สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 35 ตอนที่ 1041 หางหงส์ของเจ้าเก้าสี
เจ้าคนแซ่จิ่ว เจ้าหมายความว่าอย่างไรกันแน่?
ถังเสวี่ยทะเลาะกับเทพโอสถและหมอเทวดาอยู่เป็นเวลานาน และไม่เกิดอันใดขึ้นจากการทะเลาะวิวาทครั้งนี้ ผลสุดท้ายทุกคนก็ตัดสินใจเดินหน้าต่อไป
ทว่าเดินไปได้ไม่นานนัก เยี่ยโยวเหยาเริ่มอาเจียนออกเป็นเลือดอีกครั้ง ถังเสวี่ยและคนอื่นพูดเกลี้ยกล่อมอยู่นาน เขาถึงเต็มใจที่จะพักสักครู่
ในตำหนักเซียนหลิน จิ่วหรงกำลังนั่งดีดพิณอยู่บนหอดูดาว เสื้อผ้าสีขาวราวกับหิมะของเขาพลิ้วไหวอย่างต่อเนื่อง และข้างหลังเขาคือทะเลดาวที่กว้างใหญ่ไพศาล
ไม่รู้จิ้งจอกเก้าสีและสัตว์เทพกิเลนมาจากไหน จู่ๆ พวกมันก็ปรากฏตัวต่อหน้าจิ่วหรง
ปกติสัตว์เทพทั้งสองไม่เคยกล้าทำเช่นนี้ ทว่าวันนี้ พวกมันเผชิญกับสถานการณ์พิเศษ พวกมันกังวลมากจริงๆ
“จี๊ด… จี๊ด… จี๊ด”
“จี๊ด… จี๊ด… จี๊ด”
“โฮก… โฮก… โฮก”
จิ่วหรงลูบพิณไม่หยุด เพียงพูดเบาๆ ไปว่า “ไม่มี! ”
การเคลื่อนไหวของจิ้งจอกเก้าสีและสัตว์เทพกิเลนยิ่งบ้าคลั่งมากขึ้น
“โฮก… โฮก… โฮก… ”
“จี๊ด… จี๊ด… จี๊ด จี๊ด… จี๊ด… จี๊ด จี๊ด… จี๊ด… จี๊ด”
ในที่สุดจิ่วหรงก็หยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมด ใบหน้าที่เรียบเฉยไม่เคยเปลี่ยนแปลงนับพันปีย่นเล็กน้อย “พวกเจ้าบอกว่า เยี่ยโยวเหยาอาเจียนเป็นเลือดหรือ? ”
“จี๊ด… จี๊ด… จี๊ด”
“โฮก… โฮก… โฮก”
สัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสีมองไปที่จิ่วหรงอย่างจริงจัง ผงกหัวทั้งน้ำตา พวกมันไม่ได้โกหกอย่างแน่นอน
จิ่วหรงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนเอามือไพล่หลัง มองทะเลดวงดาวอันกว้างใหญ่ไพศาล สัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสีไม่เห็นสีหน้าของเขา
“เพียงกระอักเลือดเล็กน้อยเท่านั้น! ”
“โฮก… โฮก… โฮก”
“จี๊ด… จี๊ด… จี๊ด จี๊ด… จี๊ด… จี๊ด”
แต่ว่า?
คุณชาย ท่านเย็นชาไร้ความปรานีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
คุณชาย ทำไมท่านถึงได้เลือดเย็นเช่นนี้?
จิ่วหรงหยุดชะงักเล็กน้อย “เจ้าคิดว่าข้าเลือดเย็นหรือ”
“จี๊ด… จี๊ด… จี๊ด”
“โฮก… ”
คุณชาย หรือว่าไม่ใช่?
นั่นคือแม่จิ่นซีเชียวนะ
ท่านทารุณเยี่ยโยวเหยาก็พอทำเนา ทว่าท่านยังคิดทำร้ายแม่จิ่นซีอีกด้วยหรือ?
