สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 35 ตอนที่ 1037 เยี่ยโยวเหยาฟื้นแล้ว
อวิ๋นจิ่นรีบก้าวไปข้างหน้าและพยุงทั้งสองคน
จงซีจือจับแขนเสื้อของอวิ๋นจิ่นแน่น “หมอหลวงอวิ๋น ที่ท่านพูด… ที่ท่านพูดทั้งหมดมันไม่จริงใช่หรือไม่? ที่ท่านพูดทั้งหมดมันไม่จริงใช่หรือไม่? ในสำนักหมอหลวง หมอหลวงอวิ๋นทำหน้าที่ตรวจชีพจรของท่านอ๋องและเหล่าพระสนม ทั้งยังเป็นอาจารย์อาในสกุลสกุลจง มีชื่อเสียงโด่งดังจากแคว้นจงหนิง วิชาแพทย์ล้ำเลิศ ท่านต้องช่วยจิ่นซีได้อย่างแน่นอนใช่หรือไม่? ”
อวิ๋นจิ่นมีสีหน้าลำบากใจ “ฮูหยินก็เป็นคนสกุลจงและรู้วิชาแพทย์ เดาว่าท่านคงมองออกว่า ตอนนี้พระอาการของพระชายาดุจไฟใกล้มอดดับ สมุนไพรใช้ไม่ได้ผลนานแล้ว”
จงซีจือพลันร่างกายโซเซ ภาพตรงหน้ามืดลงอย่างกะทันหัน ใกล้จะเป็นลมอยู่รอมร่อ
มู่หรงอวิ๋นไห่รีบคว้านางเข้าสู่อ้อมแขน ใบหน้าเป็นกังวล “ซีจือ… ซีจือ… ซีจือ… ”
อวิ๋นจิ่นรีบพูดเสริมอีกหนึ่งประโยคว่า “ฮูหยินวางใจ มีอวิ๋นจิ่นอยู่ ข้าจะไม่ปล่อยให้พระชายาเป็นอันใดอย่างแน่นอน”
สติของจงซีจือพร่าเลือนเล็กน้อย ทว่านางได้ยินคำพูดของอวิ๋นจิ่นชัดเจน จึงคว้ามือของอวิ๋นจิ่นด้วยความตื่นเต้น “หมอหลวงอวิ๋น ได้โปรดช่วยซีจือ ได้โปรดช่วยซีจือด้วย”
“ฮูหยินวางใจ! ”
ค่ำคืนนี้ทุกคนไม่ได้นอนหลับ
มู่หรงอวิ๋นไห่พาจงซีจือกลับไปที่ห้อง จงซีจือบางครั้งก็สติเต็มร้อย บางครั้งก็สติพร่ามัว มู่หรงอวิ๋นไห่คอยดูแลข้างกายอยู่ตลอดเวลา
ตงหลิงหวงและมู่หรงฉี แม้อยู่ในห้องของตนเอง ทว่ากลับเป็นคืนที่ทุกคนนอนพลิกกายไปมา
อวิ๋นจิ่นไม่รู้ว่าไปที่ใด ซูอวี้เฝ้าอยู่นอกห้องของซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาตลอด
ถังเสวี่ยที่เพิ่งกลับไปยังห้องตนเอง กลางดึกนอนไม่หลับ นางไปห้องซูจิ่นซีสองครั้ง ทว่าเมื่อเห็นซูอวี้อยู่ด้านนอกตลอดก็หยุดคุยกับซูอวี้เพียงสองประโยคแล้วกลับห้องอีกครั้ง
อู๋จุนนอนอยู่บนชายคาตรงข้ามห้องของซูจิ่นซี เหม่อมองดวงจันทร์สว่างไสวบนท้องฟ้า
ค่ำคืนนี้เขาครุ่นคิดหลายเรื่อง คิดถึงครั้งแรกที่พบซูจิ่นซี คิดถึงซูจิ่นซีที่ไปหุบเขาเทพโอสถครั้งแรก คิดถึงยามที่เขาประทับใจนางครั้งแรก คิดถึงสัญญาที่เขาเคยให้ไว้กับนาง คิดถึงที่เขาพานางไปจากแคว้นจงหนิง คิดถึงทุกเหตุการณ์ที่พวกเขาผ่านสถานการณ์เลวร้ายเป็นตายมาด้วยกัน
ครั้งนี้เขาอยากพานางไป เฉกเช่นตอนที่นางตัดขาดกับเยี่ยโยวเหยาที่นอกวิหารวิญญาณ จากไปโดยไม่ถอยกลับเช่นเดียวกับตอนที่เขาพานางจากไป ทว่ามีเพียงเขาที่รู้ว่ามันยากเย็นเพียงใดที่จะระงับแรงกระตุ้นที่อยู่ในใจนี้ ไม่ใช่ไม่กล้า ทว่าทำไม่ได้
เขารู้ว่าซูจิ่นซีจะต้องไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน
เขารู้ว่าหากนางเหลือเวลาชีวิตเพียงวันเดียว นางไม่อยากไปที่ใดทั้งนั้น เพียงแค่ได้อยู่กับเยี่ยโยวเหยา เพียงแค่… อยู่ข้างกายเยี่ยโยวเหยา
ทว่าเยี่ยโยวเหยา เมื่อไรเจ้าจะฟื้นขึ้นมา?
เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้แม่นางพิษน้อยต้องการเจ้าเป็นอย่างมาก?
เจ้ารู้หรือไม่ว่าชีวิตของแม่นางพิษน้อยต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า
ทว่าเสียงเทียนในห้องริบหรี่ เงียบสงัดจนไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงร้องเรียกในใจของเขา ไม่มีผู้ใดตอบกลับเขา
ข้างหูเงียบสงัดไร้เสียง โลกเงียบงันเป็นพิเศษ
เมื่อใกล้รุ่งสาง ในที่สุดภายในห้องก็มีการเคลื่อนไหว น่าเสียดายที่อู๋จุนไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียงใดๆ ซูอวี้ที่พิงเสานอกประตูก็งีบหลับไป
เยี่ยโยวเหยาฟื้นแล้ว
แม้พิษของอสูรพิษในร่างกายจะถูกขจัดออกไปหมดแล้ว ทว่าการถูกพิษครั้งนี้สร้างความเสียหายใหญ่หลวงแก่ร่างกายของเยี่ยโยวเหยา โชคดีที่พื้นฐานร่างกายของเขาไม่เลวจึงทนไหว
เขาค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งบนเตียง แสงเทียนริบหรี่แยงตา เขาค่อยๆ หันศีรษะไปตามเงาแสงเทียน บนเตียงมีร่างสะโอดสะองงดงามนอนอยู่ในระยะไม่ไกลนัก
“แค่ก แค่ก… ”
เยี่ยโยวเหยาอดไออย่างหนักไม่ได้ ทว่าพยายามเบาเสียงเพราะเกรงว่าจะทำให้ซูจิ่นซีตื่น เขาค่อยๆ ลงจากเตียงเดินไปหาซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าสงบนิ่ง ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท สีหน้าซีดเซียว ริมฝีปากซีดไร้สีเลือด เบ้าตามีสีคล้ำเล็กน้อย ร่างเล็กเพรียวบางถูกห่มด้วยผ้านวมผืนหนา มองดูอ่อนแอยิ่งนัก
ในใจของเยี่ยโยวเหยาเต็มไปด้วยความเอ็นดู เขานั่งลงข้างเตียงซูจิ่นซี ใช้นิ้วลูบไล้แก้มของซูจิ่นซีอย่างอ่อนโยนและเต็มไปด้วยด้วยความสงสาร
แก้มของซูจิ่นซีเย็นยะเยือกราวน้ำแข็ง บีบหัวใจเขาจนเจ็บปวด
“เด็กโง่ ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าทำร้ายตนเองเช่นนี้? ข้าจำได้ว่า… ข้าเคยพูดว่าปราศจากคำสั่งของข้า ซูจิ่นซี ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าตาย ดังนั้นหากเจ้ากล้าฝ่าฝืนคำสั่ง… เจ้ากล้าฝ่าฝืนคำสั่ง… เจ้ากล้าฝ่าฝืนคำสั่ง… ” เยี่ยโยวเหยาพูดพลางเปลือกตาค่อยๆ ชื้นขึ้นมาและค่อยๆ แดงก่ำ เขามองดวงหน้าเล็กสงบนิ่งของซูจิ่นซีเป็นเวลาเนิ่นนาน จากนั้นก็กล่าวอย่างลึกซึ้งทว่าหนักแน่น “หากเจ้ากล้าฝ่าฝืนคำสั่งข้า ข้าจะตามเจ้าไปด้วย ซูจิ่นซี ทุกชาติทุกภพ เจ้าอย่าได้คิดจะทิ้งข้าไว้เพียงลำพัง! ”
เขาพูดพลางไออย่างหนักอีกครั้ง จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนข้างซูจิ่นซี กุมมือของนางไว้
