สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 35 ตอนที่ 1030 ทรยศเขาคุนหลุนอีกครั้ง
ในเมื่อเป็นเรื่องภายในสำนักกระบี่คุนหลุน ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะให้ซูจิ่นซีซึ่งเป็นศิษย์สำนักแพทย์เทียนอีจัดการ?
แม้เรื่องนี้จะไม่ได้แพร่งพรายออกไปจนทำให้สำนักกระบี่คุนหลุนต้องเสียชื่อเสียง ทว่าเสวียนชิงก็จะไม่สามารถมองหน้าซูจิ่นซีได้อีกเลยในอนาคต!
เสวียนชิงจึงกระชากเสียงดัง “ศิษย์สำนักสาขา จับตัวเจ้าศิษย์ชั่วคนนี้ไปขังที่คุกนรก”
“ขอรับ! ”
ลูกศิษย์จำนวนหนึ่งตอบรับคำและรีบเดินไปข้างหน้าเพื่อคุมตัวชิงอวิ๋นจื่อ
คุกนรก?
นั่นเป็นสถานที่คุมขังลูกศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนที่กระทำผิดร้ายแรง และเป็นสถานที่คุมขังชั้นต่ำที่สุด
ชิงอวิ๋นจื่อเป็นถึงศิษย์คนโตของสำนักสาขาเทียนเสวียน! ต่อให้เขาไม่ถูกคุมขังที่แท่นเฝินซิน ก็ไม่ควรจะเป็นสถานที่ดั่งคุกนรกเช่นนี้
ชิงอวิ๋นจื่อตกตะลึงอยู่ในเหตุการณ์และไม่ตอบสนอง จนกระทั่งลูกศิษย์ดึงแขนของเขาถึงได้สติกลับมา จู่ๆ เขาก็ตะโกนไปว่า “อาจารย์ ไม่ ท่านอาจารย์ ท่านปฏิบัติกับศิษย์เช่นนี้ไม่ได้ ศิษย์ผิดเรื่องอันใด? ศิษย์ทำทุกอย่างเพื่อท่านอาจารย์! ท่านอาจารย์… ท่านอาจารย์… ”
ทว่าเสวียนชิงไม่ชายตามองชิงอวิ๋นจื่อแม้แต่น้อย ปล่อยให้บรรดาลูกศิษย์ลากเขาออกไป
เดิมคิดว่าเรื่องราวจบลงด้วยดีแล้ว
อย่างไรเสีย ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาต่างก็ได้ล้างมลทินให้ตนเองเรียบร้อยแล้ว ชิงอวิ๋นจื่อผู้ก่อปัญหาก็ได้รับการจัดการแล้วเช่นกัน ทว่าสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงคือ ขณะที่ลูกศิษย์จำนวนหนึ่งลากชิงอวิ๋นจื่อไปที่ประตูเรือนห่างออกไป ทันใดนั้นก็มีเสียงยาวและแหลมดังขึ้น
“เสวียนชิง ผ่านมาหลายปี ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นเหมือนเดิม ความคิดตื้นเขิน โมโหง่าย! ”
ซูจิ่นซีคุ้นเคยกับเสียงนี้มาก นางยืนหันหลังให้กับประตูเรือน แม้นางจะไม่หันหลังกลับไป ทว่านางเดาได้ทันทีว่าคนคนนั้นเป็นใคร?
เป็นเขาได้อย่างไร?
เขามาในเวลานี้ได้อย่างไร?
หรือว่า…
ซูจิ่นซีครุ่นคิดภายในใจมากมาย ก่อนที่นางจะได้คำตอบที่แน่ชัด เสวียนชิงก็พูดออกไป พิสูจน์ให้เห็นถึงสิ่งที่นางคาดคิด
“เป่ยถังเฮ่อ? เป็นเจ้าได้อย่างไร? เจ้าเข้ามาที่สำนักกระบี่คุนหลุนของข้าได้อย่างไร? ”
ใช่!
