สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 35 ตอนที่ 1043 ซูจิ่นซีจะรอได้อย่างไร?
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของจิ้งจอกเก้าสีทำให้ทุกคนตกใจหยุดนิ่งอยู่กับที่
จิ้งจอกเก้าสีส่งเสียงร้องมายังทิศทางของเยี่ยโยวเหยา จากนั้นจึงหันหลังกลับวิ่งไปปลายสุดของบันไดสวรรค์ ทว่าหลังมันวิ่งไปสองก้าวก็หยุดอีกครั้ง ค่อยๆ ยกหางที่สวยงามขึ้น หางขนาดใหญ่ค่อยๆ แพนออก รอบตัวมันค่อยๆ เปล่งแสงห้าสี
เมื่อแสงสว่างนั้นผนึกรวมกันได้พื้นที่ตามกำหนด ประตูบานใหญ่และงดงามก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น
ห้อมล้อมด้วยเมฆ ราวกับแดนสวรรค์
คนที่ตกใจที่สุดคือเทพโอสถและหมอเทวดา สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปราวกับว่าพวกเขาได้เห็นเรื่องใหญ่โต พวกเขาตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“จี๊ด… จี๊ด… จี๊ด… ” จิ้งจอกเก้าสีมองย้อนกลับไปส่งเสียงเรียกเยี่ยโยวเหยาและคนอื่นๆ ด้วยท่าทางตื่นเต้น
เยี่ยโยวเหยายืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน จิ้งจอกเก้าสีวิ่งไปที่ด้านข้างเยี่ยโยวเหยาด้วยท่าทางเหมือนมนุษย์ ส่งเสียงร้อง จี๊ด จี๊ด จี๊ด ให้เยี่ยโยวเหยาสองสามครั้งและวิ่งเข้าไปในประตูแสงสว่างห้าสีนั้นอย่างรวดเร็ว
เยี่ยโยวเหยา มู่หรงฉี และคนอื่นๆ ดูเหมือนจะเข้าใจความหมายของจิ้งจอกเก้าสี พวกเขาสบตากันด้วยความตกตะลึง
“จี๊ด จี๊ด จี๊ด จี๊ด… ”
จิ้งจอกเก้าสีปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง ร้องเรียกทุกคน จี๊ด จี๊ด
เยี่ยโยวเหยาอุ้มซูจิ่นซีเดินเข้าไปในประตูแสงสว่างห้าสีนั้น มู่หรงฉี อู๋จุน และถังเสวี่ยเดินตามหลังไป
เมื่อทุกคนเดินเข้าไปภายในประตูแล้ว ประตูแสงสว่างห้าสีนั้นก็สลายหายไป เทพโอสถและหมอเทวดาแสดงสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด
จิ้งจอกเก้าสีเป็นสัตว์เทพข้างกายท่านเจ้าสำนัก หากไม่มีคำสั่งของเจ้าสำนัก จิ้งจอกเก้าสีไม่มีทางใจกล้าเปิดประตูให้พวกเขาเข้าประตูไปโดยพลการแน่นอน
ไหนบอกว่าเป็นการทดสอบ ท้ายที่สุดเจ้าสำนักก็ใจอ่อน และรู้สึกเป็นห่วงแม่นางซูกระมัง
ในเมื่อเป็นความประสงค์ของท่านเจ้าสำนัก พวกเขาจะพูดอันใดได้อีก?
ทั้งสองสบตากันพลางส่ายศีรษะเล็กน้อย
เทพโอสถร่ายเวทมนตร์เปิดประตูแสงห้าสีอีกครั้ง จากนั้นจึงเดินตามเยี่ยโยวเหยาและคนอื่นๆ เข้าไป
จิ้งจอกเก้าสีนำทางเยี่ยโยวเหยาและคนอื่นๆ ไปถึงตำหนักเซียนหลิน ไม่มีใครส่งเสียงและจิ่วหรงก็ไม่ลุกขึ้นเช่นกัน เขายังคงเล่นพิณอยู่บนหอดูดาว
เยี่ยโยวเหยาอุ้มซูจิ่นซียืนอยู่หน้าประตูตำหนัก พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ตำหนักเซียนหลินด้วยดวงตาซับซ้อน
เครื่องประดับตกแต่งไม่หรูหรา ทว่าโต๊ะ เก้าอี้ ถ้วย และกาน้ำชาล้วนเปล่งแสงเป็นประกายเคลือบบางเบาดั่งเครื่องลายครามโบราณ ซึ่งให้บรรยากาศที่แยกออกจากโลก มองเครื่องประดับตกแต่งเหล่านั้น ดูเหมือนเยี่ยโยวเหยาจะสามารถเห็นจิ่วหรงและซีเอ๋อร์เมื่อพันปีก่อนนั่งหันหน้าเข้าหากัน ดีดพิณและเต้นรำ… ทั้งยังมีดอกเหมยนอกหน้าต่างที่ไม่เหี่ยวเฉานับพันปี
ในที่สุดเสียงพิณของจิ่วหรงก็หยุดลง เขาเงยหน้ามองไปที่เยี่ยโยวเหยาและคนอื่นๆ ที่ประตู ก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีสงบ
“พวกเจ้ามาแล้วหรือ! ”
ขณะพูด จิ่วหรงเดินเข้ามาหาเยี่ยโยวเหยาและตรวจชีพจรที่ข้อมือของซูจิ่นซีอย่างเป็นธรรมชาติ
