สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 35 ตอนที่ 1035 หนึ่งบุปผา หนึ่งใต้หล้า และหนึ่งใบไม้แทนถึงทุกสรรพสิ่ง
- Home
- สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน
- เล่มที่ 35 ตอนที่ 1035 หนึ่งบุปผา หนึ่งใต้หล้า และหนึ่งใบไม้แทนถึงทุกสรรพสิ่ง
ตงหลิงหวง มู่หรงฉี และคนอื่นๆ ก็ตกใจเช่นเดียวกัน พวกเขารู้ดีว่าวรยุทธ์ของหลานเยวี่ยหลีไม่ดีนัก เกรงว่าจะไม่สามารถจัดการกับยอดฝีมืออย่างเป่ยถังเฮ่อได้
สายตาของทุกคนต่างเป็นกังวล
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเห็นว่ากระบี่ยาวในมือของเป่ยถังเฮ่ออยู่ห่างจากหลานเยวี่ยหลีเพียงหนึ่งก้าว ทว่าหลานเยวี่ยหลียังยืนอยู่ที่เดิม มั่นคงและสงบนิ่ง สีหน้าของพวกเขาถึงกับตกตะลึงสุดขีด
แม้พวกเขาจะรู้ว่าตอนนี้สายเกินไปที่จะเข้าไปขวางเป่ยถังเฮ่อ ทว่าพวกเขาทั้งสองยังเหาะไปทางหลานเยวี่ยหลีพร้อมกัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดก็คือ ขณะที่กระบี่ยาวในมือของเป่ยถังเฮ่ออยู่ห่างจากใบหน้าของหลานเยวี่ยหลีเพียงหนึ่งชุ่น ทันใดนั้น ร่างของหลานเยวี่ยหลีก็เปล่งแสงสว่างเหมือนแสงจันทร์ แม้แสงนั้นจะนุ่มนวล ทว่าทรงพลังอย่างมาก
ได้ยินเพียงเสียง ‘แกร้ง’ กระบี่ยาวในมือของเป่ยถังเฮ่อแตกออกเป็นหลายชิ้น
จากนั้นร่างเป่ยถังเฮ่อก็กระเด็นลอยออกไป ล้มลงกับพื้นอย่างแรง
ทันทีหลังจากนั้น องครักษ์เดนตายของสกุลเป่ยถังที่โจมตีนางฟ้าชุดขาวทั้งแปดคนก็ลอยกระเด็นออกไปในลักษณะเดียวกัน ทุกคนตกกระแทกกับพื้นและอาเจียนเป็นเลือด หมดสติทันที ไม่สามารถลุกขึ้นได้อีกเลย
ตงหลิงหวงและมู่หรงฉีหันกลับมาและเหาะลงบนพื้นอย่างมั่นคง พวกเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก พลางมองไปที่หลานเยวี่ยหลีด้วยความโล่งอก
แววตาตกใจของลูกศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนที่เหลือ รวมถึงเหล่าองครักษ์สกุลเป่ยถังยิ่งปรากฏความมึนงงและตกตะลึงมากยิ่งขึ้น พวกเขามองไปที่เป่ยถังหลีและนางฟ้าทั้งแปดด้วยสายที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและยำเกรง บางคนถึงกับแสดงสีหน้าตกใจกลัว
โอ้ พระเจ้า!
คนของวิหารเทพซีหวังหมู่ร้ายกาจมากจนน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
แม้ยอดฝีมืออย่างเป่ยถังเฮ่อคิดต่อต้านก็เหมือนกับเอาไข่กระทบหิน
ในชั่วพริบตา ทุกคนต่างคุกเข่าลงกับพื้นและก้มหน้าลงต่ำ ไม่กล้ามองขึ้นไปที่หลานเยวี่ยหลีและนางฟ้าทั้งแปดอีกต่อไป
“นำตัวไป! ” หลานเยวี่ยหลีกระชากเสียงเย็นชา
นางฟ้าชุดขาวสองคนเดินมาข้างหน้า ใช้พลังเสวียนชี่มัดเป่ยถังเฮ่ออย่างแน่นหนา
สีหน้าของเป่ยถังเฮ่อซีดขาวและขุ่นเคือง เขาต้องการจะพูดอันใดบางอย่าง ทว่าดวงตาที่ไม่เต็มใจคู่นั้นจ้องไปที่เป่ยถังหลีโดยไม่สามารถพูดอันใดได้
การปรากฏตัวของคนจากวิหารเทพซีหวังหมู่ เป็นสิ่งที่เสวียนเจิ้นจื่อและชิงอวิ๋นจื่อไม่คาดคิดมาก่อน หลังจากบรรดาลูกศิษย์หลายคนที่ติดตามเขามาตั้งสติได้ พวกเขาก็มองไปที่เสวียนเจิ้นจื่อด้วยสายตาขอคำแนะนำว่าควรทำอย่างไรต่อไป
