืองมงคล’ [1] ?
เมื่อทุกคนต่างพากันเรียกร้องเสนอตำแหน่งเจ้าสำนักให้เขา ไม่อยากได้คงไม่ขึ้นอยู่กับเขาแล้ว
ทางฝั่งเสวียนเจิ้นจื่อ…
ชิงอวิ๋นจื่อขมวดคิ้วครุ่นคิดหนัก เขาเหลือบมองไปทางด้านนอกประตู คิ้วยิ่งขมวดแน่นขึ้น
ตกลงกันแล้วว่าให้เขาพาคนมาก่อน เสวียนเจิ้นจื่อจะตามมาภายหลัง ทว่าจนถึงเวลานี้ เขาเผชิญหน้ากับเสวียนชิงและหลิงอวิ๋นผู้อาวุโสสองคน ยังไม่แม้แต่เงาของเสวียนเจิ้นจื่อ ใครจะรู้ว่าเขากำลังวางแผนอันใดอยู่
เขาไม่สามารถสนใจไปมากกว่านี้แล้ว ชีวิตสำคัญกว่า ควบคุมสถานการณ์ให้เรียบร้อยเสียก่อน รอจนกว่าเสวียนชิงขึ้นเป็นเจ้าสำนัก ไม่ว่าอย่างไร ชิงอวิ๋นจื่อก็เป็นศิษย์ของสำนักสาขาเทียนเสวียน เขาติดตามผู้อาวุโสเสวียนชิงเสมอมา วางยาพิษ ลอบสังหาร… อย่างน้อยชายชราผู้นี้อายุก็ปาเข้าไปเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว ถึงเวลานั้นย่อมมีโอกาสสังหารเขาอย่างไร้ร่องรอยอีกมาก
เสวียนชิงรับมือง่ายกว่าเยี่ยโยวเหยา
ขณะที่ชิงอวิ๋นจื่อกำลังครุ่นคิดอยู่ในใจ เสวียนชิงก็ถีบหน้าอกของเขาอย่างจังจนเขาลอยกระเด็นออกไปไกล
“เจ้าศิษย์ชั่ว ข้าจำเป็นต้องให้เจ้าวางแผนด้วยหรือ? ก่อความวุ่นวาย ไม่เชื่อฟังอาจารย์ เจ้ายังกล้าใช้คำพูดสร้างความสับสน หลอกลวงศิษย์คนอื่นๆ และยังดึงข้าเข้าไปเกี่ยวข้องอีก เจ้าสมควรตาย”
ชิงอวิ๋นจื่อถูกถีบกระเด็นออกไปกว่าสิบเมตร เขาล้มลงกระแทกพื้นอย่างหนัก ก่อนจะอาเจียนเป็นเลือดจนแทบจะหมดสติ
ทุกคนในที่เกิดเหตุต่างตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดว่าเสวียนชิงจะโหดร้ายกับชิงอวิ๋นจื่อได้ถึงเพียงนี้
ก่อนหน้านี้ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะสนับสนุนเสวียนชิงหรือเยี่ยโยวเหยา พวกเขาตกใจจนตัวสั่นเทา แอบถอยหลังไปสองก้าว เกรงว่าเสวียนชิงจะเดือดดาลและพาลทำร้ายพวกเขาไปด้วย
แววตาเคร่งขรึมของเสวียนชิงมองไปที่ลูกศิษย์เหล่านั้นทีละคน และพูดย้ำด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “โยวเหยาเป็นศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนเมื่อตอนอายุสิบขวบและฝึกฝนวรยุทธ์ในสำนักเป็นเวลาแปดปี ในช่วงเวลานี้ ตลอดหกปีที่เขาฝึกตนบำเพ็ญเพียรที่ผาเพียวเหมี่ยวเป็นความจริงทุกประการ”
คราวนี้ ไม่มีลูกศิษย์คนใดที่กล้าส่งเสียงอีกเลย และไม่มีใครกล้าตั้งคำถาม เพียงรอฟังคำพูดต่อไปของเสวียนชิง
เสวียนชิงพูดต่ออีกว่า “ด้วยเหตุผลหลายประการจึงไม่สามารถเปิดเผยให้ทุกคนฟังได้ในเวลานี้ โยวเหยาฝึกตนบำเพ็ญเพียรที่ผาเพียวเหมี่ยวในเวลานั้น เขาได้รับคำแนะนำสั่งสอนจากข้าและผู้อาวุโสเฉาเซิง อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขการฝึกตนบำเพ็ญเพียรที่ผาเพียวเหมี่ยวเข้มงวดแปลกประหลาด ทั้งยังเต็มไปด้วยอันตรายที่ไม่คาดคิด ข้ากับผู้อาวุโสเฉาเซิงทำได้เพียงอยู่ในถ้ำเหยียนหัวด้านล่างสุดของยอดเขาเท่านั้น ทว่าโชคดี หกปีของการฝึกบำเพ็ญเพียร โยวเหยาอดทนจนสำเร็จและเขาฝึกฝนจนเลื่อนขั้นวิชายุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว และในที่สุด เขาก็ฝึกวิชายุทธ์จิ่วเซียวได้ถึงขั้นที่สี่”
วิชายุทธ์จิ่วเซียวขั้นสี่?
เหล่าลูกศิษย์ต่างตกใจ
คุณสมบัติเพียบพร้อม มีคนไม่มากนักที่สามารถฝึกฝนวิชายุทธ์จิ่วเซียว แม้จะสามารถฝึกฝนได้ ทว่าคนส่วนใหญ่ทั้งชีวิตไม่มีวันฝึกฝนถึงขั้นที่สามได้ แม้บางคนจะฝึกฝนถึงขั้นที่สาม ทว่าก็มีน้อยมาก
เยี่ยโยวเหยาฝึกฝนวิชายุทธ์จิ่วเซียวถึงขั้นที่สี่? กล่าวคือ ในปีนั้นเขาได้ฝึกฝนวิชายุทธ์จิ่วเซียวถึงขั้นที่ห้า
ทว่าตอนนั้นเขาอายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น!
