สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 35 ตอนที่ 1040 ความคิดของจิ่วหรง
ถังเสวี่ยโมโหมากและกล่าวกับอู๋จุนว่า “ถังเป่าอวี้ ดูเจ้า ทั้งหมดเป็นความผิดเจ้า ลิ้นอาบพิษของเจ้าควรเปลี่ยนได้แล้ว เจ้าทำทุกคนไม่พอใจ เจ้าไปล่วงเกินคนสำนักแพทย์เทียนอี มีประโยชน์อันใดบ้าง? ”
อู๋จุนสีหน้าเฉยชา “ไม่มีดีอันใด ทว่าข้ามองเยี่ยโยวเหยา เจ้าคนนี้แล้วรู้สึกขัดหูขัดตา รู้สึกโมโห ทว่าระบายอารมณ์ใส่เขาไม่ได้เลยหรือ” เขาพูดพลางหยุดแววตาอยู่ที่ร่างของถังเสวี่ย “ไม่อย่างนั้น… เจ้าก็มาเป็นกระสอบทรายให้ข้า”
“ไปให้พ้น! ” นางพูดพลางเตะหน้าแข้งของอู๋จุนอย่างแรงแล้วเดินจ้ำอ้าวไปด้านหน้า
ถังเสวี่ยแรงไม่มากพอ อู๋จุนรู้สึกเหมือนมดกัด
อู๋จุนมองเยี่ยโยวเหยาที่อุ้มซูจิ่นซีเดินทีละก้าวอยู่ด้านหน้าไกลๆ แล้วถลึงตาใส่เดินตามหลังทุกคน
ความจริงแล้วเขารู้สึกไม่สบายใจมาเป็นเวลานานมากแล้ว ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไรที่เขาเปลี่ยนเป็นคนใจร้อนและมีอารมณ์ฉุนเฉียวง่ายเป็นอย่างมาก
เริ่มเป็นตั้งแต่ซูจิ่นซีได้รับบาดเจ็บ?
หรือเริ่มเป็นตั้งแต่พวกเขาไปเขาคุนหลุน?
หรือเริ่มตั้งแต่ซูจิ่นซีไปช่วยเยี่ยโยวเหยาโดยไม่สนสิ่งใด?
……
หรือ… เริ่มตั้งแต่ที่ซูจิ่นซีตั้งครรภ์?
ความจริงแล้วเขาไม่อยากเป็นเช่นนี้ ทว่าเขาควบคุมตนเองไม่ได้!
อู๋จุนคิดพลางหยุดเดินแล้วนั่งลงบนขั้นบันได
ถังเสวี่ยรู้สึกว่าด้านหลังไม่มีการเคลื่อนไหวอยู่ครู่หนึ่งจึงหันไปมอง “ถังเป่าอวี้ เจ้ายังไม่เดินขึ้นมาอีก? ”
“พวกเจ้าไปก่อนเลย ข้าเหนื่อย ขอพักสักครู่! ”
“เดินแค่นี้เจ้าก็เหนื่อยแล้ว? หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล! หากเมื่อไรที่เยี่ยโยวเหยาอุ้มซูจิ่นซีไม่ไหว ผู้ใดจะรับไม้ต่อ? เจ้ายังไม่รีบตามมาอีก! ”
เรื่องอุ้มซูจิ่นซี ขนาดมู่หรงฉียังไม่ได้ทำ อู๋จุนจะได้ทำหรือ?