หากนางเป็นอันใดไป ท่านจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต
จิ่วหรงตกตะลึงเล็กน้อยและกำมือแน่น เห็นได้ชัดว่าไม่สบายใจ อีกทั้งยังมีเหงื่อออกที่กลางฝ่ามือ
ทว่าครู่หนึ่งเขายังไม่เปลี่ยนความตั้งใจ
“เขาต้องไม่ยอมให้นางเป็นอันใดแน่”
สัตว์เทพกิเลนคลานไปข้างหลังจิ่วหรง อุ้งเท้าหน้าของมันยึดแน่นกับพื้น เปลวเพลิงสีฟ้าเหมันต์ลอยขึ้นรอบตัวมัน พลางแยกเขี้ยวมองแผ่นหลังของจิ่วหรง
จิ้งจอกเก้าสีร้องเรียกจิ่วหรงด้วยความสิ้นหวัง “จี๊ด… จี๊ด”
คุณชายทำเช่นนี้ได้อย่างไร? เก้าสี… เก้าสีติดตามคุณชายมานานหลายปี ทว่าเป็นครั้งแรกที่เก้าสีรู้สึกว่าไม่เข้าใจความคิดของคุณชายเลย ไม่น่าแปลก… ไม่น่าแปลกที่ซูจิ่นซีจะตกหลุมรักเยี่ยโยวเหยา เหตุใดท่านมอบชีวิตและความปลอดภัยของนางให้บุรุษอื่นดูแลแทนเล่า?
จิ่วหรงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ หันหลังกลับมา
สัตว์เทพกิเลนยังคงแสดงปฏิกิริยาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เป็นครั้งแรกที่มันเผชิญหน้ากับจิ่วหรงด้วยท่าทีเช่นนี้ ทั้งยังเป็นครั้งแรกที่จิ่วหรงไม่โมโห และพูดกับจิ้งจอกเก้าสีด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เจ้าคิดว่าข้าขี้ขลาดหรือ? ”
ดวงตาของจิ้งจอกเก้าสีปรากฏความลึกซึ้งมากขึ้น มันไม่รู้ว่าจะตอบจิ่วหรงอย่างไร ครู่หนึ่งมันร้อง “จี๊ด… จี๊ด” ก่อนจะเดินเข้าไปหาจิ่วหรงและกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของจิ่วหรง ใช้ศีรษะสีขาวหิมะของมันถูไถบริเวณหัวใจของจิ่วหรงเหมือนเมื่อก่อน
คุณชาย ตรงนี้เจ็บปวดใช่หรือไม่?
มีเก้าสีอยู่ เก้าสีช่วยให้คุณชายสบายขึ้น
จิ่วหรงลูบขนปุยที่อ่อนนุ่มบนตัวจิ้งจอกเก้าสีอย่างเบามือ ครั้งแล้ว… ครั้งเล่า… ทว่าสายตาของเขามองทอดยาวออกไปโดยไร้จุดหมาย ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากำลังเหม่อลอย
ข้าก็รู้ว่าข้าขี้ขลาด
ทว่าในชาติภพนี้ ในที่สุดข้าก็แพ้แล้ว ไม่ใช่แพ้เขา ทว่า… ข้าแพ้นาง
“จี๊ด… จี๊ด… ”
คุณชาย…
“ทว่าข้าก็ยังไม่หายกังวลใจ ไม่วางใจที่จะมอบนางให้อยู่ในความดูแลของเขา ทว่าแม้ข้าจะกังวลมากเพียงใด มีบางเรื่องที่ได้ลิขิตชะตาชีวิตไว้แล้ว ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้”
“จี๊ด… จี๊ด… จี๊ด… ”
คุณชาย เก้าสีเป็นห่วงท่าน
เขี้ยวและกรงเล็บอันแหลมคมของสัตว์เทพกิเลนค่อยๆ หดกลับ จากนั้นจึงค่อยๆ เดินกลับไปที่ประตู
สายตาของจิ่วหรงยังคงเหม่อลอย ทว่าเขารู้ว่าเขากำลังคุยกับจิ้งจอกเก้าสี “หากเจ้าอยากไปด้วยก็ไป! ไปดูว่าพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง? ”
“จี๊ด… จี๊ด… จี๊ด… ”
ไม่ เก้าสีไม่จากไป เก้าสีจะอยู่เป็นเพื่อนคุณชาย เก้าสีไม่ไปไหนทั้งสิ้น
“เฮ้อ… ”
จิ่วหรงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งลงหน้าพิณเฟิ่งหวง วางจิ้งจอกเก้าสีไว้ข้างๆ และเล่นพิณต่อ
เก้าสีค่อยๆ ย้ายไปที่ต้นขาของจิ่วหรง พักบนขาของจิ่วหรง แพนหางทั้งเก้าของมันเหมือนพัด โบกส่ายไปมาเป็นจังหวะเหมือนหางเฟิ่งหวง เหมือนดั่งหางหงส์
หลังผ่านไปครู่ใหญ่ จิ่วหรงก็พูดเบาๆ ว่า “ถ้าเขาไม่สามารถผ่านด่านความยากลำบากครั้งนี้ไปได้ เขาจะต้องพบกับความยากลำบากและอุปสรรคอีกมากมายตลอดชีวิตที่เหลือของเขา และในอนาคตหลายชาติภพยังมีเรื่องคาดเดาไม่ได้อีกมาก ข้าจะวางใจมอบคนที่รักให้อยู่ในมือเขาได้อย่างไร? และจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเขาจะดีกับนาง? ”
จิ้งจอกเก้าสีที่กำลังส่ายหางไปมาพลันหยุดลงชั่วขณะ มันหยุดชะงักอยู่นาน เมื่อไม่มีใครเห็น หยดน้ำตาสุกสกาวหล่นลงมาจากขอบตาของจิ้งจอกน้อย มันกลับใช้เท้าของมันปาดคราบน้ำตาออก เพื่อไม่ให้หยดลงบนเสื้อผ้าของจิ่วหรง
คุณชายพูดเช่นนี้ เหตุใดเก้าสีฟังแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก?