เยี่ยโยวเหยาถือได้ว่าเป็นคนแรกในอาณาจักรเทียนเหอ
เสวียนชิงพูดพลางหันศีรษะมองไปที่ห้องของเยี่ยโยวเหยา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มใจ
ในช่วงหกปีของการฝึกตนบำเพ็ญเพียรที่ผาเพียวเหมี่ยว สิ่งที่ประสบมานั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่ทุกคนได้ยิน เพราะเป็นการฝึกฝนที่หนักหนาสาหัสและไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ธรรมดาจะทนได้ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
ความยากลำบากเป็นเช่นไร มีเพียงเยี่ยโยวเหยาเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด
ผาเพียวเหมี่ยว…
ซูจิ่นซีเคยเห็นคำอธิบายที่เกี่ยวข้องขณะที่นางอ่านข้อมูลต่างๆ ในอาณาจักรเทียนเหอ ทว่าเป็นเพียงการอธิบายเล็กน้อย โดยอธิบายว่าผาเพียวเหมี่ยวเป็นสถานที่ลึกลับอย่างยิ่ง ทว่าเมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาของเหล่าลูกศิษย์ที่ได้ยินทั้งสามคำนี้ ระดับความน่าสะพรึงกลัวคงเกินจินตนาการ
เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ หัวใจของนางก็รู้สึกเป็นทุกข์ต่อเยี่ยโยวเหยา
หลังฟังคำพูดของผู้อาวุโสเสวียนชิง ลูกศิษย์หลายคนต่างมองไปที่ห้องของเยี่ยโยวเหยาด้วยความชื่นชมเล็กน้อย
“หากพูดเช่นนี้ นอกจากผู้อาวุโสเฉาเฉิงแล้ว ผู้อาวุโสเสวียนชิงก็เข้าใจศิษย์พี่เยี่ยเป็นอย่างดีด้วย? ”
“หากคำนวณตามที่ได้ยินมา ศิษย์พี่เยี่ยเพิ่งลงจากภูเขาคุนหลุนเพียงสี่ปี อีกทั้งพวกเราก็ได้ยินเรื่องราวการกระทำของที่ศิษย์พี่เยี่ยในช่วงสองปีแรกที่ลงจากภูเขาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม มีเพียงสถานการณ์ในช่วงสองปีหลังมานี้ที่พวกเราไม่ได้ข่าวคราวอันใดเลย ทว่าเวลาเพียงสองปีไม่ได้เปลี่ยนแปลงอันใดมากนัก ท่านอาจารย์อาเสวียนชิง ท่านแสดงจุดยืนที่ยุติธรรมออกมาเถิด ศิษย์ทุกคนยินดีรับฟังอาจารย์อา” มีคนตะโกนออกมา
“ใช่ ลูกศิษย์ก็ฟังท่านอาด้วย”
“ศิษย์ก็เช่นกัน!”
“ศิษย์และทุกคนก็เหมือนกัน! ”
……
แม้จะแยกแยะไม่ออกว่าถูกหรือผิด ทว่าสถานที่อย่างผาเพียวเหมี่ยวนี้ ไม่ใช่ว่าคนปกติทั่วไปจะเข้าไปอาศัยได้ ทั้งยังอยู่อาศัยเป็นเวลาหกปี และฝึกฝนวิชายุทธ์จิ่วเซียวอยู่ที่นั่นจนผ่านขั้นที่สี่อีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขเช่นไร ลูกศิษย์ที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนไม่ได้ใครทำได้แน่ เมื่อพวกเขาไม่สามารถทำได้ จึงรู้สึกชื่นชมเยี่ยโยวเหยาจากก้นบึ้งหัวใจ
ความรู้สึกชื่นชมนี้ ผลักดันให้พวกเขาอยู่ข้างเสวียนชิง
ชิงอวิ๋นจื่อเห็นสถานการณ์โน้มเอนไปในทางที่ไม่ดี จึงกัดฟันกรอดและสบถในใจ “เจ้าพวกไร้ประโยชน์”
ทว่าเขาทำได้เพียงแอบด่าในใจ ในเวลานี้เขาไม่สามารถทำอันใดได้เลยเพราะถูกเสวียนชิงกำราบ
เขาเหลือบมองไปทางประตูเรือน ทว่ายังไม่มีวี่แววของเสวียนเจิ้นจื่อ ภายในใจวิตกกังวลสุดขีด
เรื่องราวต่างๆ มาถึงจุดนี้ เสวียนเจิ้นจื่อยังไม่ปรากฏตัว บุรุษผู้นี้ต้องการจะทำอันใดกันแน่? คงไม่ใช้ให้ข้าโยนหินถามทางกระมัง ถอยกลับไปเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ดี?
ขณะที่ชิงอวิ๋นจื่อกำลังขบคิดเรื่องตนเอง ลูกศิษย์จำนวนมากก็ร้องเรียกเสวียนชิง เสียงของทุกคนดังขึ้นเรื่อยๆ
“อาจารย์อาเสวียนชิง ท่านแสดงจุดยืนที่ยุติธรรมออกมาเถิด! ลูกศิษย์ทุกคนฟังท่านอา”
“ใช่ ทุกคนฟังท่านอา! ”
“ทุกคนฟังท่านอา! ”
—————————————————
เชิงอรรถ
[1] สวมเสื้อคลุมเหลืองมงคล เป็นคำพังเพยสุภาษิตของจีน อุปมาถึงการทำรัฐประหารสำเร็จ