ทั้งสองนอนด้วยกันเงียบๆ เช่นนี้ เยี่ยโยวเหยาไม่พูดสิ่งใด ไม่รู้เวลาใดที่เยี่ยโยวเหยาผล็อยหลับไปอีกครั้ง
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่ซูอวี้เปิดประตูเข้ามาก็เห็นภาพเยี่ยโยวเหยานอนร่วมหมอนกับซูจิ่นซี และเยี่ยโยวเหยาจับมือซูจิ่นซีไว้แนบแน่น
เขาตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง คิดว่าตนเองดูผิด เมื่อเหลือบมองเตียงที่เยี่ยโยวเหยานอนก่อนหน้านี้เพื่อยืนยันว่าไม่มีคนนอนอยู่ เขาก็ขยี้ตาอีกครั้งเพื่อยืนยัน
คราวนี้เขาเห็นชัดเจนแจ่มแจ้งว่าเยี่ยโยวเหยาย้ายที่จริงๆ
กล่าวได้ว่าเขาฟื้นขึ้นมาแล้ว
ซูอวี้พลันรู้สึกดีใจทันที เขารีบก้าวไปข้างหน้าและกระซิบเสียงแผ่วเบา “ท่านอ๋อง… โยวอ๋อง? ท่านอ๋อง? ”
เปลือกตาของเยี่ยโยวเหยาขยับ ซูอวี้เบิกบานใจยิ่งขึ้นและรีบดึงแขนเยี่ยโยวเหยามาจับชีพจร
ชีพจรราบรื่นไม่มีปัญหา
เยี่ยโยวเหยาลืมตา ซูอวี้คำนับเขา “ท่านอ๋อง”
เยี่ยโยวเหยาลุกขึ้นนั่ง คลึงหน้าผากแล้วถามเสียงทุ้มว่า “อาการจิ่นซีเป็นอย่างไรบ้าง? ”
“ทูลท่านอ๋อง อาการของพี่จิ่นซีไม่สู้ดีเท่าไรนัก… ”
ซูอวี้อธิบายสถานการณ์ของซูจิ่นซีให้เยี่ยโยวเหยาฟังอย่างละเอียดอีกครั้ง เยี่ยโยวเหยานั่งเหม่ออยู่ข้างเตียงของซูจิ่นซี ทำได้เพียงมองซูจิ่นซีอยู่เงียบๆ โดยไม่ได้พูดอันใด และให้ซูอวี้ออกไปก่อน
ซูอวี้ออกจากห้องและบังเอิญพบตงหลิงหวง มู่หรงฉี และคนอื่นๆ ที่รีบเดินมาพอดี
“ซูอวี้ สถานการณ์ด้านในเป็นอย่างไรบ้าง? ”
ซูอวี้ตอบตามความจริง “ท่านอ๋องฟื้นแล้ว”
“เยี่ยโยวเหยาฟื้นแล้ว? ”
“ขอรับ! ”
“แล้วยังรอสิ่งใด? ในเมื่อเยี่ยโยวเหยา หลานชายผู้นี้ฟื้นแล้ว เช่นนั้นก็รีบพาแม่นางพิษน้อยไปสำนักแพทย์เทียนอี” อู๋จุนที่ไม่รู้ว่ากระโดดออกมาจากที่ใดพุ่งตรงเข้าไปในห้อง ซูอวี้รีบขวางหน้าอู๋จุนไว้
“เจ้าหุบเขาอู๋ ตอนนี้ท่านเข้าไปไม่ได้”
“ห้ามข้าเพื่ออันใด? แม่นางพิษน้อยไม่มีเวลาแล้ว”
“เจ้าหุบเขาอู๋ ท่านอ๋องเป็นห่วงพี่จิ่นซียิ่งกว่าผู้ใด ข้าเล่าสถานการณ์ของพี่จิ่นซีให้เขาฟังแล้ว เขามีแผนอยู่ในใจแล้ว”
อู๋จุนระเบิดทันที “หมายความว่าอันใด? แค่เยี่ยโยวเหยาที่เป็นห่วงแม่นางพิษน้อย แล้วข้าไม่เป็นห่วงนางหรือ? ”
“เจ้าหุบเขาอู๋ ท่านอย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น”
ตงหลิงหวงกล่าว “อู๋จุน จนป่านนี้แล้ว ท่านยังเอะอะโวยวาย ตอนนี้ซูจิ่นซีต้องการความสงบ”
อู๋จุนสะบัดแขนเสื้ออย่างแรงแล้วจากไป “ข้าไม่ได้ตั้งใจส่งเสียงดัง ข้าแค่อึดอัดใจ”