สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 35 ตอนที่ 1038 จากกันครั้งนี้
ความจริงแล้ว ในใจทุกคนล้วนอึดอัดราวกับมีบางอย่างกดทับไว้ทำให้พวกเขาหายใจไม่ออก ทว่าอู๋จุนชินกับการใช้วิธีนี้ขจัดมันออกมา
เช่นเดียวกับซูอวี้และอวิ๋นจิ่นที่ชินกับการเก็บกดไว้ในใจ
ในวันนี้มีคนจำนวนไม่น้อยมาเยี่ยมเยี่ยโยวเหยา ทั้งเสวียนชิง หลิงอวิ๋น ชื่อหง เป็นต้น เยี่ยโยวเหยาพบทีละคน เป็นเพียงการพบปะพูดคุยกันในห้อง ประตูปิดอยู่ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าพวกเขาหารือเรื่องอันใด
เวลาย่ำค่ำ เยี่ยโยวเหยาออกมาจากห้องและกลับห้องไปดูซูจิ่นซีทันที
ในตอนนั้น ซูอวี้และอวิ๋นจิ่นก็อยู่ที่นั่นด้วย
“อวิ๋นจิ่น ซูอวี้ เตรียมตัวให้พร้อม พวกเราจะไปหุบเขาเทียนอี” เยี่ยโยวเหยากล่าว
ซูอวี้ยังคิดว่าตนเองหูฝาด “ท่านอ๋อง ท่านพูดอันใด? ”
“เตรียมตัวให้พร้อม พวกเราจะไปหุบเขาเทียนอีกัน” เยี่ยโยวเหยากล่าวย้ำอีกครั้ง
ครั้งนี้ซูอวี้ฟังอย่างจริงจังด้วยใบหน้าเบิกบาน “พ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมจะไปแจ้งให้ทุกคนทราบ” เขาพูดพลางรีบวิ่งออกไป
อวิ๋นจิ่นรอคอยช่วงเวลานี้ และไม่รู้ว่ารอคอยมานานมากเพียงใดแล้ว แม้จะมั่นใจมาก ทว่าก็ยังรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “เยี่ยโยวเหยา! ”
เยี่ยโยวเหยาหันมา “พวกเราออกเดินทางกันตอนนี้เลย”
อวิ๋นจิ่นพยักหน้า “ข้าสั่งให้คนพาช่างฝีมือต้วนไปหุบเขาเทียนอีแล้ว คำนวณจากระยะเวลาการเดินทาง เมื่อเราไปถึง เขาก็น่าจะถึงเช่นกัน”
“พ่ะย่ะค่ะ! ”
ไปหุบเขาเทียนอีนั้นหนทางยาวไกล มู่หรงฉีไม่ได้วางแผนจะพามู่หรงอวิ๋นไห่และจงซีจือไปด้วย ดังนั้นเขาจึงสั่งให้องครักษ์พาพวกเขากลับแคว้นหนานหลี มู่หรงอวิ๋นไห่และจงซีจือตกลง
อู๋จุนต้องการไปหุบเขาเทียนอี ถังเสวี่ยต้องตามไปด้วยแน่นอน
เป่ยถังเฮ่อกับเป่ยถังเย่ถูกหลานเยวี่ยหลีพาไปวิหารเทพซีหวังหมู่ สกุลเป่ยถังในตอนนี้เหมือนฝูงมังกรไร้หัว เป่ยถังฉินเกอวางแผนกลับไปที่จวนเป่ยอี้อ๋องเพื่อควบคุมสถานการณ์ในจวนเป่ยอี้อ๋อง
ก่อนออกเดินทาง จู่ๆ ตงหลิงหวงก็มาหาเยี่ยโยวเหยาด้วยท่าทางเคร่งขรึม ทำให้ทุกคนประหลาดใจเล็กน้อย
มู่หรงฉีอึกอัก ตงหลิงหวงเหลือบมองซูจิ่นซีที่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงและกล่าวว่า “เยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซีเป็นผู้มีจิตใจงดงาม เชื่อว่านางจะเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นเรื่องดีได้ ตงหลิงหวงขออวยพรให้พวกท่านสมความปรารถนาในการเดินทางครั้งนี้”
มู่หรงฉีประหลาดใจและตื่นเต้นเล็กน้อย “หวงเอ๋อร์ เจ้าไม่ไปหุบเขาเทียนอีกับพวกเราหรือ? ”
ตงหลิงหวงแย้มยิ้มให้มู่หรงฉี “แคว้นตงเฉินเกิดเรื่อง เสด็จพ่อเพียงคนเดียวรับมือลำบาก เพราะฉะนั้นข้าจำเป็นต้องกลับไป ฉีอ๋อง ท่านดูแลตนเองด้วย! ”