ผู้ที่มาก็คือเป่ยถังเฮ่อ โดยมีเป่ยถังเย่ติดตามมาด้วยอีกคน ลุงกับหลานชายไม่เพียงร่วมมือกันเท่านั้น พวกเขายังมุ่งตรงเข้ามาในสำนักกระบี่คุนหลุนราวกับเป็นดินแดนที่ไม่มีผู้คน
ซูจิ่นซี เสวียนชิง และคนอื่นๆ คิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้เกือบจะพร้อมๆ กัน และหันไปมองหน้าชิงอวิ๋นจื่อ
ทว่าสายเกินไปแล้ว
องครักษ์ของเป่ยถังเฮ่อและเป่ยถังเย่จากจวนเป่ยอี้อ๋อง ได้ล้อมบรรดาลูกศิษย์ไว้ทั่วทั้งเรือนแล้ว
ความจริงแล้ว ชิงอวิ๋นจื่อก็ตกตะลึงเช่นกัน ทันทีที่เขาเห็นลุงกับหลานอย่างเป่ยถังเฮ่อและเป่ยถังเย่ เขาก็ตกใจเหมือนกับเสวียนชิงและคนอื่นๆ ทว่าเขาคาดเดาได้อย่างรวดเร็วว่าลุงกับหลานสกุลเป่ยถังเป็นคนที่เสวียนเจิ้นจื่อบอกว่าเขากำลังรอคนผู้หนึ่ง
เสวียนเจิ้นจื่อ… เจ้าสมรู้ร่วมคิดกับคนของจวนเป่ยอี้อ๋อง ทรยศต่อสำนักกระบี่คุนหลุน
เสวียนเจิ้นจื่อ เขากล้าดีอย่างไร???
แม้เขาจะสัญญากับเสวียนเจิ้นจื่อว่าจะช่วยเขาชิงตำแหน่งเจ้าสำนัก ทว่าเขาไม่คิดที่จะทรยศต่อสำนัก สมรู้ร่วมคิดกับจวนเป่ยอี้อ๋อง
ทว่าตอนนี้… เขากับเสวียนเจิ้นจื่อเป็นเหมือนตั๊กแตนที่ผูกติดอยู่กับเชือกเส้นเดียวกัน พวกเขาไม่สามารถหลบหนีได้อีกแล้ว
หากวันหนึ่งวันใดเสวียนเจิ้นจื่อล้มเหลว เขาก็คงไม่รอดแน่
ชิงอวิ๋นจื่อหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ และทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความงุนงง
จังหวะพอเหมาะพอดี เป่ยถังเฮ่อและเป่ยถังเย่เดินเข้ามาใกล้ เป่ยถังเฮ่อคว้าคอเสื้อเขาและยกขึ้นมาด้วยใบหน้าภาคภูมิใจ
เสวียนชิงพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “เป่ยถังเฮ่อ เจ้ากับหลานเพิ่งจะพ่ายแพ้พวกเราสำนักกระบี่คุนหลุนเมื่อหลายวันก่อน ตอนนี้เจ้ากล้าดีอย่างไร? ”
ใบหน้าของเป่ยถังเฮ่อเผยให้เห็นความหยิ่งผยอง “เป็นเพราะข้าแพ้ถึงได้มาอีกครั้ง… ข้ามาที่นี่เพื่อแก้แค้น! และมาที่นี่เพื่อมาคำนับสหายเก่า” หลังเป่ยถังเฮ่อพูดจบ เขาก็กวาดสายตามองไปรอบๆ “เหอะ เหอะ เกิดอันใดขึ้น? เจ้าสำนักอวี้หยางจื่อไม่อยู่แล้ว? สำนักกระบี่คุนหลุนเกิดความโกลาหล ไม่มีผู้ใดดูแลได้แล้วหรือ? ”
แม้ก่อนหน้านี้ ลูกศิษย์ทั้งหกสำนักสาขาต่างมีความเห็นไม่ลงรอยกัน ทว่าในเวลานี้ ขณะที่เผชิญหน้ากับศัตรู ทุกคนย่อมเข้าใจโดยปริยายและร่วมมือกันต่อต้านศัตรู พวกเขาชี้กระบี่ยาวไปที่ลุงหลานเป่ยถังเฮ่อและเป่ยถังเย่ รวมถึงองครักษ์จวนเป่ยอี้อ๋องที่อยู่ข้างหลังพวกเขา
กลับไม่คิดว่า สีหน้าของเป่ยถังเฮ่อยังคงเย่อหยิ่ง เหมือนไม่ได้ใส่ใจพวกเขาแม้แต่น้อย
จากนั้น สายตาของเป่ยถังเฮ่อก็เลื่อนผ่านไปที่ซูจิ่นซีและมองสำรวจอย่างละเอียด
“พระชายาโยวอ๋องก็อยู่ที่นี่! ”
“…”
“เห็นสีหน้าของพระชายาโยวอ๋อง ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่ค่อยดีนัก! ได้ยินมาว่าหลายวันก่อนได้รับบาดเจ็บจากฝีมือของราชครูแคว้นไหวเจียง ตอนนี้อาการยังไม่ดีขึ้น! ”
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึง
ซูจิ่นซีกำหมัดแน่น นางกระแอมเบาๆ และพูดสวนกลับไป “โอ้ คนที่ทำร้ายข้าคือราชครูแคว้นไหวเจียง ท่านอ๋องรองเป่ยถังแน่ใจหรือ? ”
