สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 35 ตอนที่ 1032 อดีตเป็นเหมือนหมอกควัน เขาทำสิ่งนี้ได้อย่างไร
- Home
- สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน
- เล่มที่ 35 ตอนที่ 1032 อดีตเป็นเหมือนหมอกควัน เขาทำสิ่งนี้ได้อย่างไร
ซูจิ่นซีมองไปยังเสวียนชิงที่บังเอิญอยู่ที่ปลายเท้าของนาง นางขมวดคิ้วแน่น ดวงตาของนางมืดลงจนเกือบจะเป็นลม
“ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์… ”
“ศิษย์พี่เสวียนชิง! ”
“ศิษย์พี่เสวียนชิง… ”
เฉาเซิง หลิงอวิ๋น และลูกศิษย์สำนักสาขาเทียนเสวียนรีบกรูเข้าไปช่วยประคองเสวียนชิง ลูกศิษย์สิบกว่าคนมือถือกระบี่เข้ามาปกป้องเสวียนชิง
ในเวลานี้ มีไม่กี่คนที่สนใจซูจิ่นซี ทว่าสถานการณ์ของซูจิ่นซีไม่ค่อยดีนัก
มู่หรงฉี ตงหลิงหวง มู่หรงอวิ๋นไห่ และจงซีจือ ใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์วุ่นวายรีบเข้าไปหาซูจิ่นซี
“ซูจิ่นซี เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ”
“จิ่นซี เป็นอย่างไรบ้าง? ”
“จิ่นซี… จิ่นซี… ”
เป่ยถังเฮ่อยืนไม่ไกลนัก เขาหัวเราะ “ฮ่า ฮ่า” ด้วยท่าทีลำพองใจ “เจ้ายังไม่ออกมาอีกหรือ? ”
ทันใดนั้น สายตาของหลายคนต่างหันไปมองทางประตูเรือน เสวียนเจิ้นจื่อสวมชุดสีเขียวดำเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าจากด้านนอกเรือน
ศิษย์หลายคนเกลียดชังเขา ต่างขบเขี้ยวยิงฟัน ในมือถือกระบี่แสดงท่าทีดุดัน ทว่าไม่มีคำสั่งจากผู้อาวุโส ไม่มีใครกล้าบุกเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต
เสวียนเจิ้นจื่อเดินเข้ามาและทำความเคารพเสวียนชิง เฉาเซิง และชื่อหง
“อาจารย์อาเสวียนชิง อาจารย์อาเฉาเซิง อาจารย์อาชื่อหง”
ชื่อหงตวาดใส่เสวียนเจิ้นจื่ออย่างดุดัน “ถุย ศิษย์เนรคุณ เจ้ายังกล้ามาอีกหรือ”
เสวียนชิงได้รับบาดเจ็บสาหัส เขามองไปที่เสวียนเจิ้นจื่อด้วยสายตาซับซ้อนโดยไม่พูดอันใดสักคำ
เฉาเซิงมีท่าทางไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง “เจ้า… เจ้าเป็นศิษย์ของศิษย์พี่อวี้หยาง เหตุใด… เจ้าถึงกลายเป็นเช่นนี้? ”
เสวียนเจิ้นจื่อยกยิ้มมุมปากชั่วร้าย “ศิษย์ก็เป็นเช่นนี้มาตลอด อาจารย์อาทั้งสามรู้จักศิษย์มาจนกระทั่งวันนี้ เหตุใดถึงพูดว่าเปลี่ยนไปเล่า? ”
แม้จะหยุดพูดครู่หนึ่ง เขาก็พูดต่อโดยไม่รอทั้งสามคนพูด “ศิษย์ทำให้อาจารย์อาทั้งสามลำบากแล้ว” พูดจบ เขาก็ยกมือขึ้น “ใครก็ได้ เชิญอาจารย์อาทั้งสามไปที่หอพระสูตรเจี๋ยลวี่”
ทันทีที่เขาพูดจบ ศิษย์จำนวนหนึ่งก็รีบเข้าไปหาเฉาเซิง ชื่อหง และเสวียนชิง
เกิดเสียงกระทบกันเล็กน้อย และมีลูกศิษย์หลายคนเข้ามาปกป้องพวกเขาทั้งสามคนอีกครั้ง
ชื่อหงยืนขึ้นทันที ดวงตาของนางเย็นชาดั่งคมมีด “ข้าจะดูสิว่าใครกล้าเข้ามา! ”