อู๋จุนกลอกตาอย่างรุนแรง เขาถลึงตาใส่และไม่พูดอันใด
ถังเสวี่ยวิ่ง ตึก ตึก ตึก ลงมาลากอู๋จุน
“ลุกขึ้น รีบเดิน! ถังเป่าอวี้ เจ้าลุกขึ้นมา ลุกขึ้น ลุกขึ้น! ”
มือถังเสวี่ยไม่มีแรงอันใด ทว่ากลับวุ่นวายเป็นอย่างมาก อู๋จุนสู้นางไม่ได้ จำใจต้องลุกขึ้นเดินต่อ ทว่ายังคงรักษาระยะห่างจากเยี่ยโยวเหยา
ทุกคนเดินอยู่ประมาณสองชั่วยาม ทว่ายังเดินไม่ถึงหนึ่งในสามของบันไดสวรรค์ ถังเสวี่ยเดินจนหอบเหนื่อย สองขาเริ่มอ่อนแรง อู๋จุนและมู่หรงฉีเหงื่อไหลไคลย้อย เยี่ยโยวเหยาอุ้มซูจิ่นซี ทุกย่างก้าวล้วนยากลำบาก ทว่าเขาปกป้องนางเป็นอย่างดีเสมอ โดยไม่ปล่อยให้นางกระทบกระเทือน ซ้ำยังเปลี่ยนท่าทุกช่วงที่เดิน ทำให้ซูจิ่นซีสบายขึ้นเล็กน้อย
มู่หรงฉีกล่อมเยี่ยโยวเหยา “โยวอ๋อง หนทางข้างหน้ายังอีกไกล พักสักประเดี๋ยวเถิด! ”
“พวกท่านพักเถิด ข้าจะเดินต่อ! ”
แม้เขาจะเดินช้ามาก ทว่ากลับไม่หยุดสักช่วง
มู่หรงฉีทนดูไม่ค่อยได้ เขาก้าวไปข้างหน้าหมายจะคว้าซูจิ่นซี “โยวอ๋อง ให้ข้าอุ้มซูจิ่นซีเถิด ข้าเป็นพี่ชายจิ่นซี”
เยี่ยโยวเหยาไม่ได้สนใจมู่หรงฉี ยังเดินตรงไปข้างหน้า
ภายใต้ความอับจนหนทาง มู่หรงฉีก็ไม่ได้พัก เขาเดินตามหลังเยี่ยโยวเหยาต่อไป
ถังเสวี่ยหน้ามุ่ยเมื่อเห็นเรื่องทั้งหมดอย่างชัดเจน นางอดถอนหายใจไม่ได้ “โยวอ๋อง เยี่ยโยวเหยาทุ่มเทความรักให้กับซูจิ่นซีมากมาย ไม่รู้ว่านี่คือโชคดีหรือโชคร้าย! ”
“ทุ่มเทอันใด! ” อู๋จุนสบถอย่างรุนแรง “ทุ่มเทเท่าข้าหรือ? ”
ถังเสวี่ยขมวดคิ้วมองอู๋จุนราวสามวินาที นางพลันเดือดดาลแล้วใช้กำปั้นทุบหน้าอกอู๋จุนอย่างรุนแรง “ถังเป่าอวี้ เจ้า… เจ้าจงใจยั่วโมโหข้า เจ้าอยากให้ข้าโมโหตายหรือ? ”
อู๋จุนเบี่ยงหลบไปด้านข้างทันที ถังเสวี่ยปล่อยหมัดใส่อากาศ จู่ๆ ก็ตกจากบันไดกรีดร้องเสียงดัง
อู๋จุนหน้าถอดสีทันที เขากระโดดขึ้น ขณะที่ถังเสวี่ยจะตกพื้นก็รีบคว้าตัวนางไว้
ถังเสวี่ยตกใจจนหน้าซีดขาว ใช้เวลาครู่หนึ่งถึงกลับมาเป็นปกติ นางจ้องอู๋จุนด้วยใบหน้าขุ่นเคือง ใช้หมัดทุบอกอู๋จุนอย่างแม่นยำ “ถังเป่าอวี้ ข้าเกลียดเจ้า ไปตายซะ ไปตายซะๆ ๆ ! ”
อู๋จุนจับถังเสวี่ยยืนตรง ก่อนจะหันกลับมาแล้วเดินไปทางมู่หรงฉีกับเยี่ยโยวเหยา “ข้าตายแล้ว ผู้ใดจะช่วยเจ้า! ”
“ถังเป่าอวี้ เจ้ามันคนสารเลว! ” ถังเสวี่ยร้องตะโกนแล้วไล่ตามไป ทว่ายังไม่ทันไล่ถึงตัวอู๋จุนก็ได้ยินเสียงเป็นกังวลของมู่หรงฉี “เยี่ยโยวเหยา ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? เยี่ยโยวเหยา? ”
ทั้งสองรีบหันไปยังทิศทางที่เสียงดังขึ้น เห็นเยี่ยโยวเหยาอาเจียนเป็นเลือดออกมาหลายคำ ยืนไม่มั่นคงอย่างเห็นได้ชัด ทว่ามือของเขายังคงอุ้มซูจิ่นซีไว้แน่น พยายามก้าวขาขึ้นบันไดไปอย่างมั่นคง
มู่หรงฉีอยากจะช่วยอุ้มซูจิ่นซี ทว่าเยี่ยโยวเหยาไม่ให้โอกาสเขาเข้าใกล้ซูจิ่นซีแม้แต่น้อย