แม้เสวียนเจิ้นจื่อจะรู้สึกหงุดหงิดในใจ ทว่าเขาก็เข้าใจสถานการณ์ดี เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะในการชิงป้ายคำสั่งเจ้าสำนัก เขาจึงหาจังหวะช่วงที่ทุกคนไม่ทันสังเกต ค่อยๆ แอบออกจากเรือนไป
ชิงอวิ๋นจื่อย่อมตามเสวียนเจิ้นจื่อไปด้วยเป็นธรรมดา
อย่างไรก็ตาม ไม่มีทางคาดคิดได้เลยว่า ทั้งสองคนยังไม่ทันออกจากเรือนก็เกิดเสียงดัง ‘ชริ้ง’ จู่ๆ แสงกระบี่เย็นเฉียบก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาทั้งสองคน
ทั้งสองค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง คนที่มาคือชื่อหงและเฉาเซิง
ชิงอวิ๋นจื่อตกใจจนหน้าถอดสี เขารีบอ้อนวอนขอความเมตตา “อาจารย์อาชื่อหง อาจารย์อาเฉาเซิง ไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตศิษย์ด้วย… ศิษย์ไม่ได้ตั้งใจ… ” ขณะที่พูด เขาก็ส่งสายตาโกรธเคืองไปที่เสวียนเจิ้นจื่อและพูดว่า “เสวียนเจิ้นจื่อ เป็นเสวียนเจิ้นจื่อที่หลอกลวงศิษย์ เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเสวียนเจิ้นจื่อ ศิษย์… ศิษย์ทำทุกอย่างเพราะเขายุยง! ”
เสวียนเจิ้นจื่อกัดฟันกรอดและกระชากเสียงสบถด่าชิงอวิ๋นจื่อ “เจ้าพวกไร้ประโยชน์! ” จากนั้นจึงกำกระบี่ยาวไว้ในมือเพื่อต่อสู้กับชื่อหงและเฉาเซิง ทว่าก่อนที่กระบี่ในมือของเขาจะเหวี่ยงออกไป จู่ๆ ก็มีลำแสงของพลังเสวียนชี่มัดเขาไว้ทันที
เสวียนเจิ้นจื่อจ้องนางฟ้าชุดขาวที่กำราบเขาได้อย่างง่ายดายด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ ดวงตาแทบจะทะลักออกจากเบ้า ทว่าเขาทั้งดิ้นรนและพูดอันใดไม่ได้แม้แต่น้อย เพราะนางฟ้าชุดขาวได้ปิดผนึกปากของเขาไว้ เขาไม่สามารถพูดอันใดได้เลย
“ศิษย์มานี่ ลากตัวไป! ” ชื่อหงยกมือขึ้น
ศิษย์สองคนรีบเดินไปข้างหน้าและคุมตัวเขาออกจากเรือน
ชื่อหงพูดเสริมว่า “พาตัวไปขังที่คุกนรก รอคำสั่งเจ้าสำนัก”
แววตาของเสวียนเจิ้นจื่อและชิงอวิ๋นจื่อเผยความกลัวและสิ้นหวัง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิตเพื่อพูดอันใดบางอย่างกับชื่อหง แม้พวกเขาจะดิ้นรนมากเพียงใด ลูกศิษย์ที่คุมตัวเขาก็ไม่ยอม พวกเขาจึงพูดอันใดไม่ได้เลย
เมื่อเห็นเสวียนเจิ้นจื่อและชิงอวิ๋นจื่อถูกคุมตัวออกไปแล้ว ลูกศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนที่ทรยศก่อความวุ่นวายครั้งนี้พร้อมกับพวกเขาทั้งหมดก็เผยท่าทางอึกอักอย่างทำอันใดไม่ถูก ชื่อหงกวาดสายตามองพวกเขาทีละคน จากนั้นจึงออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ลูกศิษย์ของสำนักสาขาเทียนเสวียน และลูกศิษย์ของผาอวิ๋นเสียฟังคำสั่ง ควบคุมตัวลูกศิษย์ทุกคนที่เข้าร่วมก่อความวุ่นวายครั้งนี้ไปยังหอพระสูตรเจี๋ยลวี่ รอให้เจ้าสำนักตัดสิน”
“รับทราบ! ”
ชั่วพริบตาเดียว ทั่วทั้งเรือนก็เกิดความวุ่นวาย
“เจ้าสำนักโปรดไว้ชีวิตด้วย เจ้าสำนักโปรดไว้ชีวิตด้วย! ”
“เจ้าสำนักโปรดไว้ชีวิตด้วย! ”
“เจ้าสำนักโปรดไว้ชีวิตด้วย! ”
ผ่านไปครู่หนึ่ง บรรดาศิษย์ที่ร่วมก่อความวุ่นวายทรยศสำนักก็ถูกคุมตัวออกไปทั้งหมด ส่วนลูกศิษย์ที่เหลือ อาจารย์อาชื่อหงพาทุกคนออกจากเรือน ภายในเรือนกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ไม่รู้ว่าฝูงหมาป่าหิมะหายไปตั้งแต่เมื่อไร ไม่ทิ้งร่องรอยไว้แม้แต่น้อย