เป่ยถังเฮ่อเชิดคอและยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ที่แท้พระชายายังไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บเจียนตายของเจ้าเป็นฝีมือผู้ใด? ฮ่า ฮ่า ฮ่า พระชายาโยวอ๋อง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? ”
ซูจิ่นซีไม่โกรธและพูดต่อไปว่า “ท่านอ๋องรองเป่ยถังคงกำลังพูดถึงราชครูกูสือซานแคว้นไหวเจียงกระมัง? ข้าเคยประมือกับเขามาแล้วหลายครั้ง ก่อนหน้านี้เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า วันนี้ไม่รู้ไปฝึกปรือวิชามารมาจากที่ใด ช่างแปลกประหลาด ทว่าไม่ได้ทำให้ข้าบาดเจ็บสาหัสแต่อย่างไร”
“กูสือซาน? ” เป่ยถังเฮ่อพูดด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย “เขานับเป็นราชครูแห่งแคว้นไหวเจียงหรือ? ”
ซูจิ่นซี ตงหลิงหวง และมู่หรงฉีต่างตกใจเล็กน้อย
ซูจิ่นซีกล่าวต่อว่า “หรือว่ายังมีราชครูคนที่สองในแคว้นไหวเจียง? ”
น่าเสียดายที่เป่ยถังเฮ่อไม่หลงกล
“พระชายาโยวอ๋อง ข้ามาในครั้งนี้ ไม่ได้มาเพื่อพูดจาไร้สาระกับเจ้า เจ้าเป็นเพียงเด็กสาวที่บาดเจ็บสาหัส ทั้งยังตั้งครรภ์อีก หากฉลาดก็ควรยืนอยู่ห่างๆ ข้าไม่อยากโต้เถียงกับเจ้า มิเช่นนั้น อย่าโทษว่าข้าไร้ความปรานี”
ซูจิ่นซีใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว นางแน่ใจในทันทีว่าราชครูแห่งแคว้นไหวเจียงที่เป่ยถังเฮ่อพูดถึงนั้น ไม่ใช่กูสือซานแน่นอน
ทว่าคนที่เขาพูดถึงคือใครกันแน่?
ทั้งยังมีคนที่นางเห็นเลือนรางก่อนหมดสติในวันนั้น…
ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้ ไม่ปล่อยให้นางได้มีเวลาครุ่นคิดมากนัก
นางคาดเดาได้เพียงว่า เสวียนเจิ้นจื่อและชิงอวิ๋นจื่อกำลังวางแผนชิงตำแหน่งเจ้าสำนัก ดังนั้นจึงออกไปแล้วกลับมาอีกครั้งเพื่อบีบบังคับให้นางคืนป้ายคำสั่งเจ้าสำนัก ก่อนจะเชิญเสวียนชิงและหลิงอวิ๋นเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเยี่ยโยวเหยา ทว่านางไม่คาดคิดว่าเสวียนเจิ้นจื่อจะกล้าสมรู้ร่วมคิดกับลุงหลานสกุลเป่ยถัง
เป่ยถังเฮ่อไม่ใช่คนธรรมดา ก่อนหน้านี้เขากล้าร่วมมือกับคนของแคว้นไหวเจียงเพื่อโจมตีสำนักกระบี่คุนหลุน เขาต้องวางแผนมาหลายปีและเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ ทว่าภายใต้สถานการณ์ที่แน่นอน กลับถูกพวกเขาเข้ามาขัดขวาง ภายในใจต้องเดือดดาลมากทีเดียว
ตามนิสัยของลุงหลานทั้งสอง หลังพ่ายแพ้กลับไปครั้งหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะกลับมาในช่วงเวลาอันสั้น พวกเขาต้องวางแผนอย่างรอบคอบอีกครั้ง และครั้งนี้ต้องมั่นใจในโอกาสที่จะชนะ
ทว่าในตอนนี้ พวกเขาไม่เพียงลงมือ ทั้งยังเข้ามาในสำนักกระบี่คุนหลุนโดยไม่มีทหารแม้แต่คนเดียว… ครั้งนี้ต้องเป็นเสวียนเจิ้นจื่อที่ทรยศสำนักกระบี่คุนหลุน
เป็นเจ้าโง่ที่ไม่รู้เวลาโง่!
ซูจิ่นซีสบถด่าเสวียนเจิ้นจื่ออย่างดุเดือดอยู่ในใจ หากบุรุษผู้นี้อยู่ตรงหน้านางในเวลานี้ ซูจิ่นซีคงแทบรอไม่ไหวที่จะหั่นมันออกเป็นแปดชิ้นแล้วโยนให้เป็นอาหารของหมาป่า
หมาป่า?
แสงสว่างแวบผ่านเข้ามาในความคิดของซูจิ่นซี ราวกับนางคิดอันใดได้บางอย่าง