ท่าทางของตงหลิงหวงดูห่างเหินเล็กน้อย ทว่าในยามนี้มู่หรงฉีกลับไม่ได้สังเกตเลยสักนิด
“ฮ่องเต้ตงเฉินร่างกายแข็งแรง จะต้องคุมสถานการณ์โดยรวมของแคว้นตงเฉินได้แน่นอน เหตุใดเจ้าถึงได้ใจร้อนในเวลานี้… ”
มู่หรงฉียังไม่ได้พูดประโยคหลังจบก็ถูกตงหลิงหวงขัด “ฉีอ๋อง งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา! ”
มู่หรงฉีสำลัก ไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อดี
เยี่ยโยวเหยาประสานมือคำนับตงหลิงหวง “รักษาตนเองด้วย! ”
ตงหลิงหวงแย้มยิ้มแล้วคำนับตอบ “เส้นทางจักรพรรดิ ต่อสู้เพื่อชิงอำนาจ โยวอ๋อง ครั้งต่อไปที่พบกันคงเป็นการพบกันในสนามรบแล้ว ตงหลิงหวงจะไม่แสดงความเมตตา หวังว่าโยวอ๋องและพระชายาโยวอ๋องจะไม่เมตตาอ่อนข้อให้เช่นกัน”
เยี่ยโยวเหยาเหลือบมองซูจิ่นซีที่นอนอยู่บนเตียงและไม่ได้พูดอันใด
แสงในดวงตาของมู่หรงฉีเศร้าสลดและมีความไม่เต็มใจนัก
สายตาของอวิ๋นจิ่นลึกล้ำดั่งทะเล ดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่าง ทว่าเขาผู้นี้รู้ขอบเขตดีที่สุด ไม่ว่าเมื่อไร ตราบใดที่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับตนเองและซูจิ่นซีก็จะไม่พูดสักประโยค
หลังตงหลิงหวงเดินออกมาจากห้องของซูจิ่นซี มู่หรงฉีรีบเดินตามออกมา เขาไม่ได้หยุดตงหลิงหวง ทว่าเดินตามนางไปจนถึงที่พัก
มู่หรงฉีปิดประตูเสียงดังปึง
ตงหลิงหวงถอยหลังไปสองก้าว “ฉีอ๋องจะทำอันใด กลางวันแสกๆ และที่นี่คือสำนักกระบี่คุนหลุน สถานที่บำเพ็ญเพียรอันบริสุทธิ์”
“เป็นสถานที่บำเพ็ญเพียรอันบริสุทธิ์ แต่ไม่ใช่วัดวาอารามสำนักชี”
ตงหลิงหวงขมวดคิ้วอย่างรุนแรง “ฉีอ๋อง ท่านรีบเตรียมตัวออกเดินทางเถิด ไม่อาจพลาดออกเดินทางในยามเฉิน… ”
ตงหลิงหวงพูดจบ มู่หรงฉีก็ก้าวไปข้างหน้าทันที เขาคว้าแขนของตงหลิงหวงแล้วดึงเข้าสู่อ้อมกอดของตนเอง
ตงหลิงหวงตกใจเป็นอย่างมาก อยากจะพูดบางอย่าง ทว่ามู่หรงฉีไม่เปิดโอกาสให้นางได้พูดเลย เขาหมุนกายของนางอย่างงดงามแล้วกดนางแนบขอบประตูอย่างรุนแรง จากนั้นก็โหมจูบลงมาอย่างดุดันเอาแต่ใจ
“อือ… มู่หรงฉี เจ้าทำอันใด เจ้า… เจ้าปล่อย”
ตงหลิงหวงทุบกำปั้นใส่หน้าอกมู่หรงฉีอย่างรุนแรง
มู่หรงฉีที่อยู่ในช่วงเวลาแห่งความปรารถนาเร่าร้อน พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “ตงหลิงหวง ลงมือรุนแรงเช่นนี้ เจ้าคิดจะฆ่าสามีหรือ? ”
มือของตงหลิงหวงชะงักค้างกลางอากาศทันที ร่างกายแข็งทื่อเล็กน้อยโดยไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไร
มุมปากของมู่หรงฉีเผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะและยิ่งระดมจูบอย่างเอาแต่ใจขึ้นเล็กน้อย ในขณะเดียวกันก็ลูบไล้ร่างกายของตงหลิงหวงที่อยู่ในอ้อมแขนตนเองหนักกว่าเดิม
หลังผ่านไปครู่ใหญ่ ตงหลิงหวงเพิ่งตอบสนอง “มู่หรงฉี เจ้า… เจ้ามันไร้ยางอาย ผู้ใดคือสามีของข้า? ”