เป่ยถังหลีเหลือบมองไปยังห้องที่ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ อยู่ จากนั้นจึงหันหลังกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย และออกคำสั่งนางฟ้าชุดขาวทั้งแปดว่า “กลับ! ”
“เจ้าค่ะ! ”
ทุกคนกำลังจะกลับ ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออกมาอย่างรวดเร็ว ซูอวี้ส่งเสียงเรียกด้วยความร้อนใจ “แม่นางเยวี่ยหลี โปรดหยุดก่อน! ”
หลานเยวี่ยหลีหยุดเดิน ทว่าไม่ได้หันหลังกลับไป
นางฟ้าชุดขาวหันหลังกลับมาถามเบาๆ ว่า “ท่านผู้นำซูมีเรื่องอันใด? ”
ซูอวี้รู้สึกประหม่าเล็กน้อย ทว่าเขาพยายามสงบสติอารมณ์ให้มากที่สุด และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นความผิดปกติ ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ชี้ไปภายในห้องและพูดว่า “แม้พี่จิ่นซีจะพ้นขีดอันตรายชั่วคราว ทว่าร่างกายของนางยังอ่อนแอมาก แม่นางเยวี่ยหลีโปรดใช้เวทมนตร์วิหารเทพช่วยชีวิตพี่สาวข้าด้วยเถิด”
เป่ยถังหลียังคงหันหลังให้ซูอวี้และไม่ตอบว่าจะช่วยหรือไม่ สถานการณ์นิ่งเงียบอีกครั้ง
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง หลานเยวี่ยหลีก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองกิ่งไม้แห้งนอกกำแพงที่มีใบไม้แห้งร่วงโรยและพูดว่า “นั่งก็สงบนิ่ง เดินก็สงบนิ่ง หนึ่งบุปผา หนึ่งใต้หล้า และหนึ่งใบไม้แทนถึงทุกสรรพสิ่ง ฤดูใบไม้ผลิดอกไม้เบ่งบาน ฤดูใบไม้ร่วงใบไม้ร่วงโรย เมื่อจิตว่างอิสระจากความยึดติด ปัญญาอันสูงสุดก็บังเกิด การเคลื่อนไหวทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ สรรพสิ่ง… ย่อมมีลิขิตของมัน”
นางพูดจบก็หยิบเห็ดหลินจือขนาดเท่าฝ่ามือยื่นให้นางฟ้าชุดขาวด้านข้าง เพื่อมอบให้ซูอวี้
“นี่คือเห็ดหลินจือวิเศษที่เติบโตบนวิหารเทพ จงให้พระชายาโยวอ๋องเสวย”
หลังพูดจบก็ไม่รั้งอยู่นาน นางหันหลังและหายตัวไปในทันที
นางฟ้าชุดขาวมอบเห็ดหลินจือวิเศษให้ซูอวี้ ทว่าเขามองไปยังจุดที่ร่างของหลานเยวี่ยหลีหายไปด้วยสีหน้าร้อนใจและลังเลที่จะพูด
นางฟ้าชุดขาวเห็นซูอวี้ไม่ได้หยิบไปเป็นเวลานาน จึงเตือนว่า “ท่านผู้นำซู รีบนำเห็ดหลินจือวิเศษไปให้พระชายาโยวอ๋องเสวยโดยเร็ว อย่ารอช้า อาจจะสายเกินไป”
ซูอวี้กลับมาได้สติทันที เขารีบรับเห็ดหลินจือวิเศษด้วยท่าทีลุกลน ทว่าเขากลับยังอ้อยอิ่งมองไปยังจุดที่หลานเยวี่ยหลียืนอยู่ก่อนหน้านี้โดยไม่ละสายตา
พยายามจดจำความรู้สึกนี้ ทว่าภาพนั้นได้หายไปแล้ว
นางฟ้าชุดขาวจากไป ซูอวี้ยืนอยู่ที่เดิมเป็นเวลานาน เขาเหมือนตกอยู่ในภวังค์ จนกระทั่งเสียงของตงหลิงหวงดังมาจากภายในตำหนัก “ไปกันหมดแล้วหรือ? ” ซูอวี้คืนสติกลับมาอีกครั้ง เขาพยายามหลบเลี่ยงใบหน้าไม่ให้ตงหลิงหวงเห็น และรีบเดินไปหาซูจิ่นซี “ทุกคนกลับหมดแล้ว! ”
ตงหลิงหวงมองไปยังลานกว้างที่ว่างเปล่าและไม่พูดอันใดมาก จากนั้นจึงเดินกลับไปที่ข้างเตียงซูจิ่นซีเช่นกัน
ซูอวี้ยื่นเห็ดหลินจือวิเศษให้กับอวิ๋นจิ่น “หมอหลวงอวิ๋น นี่คือสิ่งที่เซิ่งหนี่ว์ของวิหารเทพซีหวังหมู่มอบให้พี่จิ่นซี ท่านดูเถิด จะรับประทานอย่างไร? ”