สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 35 ตอนที่ 1033 บัวหิมะศักดิ์สิทธิ์
ภาพเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้แปลกสำหรับตงหลิงหวง และคนอื่นๆ ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเขาพบกับหมาป่าหิมะบริเวณหลังเขาคุนหลุนก็เคยพบเจอมาก่อนแล้ว
ซูจิ่นซีตกตะลึงเล็กน้อยเช่นกัน นางต้องการยับยั้งอวิ๋นจิ่น ทว่าอาศัยพลังของนางในตอนนี้ อวิ๋นจิ่นไม่สามารถรับรู้แม้แต่น้อย
นางไม่กล้าคิดว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร หากอวิ๋นจิ่นเปิดเผยสถานะตัวตนของเขาต่อหน้าทุกคน…
ทุกคนต่างเข้าใจดี สาเหตุที่ทำให้อวิ๋นจิ่นติดตามอยู่ข้างกายซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา นั่นเป็นเพราะเขาคืออวิ๋นจิ่น สุดท้ายแล้วระหว่างพวกเขาก็มีกระดาษบางๆ คั่นอยู่เสมอมา
หากกระดาษแผ่นนี้ถูกทำลาย หากตัวตนที่แท้จริงของเขาถูกเปิดเผย เกรงว่าจะไม่สะดวกเวลาติดตามอยู่ข้างกายพวกเขา
ซูจิ่นซีรู้ดีว่า ไม่ช้าก็เร็ว วันนั้นจะต้องมาถึง ทว่านางไม่คาดคิดว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดเช่นนี้
กระดาษแผ่นนั้นจะถูกทำลายแล้วจริงๆ หรือ?
ทว่าเหตุใด หัวใจของนางถึงรู้สึกหนักอึ้งถึงเพียงนี้?
ซูจิ่นซีตัดสินใจขัดขวางอวิ๋นจิ่น ทว่าดูเหมือนแขนนั้นจะหนักอึ้งเหมือนถ่วงด้วยตะกั่วพันชั่ง นางยกแขนขึ้นอย่างยากลำบากเพื่อจับแขนอวิ๋นจิ่นไว้ ทว่ากลับเหมือนขนนกที่ตกลงบนศิลาน้ำแข็งเย็นยะเยือก ไม่มีประโยชน์อันใดแม้แต่น้อย
ในที่สุดอวิ๋นจิ่นก็ก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว เผชิญหน้ากับเสวียนเจิ้นจื่อ เป่ยถังเฮ่อ และคนอื่นๆ …
ทว่าไม่มีผู้ใดก็คาดคิดว่า ในขณะที่อวิ๋นจิ่นก้าวไปข้างหน้าสองก้าว รอบตัวของเขาพลันปรากฏแสงสว่าง ท่ามกลางแสงสว่างนั้นมีสิ่งของโปร่งใสราวกับผลึกล้ำค่าตกลงมาจากแสงอันเจิดจ้า ทุกคนต่างตื่นตระหนก
หลังผ่านไปครู่หนึ่งจึงมีบางคนได้สติรู้สึกตัวอีกครั้ง เขาเอื้อมมือออกไปจับสิ่งของที่ตกลงมา และตกตะลึงกับการปรากฏของสิ่งนั้นทันที
ไม่นานบนพื้นก็ขาวโพลน และทุกคนต่างเห็นชัดเจนว่า แท้จริงมันคือดอกบัวที่คล้ายกับเกล็ดน้ำค้างแข็ง
ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์…
สิ่งที่ปรากฏในหัวของทุกคนคือวิหารเทพซีหวังหมู่แห่งเขาคุนหลุน… ซึ่งเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ สง่างาม และลึกลับ ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้และยิ่งไม่มีผู้ใดกล้าละเมิด
วิหารเทพซีหวังหมู่?