มู่หรงฉีพูดอย่างหลงใหลว่า “ข้ากับเจ้ามีความสัมพันธ์แบบเนื้อแนบเนื้อกันมาแล้ว ไม่ใช่สามีแล้วเป็นสิ่งใดหรือ? ”
“มู่หรงฉี เจ้า… เจ้ามันไร้ยางอาย” ตงหลิงหวงพูดพลางทุบหน้าอกมู่หรงฉีด้วยกำปั้นอย่างรุนแรง กลับไม่คิดว่ามู่หรงฉีจะคว้ากำปั้นเล็กๆ วางลงบนหน้าอกตนเองโดยไม่ต้องออกแรง
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือความเจ็บปวดใจ “ตงหลิงหวง เจ้าตัดสินใจแน่วแน่ที่จะเอาชีวิตข้าแล้วใช่หรือไม่? ”
ขณะที่ตงหลิงหวงอยู่ในอาการตกใจเล็กน้อย มือหนาของมู่หรงฉีก็ล้วงเข้าไปในชุดของตงหลิงหวง
ตงหลิงหวงรีบร้อนผลักมู่หรงฉีออกไปอย่างรวดเร็ว “ไม่… ไม่ได้! ”
กลับไม่คิดว่าการที่ตงหลิงหวงยิ่งปฏิเสธ มู่หรงฉียิ่งเอาแต่ใจมากขึ้น เขาพลิกตงหลิงหวงกดลงบนโต๊ะ จากนั้นจึงกดมือทั้งสองข้างของตงหลิงหวงด้วยมือเพียงข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างก็เคล้นคลึงบนร่างนางไม่หยุด
“ไม่ มู่หรงฉี เจ้า… เจ้าทำเช่นนี้ไม่ได้”
“หวงเอ๋อร์ รับปากข้า ไม่ต้องกลับแคว้นตงเฉินแล้วได้หรือไม่? ข้าไม่อยาก… หันกระบี่เข้าหาเจ้า”
น้ำเสียงของมู่หรงฉีแสดงถึงความลำบากใจและเจ็บปวดจนตงหลิงหวงต้องตกตะลึง
จนกระทั่งมู่หรงฉีปลดผ้าคาดเอวออกและความหนาวเย็นปะทะหน้าอกอย่างกะทันหัน นางถึงได้สติแล้วผลักมู่หรงฉีออกไปอย่างรุนแรงด้วยความตกใจ “ไม่ มู่หรงฉี เจ้าทำเช่นนี้ไม่ได้! ” จากนั้นนางจึงรีบจัดแจงเสื้อผ้าตนเองให้เรียบร้อย
มู่หรงฉีถูกผลักออกไปกระแทกเข้ากับขอบเตียงอย่างแรง ทว่าเขากลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดนั้นเลย เขามองตงหลิงหวงด้วยสีหน้าเจ็บปวดใจ “หวงเอ๋อร์ เจ้าต้องทำกับข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ”
ความจริงแล้ว หัวใจของตงหลิงหวงก็เจ็บปวดมากเช่นกัน ทว่าชีวิตนี้พวกเขาถูกลิขิตให้ไม่สามารถยืนเคียงข้างกันได้ ถูกลิขิตให้อยู่ตรงข้ามกัน ถูกลิขิตให้… ไม่อาจอยู่ด้วยกัน ถูกลิขิตให้… ทารกในครรภ์เกิดมาโดยไม่อาจมีบิดา
ความเจ็บปวดของนางเกินกว่ามู่หรงฉีสิบเท่าร้อยเท่า
ทว่านางกลับพูดไม่ได้
นางจัดเสื้อผ้าตนเองให้เรียบร้อยแล้วหันไปเผชิญหน้ากับมู่หรงฉี พยายามไม่มองสีหน้าของมู่หรงฉีอย่างสุดความสามารถ “ฉีอ๋อง เจ้าควรไปได้แล้ว! พระชายาโยวอ๋องเจ็บหนักไม่อาจชักช้าได้ อย่าให้ทุกคนรอเลย”
มู่หรงฉีลุกขึ้นช้าๆ ก้าวทีละก้าวอย่างยากลำบากไปหาตงหลิงหวง “หวงเอ๋อร์… ” ก่อนจะไป เขาอยากจับมือตงหลิงหวงอีกครั้ง ทว่าตงหลิงหวงกลับหลบเลี่ยง
เป็นผลให้ความเจ็บปวดในดวงตาของมู่หรงฉีลึกซึ้งยิ่งขึ้น
หลังผ่านไปครู่ใหญ่ มู่หรงฉีก็เดินออกนอกประตูไป เมื่อเดินถึงหน้าประตูกลับหยุดชะงัก ยามหันกลับมา ท่าทางของตงหลิงหวงยังคงเฉยเมยเช่นเดิม
เขาพูด “หวงเอ๋อร์ ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินเจ้า ข้าแค่… แค่ไม่อยากให้ระหว่างเราห่างเหินอยู่เช่นนี้ตลอดไป ข้าแค่อาลัยอาวรณ์เจ้า แค่กลัวว่าจากกันครั้งนี้ ปีใดเดือนใดจะได้พบกันอีก”