เดิมที เสวียนเจิ้นจื่อมีรอยยิ้มที่นุ่มนวล ทว่าในตอนนี้มันได้สลายหายไป สีหน้าของเขาปรากฏความเย็นชา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อาจารย์ทั้งสาม ศิษย์ขอล่วงเกินแล้ว”
พูดจบ เขาก็ตะโกนไปทางกลุ่มลูกศิษย์ของตนเอง “บุกเข้าไป ใครกล้าขวางทาง สังหารไม่ละเว้น”
ทันทีที่เสียงนั้นหยุดลงก็เกิดเสียงปะทะกันดัง ชริ้ง ชริ้ง ชริ้ง ภาพการต่อสู้อันดุเดือดโกลาหลพลันปะทุขึ้น
จากนั้น องครักษ์สกุลเป่ยถังและฝูงหมาป่าหิมะก็เข้าร่วมการต่อสู้ด้วย
เสวียนเจิ้นจื่อเหลือบมองผ่านกลุ่มคน เขาเห็นซูจิ่นซีที่ร่างกายอ่อนแอจึงเดินไปทางซูจิ่นซีทีละก้าว… ทีละก้าว
ทว่าก่อนที่เขาจะเข้าใกล้ซูจิ่นซี ก็ถูกองครักษ์ของวิหารวิญญาณขวางไว้
เสวียนเจิ้นจื่อมองไปที่กระบี่ยาวในมือขององครักษ์วิหารวิญญาณ แววตาชั่วร้ายอ่อนลงเล็กน้อย
เขาพูดเสียงดังกับซูจิ่นซีว่า “พี่สะใภ้ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านควรเข้าใจเหตุการณ์ดี มอบป้ายคำสั่งเจ้าสำนักกระบี่คุนหลุนออกมาเถิด ข้า เสวียนเจิ้นจื่อจะดูแลแทนให้เอง นับเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว อย่าคิดดิ้นรนอีกเลย รีบมอบป้ายคำสั่งเจ้าสำนักกระบี่คุนหลุนออกมาโดยเร็วเถิด! ”
“…”
ซูจิ่นซีนิ่งเงียบไม่ตอบโต้ เสวียนเจิ้นจื่อพูดต่ออย่างอดทนว่า “พี่สะใภ้ ท่านตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงศิษย์พี่เยี่ย ศิษย์น้องอย่างข้าเห็นแล้วรู้สึกทุกข์ใจยิ่งนัก! …มอบป้ายคำสั่งเจ้าสำนักกระบี่คุนหลุนออกมาเถิด ข้ารับรองว่าจะหาสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณและเงียบสงบ ไม่มีสิ่งใดรบกวน เพื่อให้ท่านกับศิษย์พี่เยี่ยพักฟื้นร่างกาย ท่านทั้งสองไม่ต้องดิ้นรนอย่างยากลำบากเช่นนี้”
“…”
ซูจิ่นซีไม่ตอบโต้แม้แต่คำเดียว ทุกคนไม่รู้ว่านางกำลังครุ่นคิดอันใดอยู่
อวิ๋นจิ่นประคองซูจิ่นซีด้วยใบหน้าเศร้าหมอง ทว่าขอเพียงคนที่รู้จักเขาและสังเกตอย่างละเอียด จะพบว่าภายในดวงตาของเขาปรากฏเพลิงที่กำลังลุกโชน ดูเหมือนว่าจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
มู่หรงฉีตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง “เสวียนเจิ้นจื่อ เจ้าคิดว่าพวกข้าตายกันหมดแล้วหรือ? ”
แววตาของเสวียนเจิ้นจื่อเลื่อนมามองที่ใบหน้าของมู่หรงฉี แล้วย้ายไปที่ตงหลิงหวง จากนั้นจึงมองไปรอบๆ ทุกคนที่รายล้อมซูจิ่นซี
“เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในของสำนักกระบี่คุนหลุนเรา ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับพวกท่าน ทุกท่านลงจากเขาไปตอนนี้ ยังไม่สาย”
ตงหลิงหวงกระชากเสียงเย็นชา “หึ พวกเราขึ้นเขามาพร้อมกับโยวอ๋องและพระชายาโยวอ๋อง ย่อมต้องกลับลงไปพร้อมกัน ไม่มีเหตุผลที่จะจากไปโดยไม่มีพวกเขา”