อู๋จุนมองสถานการณ์นี้ด้วยแววตาซับซ้อนเล็กน้อย ถังเสวี่ยรีบจ้ำอ้าวเข้าไปช่วยพยุงซูจิ่นซี “เยี่ยโยวเหยา ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ยังทนไหวหรือไม่? ”
“ข้าไม่เป็นไร! ”
“หากไม่ไหวจริงๆ ท่านมอบซูจิ่นซีให้มู่หรงฉีเถิด! หากซูจิ่นซีรู้ว่าท่านเป็นเช่นนี้ นางจะต้องเป็นห่วงมากแน่นอน”
เยี่ยโยวเหยาไม่ได้ตอบถังเสวี่ย เขาเช็ดคราบเลือดบนริมฝีปากแล้วเดินขึ้นบันไดต่อไป
สายตาของมู่หรงฉี ถังเสวี่ย และอู๋จุนยิ่งซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว มู่หรงฉีก็ถามเทพโอสถ “ท่านผู้อาวุโส สถานการณ์ของเยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีทั้งสอง ท่านก็ได้เห็นแล้ว บันไดสวรรค์นี้พวกเขาสองคนทนไม่ไหวเป็นแน่! ”
สีหน้าและท่าทางของเทพโอสถและหมอเทวดาในตอนนี้อ่อนลงไม่น้อย พวกเขาเผชิญหน้ากับมู่หรงฉีด้วยท่าทีค่อนข้างลำบากใจ
มู่หรงฉีกล่าวต่อ “หากหุบเขาเทียนอียังพอมีทางอื่นที่จะไปถึงสำนักแพทย์เทียนอี ท่านทั้งสองได้โปรดบอกความจริง น้ำใจนี้ นับว่าแคว้นหนานหลีเป็นหนี้บุญคุณท่านทั้งสอง”
“คือว่า… ” เทพโอสถและหมอเทวดาลำบากใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “หากว่ากันตามตรง เส้นทางไปสู่หุบเขาเทียนอีมีเพียงทางนี้ทางเดียวจริงๆ ”
“เป็นไปไม่ได้ สำนักแพทย์เทียนอีอันสูงส่งสง่างามจะไม่มีเส้นทางลับได้อย่างไร? ” ถังเสวี่ยพูดขึ้นด้วยท่าทีร้อนใจ
เทพโอสถกล่าวว่า “แม่นางถังเสวี่ย ท่านร้อนใจไปก็ไม่มีประโยชน์ ต่อให้มี พวกข้าก็ไม่มีสิทธิ์บอกพวกท่าน! ”
“ข้าคิดไว้แล้ว! ” ถังเสวี่ยพูด “ผู้อาวุโสทั้งสองท่านนี่แย่เสียจริง น่าเสียดายที่ซูจิ่นซีบาดเจ็บ มิฉะนั้นด้วยความสามารถของนาง จะต้องค้นหาได้แน่นอนว่าเส้นทางลับอยู่ที่ใด”
อู๋จุนรีบเดิมตามขึ้นมา “เหลวไหล พูดกับไม่พูดต่างกันอย่างไร? ”
“ถังเป่าอวี้ เจ้าด่าคนเก่งนัก มีความสามารถก็ไปหาเส้นทางลับ! ”
“ข้าไม่มีความสามารถ! ”
“เช่นนั้นก็เงียบปาก! ”
มู่หรงฉีไตร่ตรองคำพูดของเทพโอสถและหมอเทวดาแล้วถามอีกครั้ง “ไม่ทราบว่าท่านเจ้าสำนักทราบหรือไม่ว่าพวกข้ามาแล้ว? ”
“ท่านเจ้าสำนักสั่งให้พวกข้าสองคนมาต้อนรับทุกท่านด้านนอกหุบเขา”
“แสดงว่าเขารู้ว่าพวกข้ามาถึงแล้ว และรู้ว่าพวกเราเดินขึ้นบันไดสวรรค์นี้? ”
“ใช่แล้ว! ”
มู่หรงฉีขมวดคิ้วรุนแรง “เขาก็รู้ว่าโยวอ๋องกับพระชายาโยวอ๋องต้องเดินขึ้นบันไดสวรรค์นี้เช่นกัน? ”
เทพโอสถและหมอเทวดาต่างก็พยักหน้า
สีหน้ามู่หรงฉีบึ้งตึง ขมวดคิ้วแน่นเป็นพิเศษ
ผู้อื่นอาจไม่เคยเห็นตัวตนที่แท้จริงของเขา ทว่าเขาเห็นอย่างชัดเจน ความคิดที่เขามีต่อซูจิ่นซี ไม่มีทางไม่รู้ว่านางมาถึงแล้ว ทว่ากลับปล่อยให้นางทนทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่!
นอกจากนี้ยังอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่นางกำลังบาดเจ็บสาหัส
เจ้าคนแซ่จิ่ว นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?