บรรยากาศเงียบสงบในขณะนั้น ดูเหมือนทุกเสียงพลันหยุดนิ่ง เงียบจนกระทั่ง…ไม่ได้ยินแม้แต่ลมหายใจของทุกคน เงียบจนกระทั่ง… เหมือนทุกคนจะได้ยิน… เสียงของ… บัวหิมะศักดิ์สิทธิ์ตกลงบนพื้น
“เป่ยถังเฮ่อ เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าขึ้นมาที่เขาคุนหลุน”
ท่ามกลางความเงียบ ทันใดนั้นก็ปรากฏเสียงดังขึ้นเหมือนเสียงของน้ำแข็งในลำธารบนภูเขา ทุกคนไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไร เป่ยถังเฮ่อเพิ่งได้สติตื่นจากความมึนงง เขาพลันตกตะลึง จากนั้นใบหน้าซีดขาวก็ค่อยๆ เดินหมุนตัวไปรอบๆ
เขาทอดสายตาไปยังดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เย็นยะเยือกที่ลอยลงมา มีสตรีนางหนึ่งซึ่งปิดบังใบหน้าด้วยผ้าคลุม สวมชุดสีขาวลอยลงมา
จากการปรากฏตัวของสตรีนางนั้น ยังมีสตรีอีกแปดคนที่สวมชุดสีขาวแบบเดียวกันปรากฏตามมา
หญิงสาวทั้งเก้าคนให้ความเคารพสูงสุดแด่สตรีที่ปรากฏตัวคนแรก พวกนางทั้งหมดไม่เหมือนสตรีธรรมดา
ทุกคนต่างตกตะลึงจนสติหลุดลอย และไม่สามารถเรียกสติคืนกลับมาได้ทันที ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ เป็นเวลานาน
คราแรก สีหน้าของเป่ยถังเฮ่อก็เหมือนกับคนอื่นๆ ทว่าจากนั้นไม่นาน ไม่รู้ว่าเห็นสิ่งใด สีหน้าของเขาค่อยๆ บิดเบี้ยวด้วยความหวาดกลัว
“เป่ยถังเฮ่อ เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก พบเซิ่งหนี่ว์แล้วยังไม่แสดงความเคารพอีก” เสียงของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นทันที
เซิ่งหนี่ว์???
หัวใจของทุกคนเต้นแรงและไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรดี
เซิ่งหนี่ว์ เซิ่งหนี่ว์อันใด?
บนยอดเขาคุนหลุนมีเซิ่งหนี่ว์ที่ใดกัน?
ผู้อาวุโสสำนักกระบี่คุนหลุนหลายคน ชื่อหง เฉาเซิง และหลิงอวิ๋นเป็นคนแรกที่ตอบสนองและคุกเข่าลงกับพื้น
“ชื่อหงแห่งสำนักกระบี่คุนหลุน… ”
“เฉาเซิงแห่งสำนักกระบี่คุนหลุน…”
“หลิงอวิ๋นแห่งสำนักกระบี่คุนหลุน…”
“คารวะเซิ่งหนี่ว์! ”
จากนั้นลูกศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนก็ทำตามทุกคน
ตงหลิงหวง มู่หรงฉี และคนอื่นๆ ที่รู้จักเรื่องราวของวิหารเทพซีหวังหมู่ต่างตกตะลึง และมองสตรีที่สวมผ้าคลุมสีขาวปกปิดใบหน้าด้วยความสงสัย
บรรยากาศเย็นยะเยือกรอบตัวของอวิ๋นจิ่นค่อยๆ จางหายไป
สตรีชุดขาวที่เพิ่งตะโกนออกไปนั้นเห็นเป่ยถังเฮ่อยังคงยืนนิ่งไม่ตอบสนอง จึงพูดเสียงดังอีกครั้ง “เป่ยถังเฮ่อ เจ้าไม่เห็นวิหารเทพซีหวังหมู่อยู่ในสายตาแล้วหรือ? ”
เหมือนเป่ยถังเฮ่อจะตอบสนองโดยการค่อยๆ คุกเข่าลงกับพื้นทันทีและไม่พูดตอบสิ่งใด จากนั้นองครักษ์ของจวนเป่ยอี้อ๋องก็คุกเข่าลงกับพื้นด้วยเช่นกัน
ในเวลานั้น สตรีชุดขาวผู้นั้นมองซูจิ่นซีตั้งแต่หัวจรดเท้า นางไม่มองผู้อื่นแม้แต่น้อย ก่อนจะเดินตรงไปหาซูจิ่นซี
ทว่าเมื่อนางอยู่ห่างจากซูจิ่นซีเพียงสองก้าว ร่างสองร่าง หนึ่งสีแดงและหนึ่งสีเหลืองพลันเปล่งประกายและปรากฏขึ้นข้างๆ ซูจิ่นซี
นั่นคืออู๋จุนและถังเสวี่ยที่ไม่ได้ปรากฏตัวมาเป็นเวลานาน
เมื่อเห็นซูจิ่นซี อู๋จุนขมวดคิ้วอย่างแรง พลางพูดด้วยสีหน้าห่วงใย “แม่นางพิษน้อย สถานการณ์คับขันเช่นนี้ได้อย่างไร? แม่นางพิษน้อย… ”
ใบหน้าของถังเสวี่ยเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความทุกข์ใจ “ซูจิ่นซี เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ซูจิ่นซี เจ้าได้ยินพวกเราพูดหรือไม่? ”
ในตอนนี้ ซูจิ่นซีพึ่งร่างกายของอวิ๋นจิ่นอย่างสมบูรณ์ นางดูอ่อนแอมาก ไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตาย สีหน้าของถังเสวี่ยตกใจจนซีดขาวเล็กน้อย นางรีบจับมือของสตรีชุดขาว
“หลานเยวี่ยหลี รีบช่วยซูจิ่นซี ช่วยซูจิ่นซีด้วยเถิด! ”
หลานเยวี่ยหลี?