นางพูดพลางอัญเชิญวิญญาณกระบี่ออกมาทั้งหมด
ในเวลาเดียวกัน มู่หรงฉี มู่หรงอวิ๋นไห่ และจงซีจือก็ชักอาวุธของพวกเขาออกมาเช่นกัน
แววตาของเสวียนเจิ้นจื่อเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะไม่เกรงใจแล้ว”
หลังพูดจบ เขาตะโกนบอกกับลุงหลานสกุลเป่ยถังที่อยู่ข้างหลังว่า “พวกท่านกำลังรออันใดอยู่หรือ? ”
หลังสิ้นเสียง เป่ยถังเฮ่อผนึกพลังภายในรอบตัวมาอยู่ที่ฝ่ามือ และเดินไปยังทิศทางของพวกซูจิ่นซีด้วยสีหน้าดุดัน
เป่ยถังเย่เดินตามเป่ยถังเฮ่ออยู่ด้านข้าง แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอันใดตั้งแต่ต้นจนจบ ทว่าเห็นชัดเจนว่า เขาในเวลานี้กับเป่ยถังเฮ่อเป็นฝ่ายเดียวกัน
ดวงตาของซูจิ่นซีพร่ามัวเล็กน้อย จิตใต้สำนึกของนางในบางครั้งเลือนราง บางครั้งก็ชัดเจน ทว่าท่ามกลางกลุ่มคนที่เป็นภาพเลือนรางในเงามืด นางยังคงเห็นบุรุษรูปงาม หล่อเหลา และสง่างามได้อย่างชัดเจน
นางยังจดจำได้ว่า พวกเขาพบกันครั้งแรกที่การชุมนุมแข่งขันซิ่งหลินในเมืองหลวงแคว้นหนานหลี เขาเย่อหยิ่ง และเมื่อปรากฏตัวก็ทำให้ผู้ชมตกตะลึง
หลังจากนั้น พวกเขาประมือกันในแดนภาพมายา…
เขาใช้วิชาลึกลับของสกุลเป่ยถังทำให้นางรำลึกถึงเรื่องราวสามชาติก่อนของนางกับจิ่วหรง
เขาบอกว่าวิชาลึกลับของสกุลเป่ยถังสามารถใช้ได้เพียงสามครั้งในชีวิต
และเขาได้ถือโอกาสนั้นมอบของอันล้ำค่าที่สุดให้แก่นาง
ซูจิ่นซีคิดว่าเขามีน้ำใจกับนาง ไม่ว่าอย่างไร นางก็ติดหนี้น้ำใจครั้งนั้นของเขา
ต่อมาเขายังมอบกระบี่เฟิ่งอวี่ให้นางอีก
เขาบอกว่า คนที่มีวาสนาเท่านั้นที่สามารถชักกระบี่นั้นออกจากฝักได้
ทว่านางไม่คาดคิดเลยว่า ทั้งหมดนี้เป็นแผนการของเขาในตอนนั้น และทุกอย่างอยู่ในแผนของเขา
ต้องมีความสามารถอย่างไรถึงวางแผนระยะยาวได้ถึงเพียงนี้… น่าเสียดาย ในชีวิตนี้พวกเขากลับต้องเผชิญหน้ากัน และในที่สุดก็ยืนอยู่คนละฝ่าย
อารมณ์ของซูจิ่นซีซับซ้อนสับสนอยู่ครู่หนึ่ง นางหายใจไม่ทั่วท้องจนต้องกระแอมออกมา
ลุงหลานสกุลเป่ยถังและเสวียนเจิ้นจื่อเป็นเหมือนเสือโคร่งและหมาป่า พวกเขามาถึงด้านหน้าและเริ่มลงมือกับตงหลิงหวง มู่หรงฉี และมู่หรงอวิ๋นไห่ ยังมีหมาป่าหิมะที่อยู่ด้านข้างอีกด้วย
เมื่อเห็นว่าทั้งสามคือลุงหลานสกุลเป่ยถังและเสวียนเจิ้นจื่อ ทั้งยังมีหมาป่าหิมะอีก ดวงตาของอวิ๋นจิ่นพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและดุดันมากขึ้นเรื่อยๆ สายลมสงบนิ่ง ทว่าไอสังหารรอบกายเขาแผ่ซ่านทั่วร่าง เส้นผมพลิ้วไหว เสื้อผ้าของเขาปลิวว่อน ทั่วทั้งร่างกายเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
บรรดาลูกศิษย์ที่เห็นสถานการณ์นี้ ราวกับเห็นปีศาจจากขุมนรก ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนก