สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 35 ตอนที่ 1036 เห็ดหลินจือวิเศษช่วยซูจิ่นซีได้หรือไม่
อวิ๋นจิ่นมองเห็ดหลินจือวิเศษด้วยแววตาลึกล้ำเล็กน้อยโดยไม่ได้หยิบมันขึ้นมา หลังผ่านไปครู่ใหญ่จึงเอ่ยเบาๆ ว่า “ใช้น้ำอุ่นละลายและดื่มเข้าไปก็ได้แล้ว”
พูดจบก็ไม่เอ่ยอันใดมาก ก่อนจะเดินออกนอกห้องไป
ซูอวี้ไม่ชักช้า เขารีบไปเตรียมน้ำอุ่นตามที่อวิ๋นจิ่นกล่าว
ตงหลิงหวงและมู่หรงฉีสบตากันเงียบๆ โดยไม่พูดอันใด
มู่หรงอวิ๋นไห่และจงซีจือตามอวิ๋นจิ่นออกนอกประตูไปเงียบๆ
อู๋จุนอึดอัดอยู่เป็นเวลานาน เขามองซูอวี้ที่กลับมาพร้อมถ้วยน้ำอุ่นแล้วเอ่ยถาม “คนแซ่อวิ๋นหมายความว่าอย่างไร? เห็ดหลินจือวิเศษที่วิหารเทพซีหวังหมู่ทิ้งไว้สามารถช่วยแม่นางพิษน้อยได้ไม่ใช่เรื่องดีหรือ? แสดงสีหน้าเหม็นๆ นั่นให้ผู้ใดดู! ”
พูดจบก็รู้สึกว้าวุ่นใจและเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “เจ้าอวี้ วิชาแพทย์ของเจ้าไม่เลว เจ้าตอบมาตามตรงว่าสถานการณ์ของแม่นางพิษน้อยเป็นอย่างไรกันแน่? เห็ดหลินจือวิเศษไร้สาระนี่ไม่มีผลอันใดเลย… หรือ? ”
ซูอวี้เหลือบมองอู๋จุนแล้วก้มหน้าโดยไม่พูดอันใด ทำเพียงเตรียมเห็ดหลินจือวิเศษให้ซูจิ่นซีเงียบๆ
อู๋จุนยิ่งกระวนกระวายมากยิ่งขึ้น เขากระโดดลงจากเตียง “ข้ารู้สึกอึดอัด ขอออกไปสูดอากาศด้านนอก”
ถังเสวี่ยคว้าอู๋จุนไว้ “ถังเป่าอวี้ ท่านจะไปที่ใด? ข้าไปด้วย! ”
อู๋จุนสะบัดมือถังเสวี่ยออกแล้วเดินตรงไปด้านนอก “ไปไกลๆ เลย ไม่ต้องตามข้ามา! ”
ถังเสวี่ยมองแผ่นหลังของอู๋จุนที่จากไปแล้วหันกลับมาด้วยสีหน้าหดหู่ ทว่าเมื่อเห็นซูจิ่นซียังนอนอย่างสงบนิ่งอยู่บนเตียง และเหลือบมองเยี่ยโยวเหยาที่อยู่ข้างๆ สีหน้าหดหู่ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความกังวล
“ผู้นำซู พวกเขาหมายความว่าอย่างไร? เห็ดหลินจือวิเศษช่วยซูจิ่นซีได้หรือไม่? ”
“…” ซูอวี้อ้าปาก ทว่าไม่พูดอันใด
สีหน้าของถังเสวี่ยยิ่งเป็นกังวล นางเหลือบมองหน้าต่างที่มีแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามา ภายในเรือนว่างเปล่า ภายในใจของนางก็ไม่มีความคิดเห็น มันช่างว่างเปล่า
“ข้ากับถังเป่าอวี้ใช้ความพยายามอย่างมากในการตามหาวิหารเทพซีหวังหมู่อีกครั้ง และพาหลานเยวี่ยหลีกลับมา หวังว่านางจะช่วยซูจิ่นซีและทุกคนได้ ทุกคนรอดแล้ว ทว่าซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยายังนอนแน่นิ่ง! เมื่อเห็นพวกเขาเป็นเช่นนี้ เหตุใดในใจของข้าจึงเป็นทุกข์! ”
“…”
“ความจริงแล้ว ข้าเห็นท่าทางเช่นนั้นของหลานเยวี่ยหลีก็ยิ่งทุกข์ใจ แม่นางที่แสนดีไปปกป้องวิหารเทพอันใด ซ้ำยังต้องตัดสัมพันธ์รัก ไร้รักไร้ชัง นี่ไม่ใช่เสียเวลาไปทั้งชีวิตหรอกหรือ? ต่างอันใดกับการออกบวช? ”
มือที่เด็ดเห็ดหลินจือวิเศษของซูอวี้สั่นเทาอย่างรุนแรง และไม่ระวังจนทำให้ชามที่วางอยู่บนโต๊ะหล่นตกแตกบนพื้น ชามคว่ำไม่เหลือน้ำสักหยด
ถังเสวี่ยตกใจแล้วช่วยซูอวี้หยิบชามขึ้นมา “ผู้นำซู ขออภัย ข้ารู้ว่าไม่ควรพูดถึงเรื่องพวกนี้ เป็นข้าที่ไม่ดีเอง”
ซูอวี้เร็วว่าหนึ่งก้าว เขาหยิบชามขึ้นมาและรีบเดินเข้าไปในห้อง
“ข้าจะไปเอาชามมาเปลี่ยน”
ถังเสวี่ยค้างอยู่ในท่าก้มยื่นแขนออกไปอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งได้ยินซูอวี้พยายามกลั้นเสียงกระแอมเบาๆ จากด้านในห้อง หยดน้ำตาที่คลออยู่ตรงเปลือกตาของนางก็ร่วงลงมาทันที
นางค่อยๆ ลุกขึ้นและเงยศีรษะช้าๆ เดินทีละก้าวไปหาซูจิ่นซีที่เตียง ค่อยๆ หย่อนตัวนั่งลงบนปลายเตียง เขยิบทีละคืบ… ทีละคืบ แล้วจับมือซูจิ่นซีไว้
พยายามข่มอารมณ์โศกเศร้าในใจอย่างสุดความสามารถและพยายามพูดเสียงเบา
“ซูจิ่นซี ข้ากลัวยิ่งนัก! ”
“ซูจิ่นซี ข้าคือถังเสวี่ย เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่? ”
“ข้าโตมาจนป่านนี้ ไม่เคยรู้สึกกลัวเหมือนตอนนี้เลย จู่ๆ ทุกคนก็ดูเหมือนคนป่วย… เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร? สัญญาณสักนิดก็ไม่มี สถานการณ์เปลี่ยนเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? คราวนี้… พวกเราอดทนผ่านไปไม่ได้แล้วใช่หรือไม่? ”
“ก่อนหน้านี้ ข้ากับอู๋จุนกลับไปหาหลานเยวี่ยหลีที่วิหารเทพซีหวังหมู่ นางพูด… นางพูดว่าสรรพสิ่งดุจมนตร์ขลัง ดุจม่านมายา ดุจน้ำค้าง ดุจอสนีบาต ควรเพ่งพินิจด้วยการเช่นนี้แล พึมพำๆ อันใดสรรพสิ่งดุจมนตร์ขลัง อันใดดุจม่านมายา ดุจน้ำค้าง ข้าไม่เข้าใจและไม่สนใจ ข้าขอแค่ทุกคนเป็นปกติดี ขอแค่ท่านกับโยวอ๋องตื่นขึ้นมา และพวกเราเป็นเหมือนเมื่อก่อน… ”
ถังเสวี่ยพูดพลางค่อยๆ ซบศีรษะกับฝ่ามือของซูจิ่นซีแล้วสะอื้นเสียงเบา
หลังผ่านไปครู่ใหญ่ก็พูดออกมาเบาๆ หนึ่งประโยคว่า “ทว่า… ข้ากลัว… ซูจิ่นซี ถังเสวี่ยกลัวเหลือเกิน ถังเสวี่ยไม่รู้ว่าหากเจ้าไม่อยู่แล้ว พี่เป่าอวี้จะเปลี่ยนไปอย่างไร? ถังเสวี่ยกลัว เจ้าฟื้นขึ้นมาได้หรือไม่?… เจ้าลุกขึ้นมาได้หรือไม่… ”
……
อวิ๋นจิ่นเดินไปได้ไม่ไกลนัก ด้านหลังก็มีเสียงของมู่หรงอวิ๋นไห่ดังขึ้น “หมอหลวงอวิ๋น”
อวิ๋นจิ่นหยุดฝีเท้าและหันกลับมาคำนับให้มู่หรงอวิ๋นไห่ “ฮ่องเต้หนานหลี! ”
“หมอหลวงอวิ๋น! ” มู่หรงอวิ๋นไห่เดินมาตรงหน้าอวิ๋นจิ่น “ท่านเป็นผู้มีความสามารถข้างกายซูจิ่นซีที่สุด และยังเป็นหมอหลวงที่มีวิชาแพทย์โดดเด่นที่สุดในแคว้นจงหนิง
ในเวลานี้ท่านเป็นเพียงผู้เดียวที่เข้าใจอาการซูจิ่นซีมากที่สุด ท่านหมอหลวงได้โปรดบอกความจริงว่าสถานการณ์ของจิ่นซีเป็นอย่างไรกันแน่? ”
อวิ๋นจิ่นกล่าว “ฮ่องเต้หนานหลีทรงวางพระทัย พระวรกายของพระชายาปลอดภัยดีและจะฟื้นขึ้นในไม่ช้า”
มู่หรงอวิ๋นไห่เคราสั่นเล็กน้อย “หมอหลวงอวิ๋น ท่านอย่าได้ปิดบังข้า! แม้ข้าไม่รู้วิชาแพทย์ ทว่ามองออกว่าอาการป่วยของจิ่นซีไม่สู้ดีนัก”
อวิ๋นจิ่นมองมู่หรงอวิ๋นไห่และจงซีจือ เขาเหมือนกำลังครุ่นคิดอันใดบางอย่างและเงียบอยู่ครู่หนึ่ง
จงซีจือกล่าวว่า “หมอหลวงอวิ๋น มีอันใดก็พูดมาตามตรงเถิด ไม่ต้องห่วงข้ากับชิงซาน ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร พวกข้ารับได้ พวกข้าเป็นบิดามารดาผู้ให้กำเนิดจิ่นซี จำเป็นต้องรู้อาการที่แท้จริงของนาง”
“…”
อวิ๋นจิ่นยังคงนิ่งเงียบไม่พูดจา มู่หรงอวิ๋นไห่ร้อนใจ “หมอหลวงอวิ๋น จนถึงตอนนี้แล้วท่านยังปิดบังพวกข้าอยู่อีกหรือ? ท่านกับซูอวี้ต้องการปิดบังพวกข้าไปจนถึงเมื่อไร? ”
อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วแน่น เขาไตร่ตรองพลางพูดว่า “ข้าน้อยไม่ได้จะปิดบังพระองค์ เพียง… เพียงแต่อาการของพระชายาซับซ้อนจริงๆ ”
“จะซับซ้อนเพียงใด? ” มู่หรงอวิ๋นไห่กังวลจนตัวสั่นเล็กน้อย “เซิ่งหนี่ว์แห่งวิหารเทพซีหวังหมู่ไม่ได้ทิ้งเห็ดหลินจือวิเศษไว้ให้หรือ? นางสามารถคืนชีพข้า ซีจือ และฉีเอ๋อร์สามคนได้ หรือว่านางช่วยจิ่นซีที่อาการเจ็บหนักไม่ได้? ”
อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วแน่น ทุกคำพูดที่กล่าวออกมาได้คิดทบทวนอย่างละเอียดแล้วก่อนจะบอกมู่หรงอวิ๋นไห่และจงซีจือ
“เห็ดหลินจือวิเศษนั้นมีผลกับการฟื้นคืนชีวิต ทว่าสำหรับพระชายาแล้วมีผลเพียงเพิ่มความอบอุ่นและไม่มีผลอื่นใด”
มู่หรงอวิ๋นไห่ตกใจทันที “เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร? ”
ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว อวิ๋นจิ่นจะไม่ปิดบังมู่หรงอวิ๋นไห่และจงซีจืออีก “ร่างกายของพระชายาในตอนนี้ดุจไฟใกล้มอดดับ ไม่ว่าสมุนไพรชั้นเลิศเพียงใดก็ไร้ผลในการฟื้นคืนชีพ ทว่าเห็ดหลินจือวิเศษนั้นสามารถเพิ่มกำลังกายเพียงเล็กน้อยให้พระชายาได้ชั่วคราวเพื่อปกป้องทารกในครรภ์”
เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?
มู่หรงอวิ๋นไห่และจงซีจือตกใจอย่างมาก ร่างกายโซเซถอยหลังไปสองก้าวด้วยใบหน้าไม่อยากจะเชื่อ ในขณะเดียวกันก็อ้าปากถาม “หมอหลวงอวิ๋น ท่านพูดอันใด? ”