ความจริง ตงหลิงหวงและคนอื่นๆ ต่างคาดเดาอยู่ในใจก่อนแล้ว คำพูดของถังเสวี่ยเท่ากับสรุปสิ่งที่พวกเขาคิดอยู่ในใจ
ถูกต้อง ก่อนหน้านี้หลานเยวี่ยหลีเคยสืบทอดจิตวิญญาณเทพซีหวังหมู่ที่วิหารเทพ และพิทักษ์วิหารเทพซีหวังหมู่
หากเซิ่งหนี่ว์ไม่ใช่นาง แล้วจะเป็นผู้ใดได้อีก?
ทว่าแววตาของเป่ยถังหลีมองซูจิ่นซีด้วยสายตาเรียบเฉยและไม่ได้เคลื่อนไหวครู่หนึ่ง
ถังเสวี่ยรู้สึกกังวลเล็กน้อย “หลานเยวี่ยหลี เจ้ายังคิดอันใดอีก? รีบลงมือเถิด หากยังไม่ลงมือ ซูจิ่นซีจะต้องตายแน่”
จากนั้นตงหลิงหวงจึงพูดว่า “แม่นางเยวี่ยหลี ในเมื่อท่านมาแล้ว รีบดูอาการซูจิ่นซีเถิด นางบาดเจ็บสาหัสและใช้พลังภายในมากเกินไปครั้งแล้วครั้งเล่า เกรงว่าร่างกายไม่อาจทนได้อีกแล้ว”
ทว่าเป่ยถังหลียังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ เหมือนกำลังมองซูจิ่นซีอย่างละเอียด
อู๋จุนพูดว่า “หลานเยวี่ยหลี ข้ารู้ว่าเจ้าลืมทุกอย่างแล้ว ทว่าเขาเป็นแม่นางพิษน้อย แม่นางพิษน้อย เจ้าคงจำได้ใช่หรือไม่? หากเจ้าลืมนางคงใจร้ายเกินไปแล้ว”
หลานเยวี่ยหลีลืมเรื่องราวทุกอย่างอีกครั้ง?
ทุกคนต่างตกตะลึง ควรทำอย่างไรดี?
นางจำซูจิ่นซีไม่ได้ หากไม่ยอมรักษาซูจิ่นซีแล้วจะทำอย่างไร?
ขณะที่ทุกคนต่างกังวลใจ ทันใดนั้นหลานเยวี่ยหลีก็ก้าวไปทางซูจิ่นซี นางค่อยๆ ยกมือขึ้น ปรากฏดอกบัวค่อยๆ เติบโตขึ้นบนฝ่ามือ นางพลิกฝ่ามือวางบนหน้าอกของซูจิ่นซีและค่อยๆ ผลักดอกบัวเข้าสู่ร่างกายของซูจิ่นซี
ทุกคนมองอย่างตกตะลึง ไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงอันใดออกมา
เมื่อดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่ร่างกาย รอบๆ ตัวของซูจิ่นซีพลันปรากฏชั้นของน้ำค้างแข็งที่ก่อตัวขึ้น ขณะที่หลานเยวี่ยหลีเก็บฝ่ามือ บนฝ่ามือก็ปรากฏดอกบัวที่เย็นยะเยือกอีกดอกหนึ่ง จากนั้นหลานเยวี่ยหลีก็ค่อยๆ ผลักมันเข้าสู่ข้อมือของซูจิ่นซี
หลังการกระทำต่างๆ เสร็จสิ้น น้ำค้างแข็งบนร่างของซูจิ่นซีก็ค่อยๆ ละลาย เหมือนกับคราบเหงื่อเกาะติดกับร่างของนาง แม้แต่เสื้อผ้าของนางยังเปียกโชก
ทว่าซูจิ่นซียังคงไม่ได้สติ นางหลับตาสนิท อู๋จุนเป็นกังวลอย่างมาก “หลานเยวี่ยหลี แม่นางพิษน้อยเป็นอย่างไรบ้าง? “