เหตุใดต้องหลายชาติภพด้วย? ชาตินี้ แม้จะพลาดกับนาง ชาติหน้า ชาติหน้าหน้า แปดชาติหน้า คุณชายยังเฝ้ารอนาง ตามนาง รักนาง ต้องมีสักชาติภพที่ได้อยู่เคียงคู่กับนาง!
เหตุใดคุณชายถึงกล่าวคำพูดโศกเศร้าเช่นนี้?
หรือว่า… หรือว่า?
จิ้งจอกเก้าสีไม่กล้าคิด มันแอบปาดน้ำตาของมันอยู่นาน จากนั้นหางหงส์ที่หยุดไปนานก็เริ่มโบกไปมาอีกครั้ง ทว่าผิดจังหวะไปหมด จะทำอย่างไรก็ไม่ทันจังหวะพิณของจิ่วหรง
ไม่รู้ว่าเสียงพิณหรือว่าหัวใจของจิ้งจอกเก้าสีกันแน่ที่ผิดจังหวะ
หลังเดินต่อไปอีกครึ่งชั่วยาม เยี่ยโยวเหยาและคนอื่นๆ เพิ่งจะเดินมาได้เพียงสองในห้าของบันไดสวรรค์ทั้งหมด ไม่รู้ว่าเยี่ยโยวเหยาอาเจียนเป็นเลือดกี่ครั้ง ในตอนนี้ แม้แต่อู๋จุนที่เดินตามหลังก็ยังหยุดหัวเราะเยาะ เขากับถังเสวี่ยนิ่งเงียบ เดินทีละก้าวตามหลังเยี่ยโยวเหยาอย่างสงบนิ่ง
สัตว์เทพกิเลนกลายร่างเป็นสัตว์เทพตัวน้อยน่ารัก กระโดดไปมาไม่ไกลๆ ส่งเสียงร้องโดยไม่รู้ว่ามันพูดอะไร ไม่มีใครเข้าใจ
มันหวาดกลัวเยี่ยโยวเหยามากและไม่กล้าเข้าใกล้เยี่ยโยวเหยามากเกินไป
“เยี่ยโยวเหยา พักสักครู่เถิด หนทางอีกยาวไกล! ” มู่หรงฉี เงยหน้าขึ้นมองไปด้านบน เห็นเพียงเมฆ พระอาทิตย์ส่องแสงสว่าง เส้นทางยาวไกล เขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องเดินไปถึงเมื่อใด
แม้เยี่ยโยวเหยาจะนิ่งเงียบและไม่พูดอันใด แต่กลับไม่ได้ดื้อรั้นเหมือนเมื่อก่อน เขานั่งลงพร้อมกับซูจิ่นซีที่อยู่ในอ้อมกอด
เขาไม่รู้ว่าซูจิ่นซีจะฟื้นขึ้นมาเมื่อใด ขณะที่เยี่ยโยวเหยาวางนางลงบนพื้น นางค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองดวงตาของเยี่ยโยวเหยา พลางแย้มยิ้มเล็กน้อย
เยี่ยโยวเหยาดีใจมาก เขากุมมือซูจิ่นซีแน่น “จิ่นซี เจ้าฟื้นแล้ว”
“เพคะ” ซูจิ่นซีพยักหน้า
“เป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่? ”