แม้ว่าเห็ดหลินจือวิเศษของวิหารเทพซีหวังหมู่ไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของซูจิ่นซีได้ทั้งหมด ทว่าสามารถบรรเทาอาการบาดเจ็บของนางให้อยู่ในสภาพไม่ดีขึ้นหรือไม่เลวร้ายลง ในขณะเดียวกันยังปกป้องทารกในครรภ์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
“เข้ามาข้างในก่อน! ” จิ่วหรงพูด
จากนั้นจิ่วหรงก็รีบเดินไปที่ข้างเตียงอย่างรวดเร็ว ปูผ้าห่มขนแกะสีขาวราวกับหิมะเพื่อให้เยี่ยโยวเหยาวางซูจิ่นซีลงบนเตียงก่อน
เยี่ยโยวเหยาพูดว่า “ไม่เป็นไร ข้าสามารถอุ้มนางได้” จิ่วหรงรู้ว่าเยี่ยโยวเหยารังเกียจ เขาจึงไม่พูดอะไรอีก
อู๋จุนขมวดคิ้ว “เจ้าคนแซ่เยี่ย เจ้าไม่เหนื่อย แต่แม่นางพิษน้อยเหนื่อยแล้วกระมัง! เดินทางมาตั้งนาน เจ้าให้แม่นางพิษน้อยพักสักครู่ไม่ดีกว่าหรือ? ”
เยี่ยโยวเหยาไม่แม้แต่จะเหลือบมองอู๋จุน เขาพูดว่า “พระชายาของข้า ข้าเป็นคนตัดสินใจทั้งหมด”
แม้น้ำเสียงไม่ดังมาก ทว่าเป็นเสียงที่ดุดันและดื้อรั้นเอาแต่ใจ ไม่มีใครสามารถถามหรือสงสัยได้
อู๋จุนสำลักและสบถด่า ‘บัดซบ’ และนั่งลงที่โต๊ะหินด้านข้าง รินชาสองถ้วย หยิบถ้วยหนึ่งขึ้นมาแล้วพูดกับถังเสวี่ยว่า “เจ้า ดื่มชา! ”
ถังเสวี่ยยื่นมือรับถ้วยชา ดวงตาหวานซึ้งเปล่งประกาย
อู๋จุนหยิบถ้วยอีกใบขึ้นมาจิบเล็กน้อย
“กงล้อแห่งโชคชะตานพคุณหลิงหลงอยู่ที่ใด? จะรวบรวมวิญญาณให้นางได้อย่างไร? ” เยี่ยโยวเหยาถามจิ่วหรง
“อย่าเพิ่งรีบร้อนเกินไป พวกเราร่ายเวทมนตร์ตามหาหลุมฝังศพของจิ่นอีโหวก่อน” จิ่วหรงพูดแล้วกำชับให้ลูกศิษย์นอกประตูไปเชิญช่างฝีมือต้วน
แม้อดีตชาติสามร้อยปีที่แล้ว โยวเหยาเคยใช้กงล้อแห่งโชคชะตานพคุณหลิงหลงตอนที่เขาเป็นรัชทายาทหมิงเต๋อ ทว่าระยะเวลาก็ผ่านมากว่าสามร้อยปี เขาจำอะไรได้ไม่ชัดเจนมากนัก อีกอย่าง จุดที่ตั้งของกงล้อแห่งโชคชะตานพคุณหลิงหลงเขาเองก็จำไม่ได้
เยี่ยโยวเหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ผนึกรวมจิตวิญญาณของนาง เหตุใดจะต้องเปิดสุสานจิ่นอีโหวก่อน? ”
จิ่วหรงไม่ได้พูดอย่างชัดเจน ทว่าพูดย้ำอย่างหนักแน่นว่า “สุสานจิ่นอีโหวและกงล้อแห่งโชคชะตานพคุณหลิงหลงจะขาดสิ่งใดไม่ได้เลย”
เป็นเวลานับพันปี ดวงวิญญาณของซีเอ๋อร์ จิ่วหรงค่อยๆ รวบรวมมันมาทีละดวง และจิ่วหรงก็เป็นคนต้นคิดที่จะผนึกดวงจิตวิญญาณของซูจิ่นซี และเขาได้เสียสละสิ่งใดไปมากมาย ท้ายที่สุดแล้ว วิธีการเป็นอย่างไรและควรจะทำเช่นไรนั้นขึ้นอยู่กับเขา เยี่ยโยวเหยาไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใดและพยักหน้ารับคำ หลังคิดอย่างรอบคอบแล้วจึงตัดสินใจร่วมมือกับจิ่วหรง
จิ่วหรงกำชับลูกศิษย์นอกประตูให้เชิญช่างฝีมือต้วน
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ลูกศิษย์ก็พาช่างฝีมือต้วนเข้ามา
แม้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์จะเป็นผู้มีอำนาจและสูงศักดิ์ ทว่าช่างฝีมือต้วนไม่แสดงอาการหวาดกลัวแต่อย่างใด เขาเดินด้วยท่าทีสงบและคำนับจิ่วหรง “คุณชาย! ”
จากนั้นเขาก็คำนับเยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซี มู่หรงฉี อู๋จุน และถังเสวี่ย
เยี่ยโยวเหยาหยิบธาตุอมฤตทั้งห้า เคล็ดวิชาหลอมขึ้นรูป และอั้นหรานเซียวหุนออกมาทีละอย่าง
แววตาช่างฝีมือต้วนเป็นประกายทันที “ธาตุอมฤตทั้งห้า เป็นสิ่งของที่หายากมากที่สุดในใต้หล้า ทุกท่านรวบรวมมันได้ทั้งหมดภายในเวลาเพียงเดือนเดียว ผู้แซ่ต้วนขอชื่นชม ขอชื่นชม เป็นเรื่องที่น่ายกย่องยิ่งนัก”
เขาพูดจบก็ก้มลงมองเคล็ดวิชาหลอมขึ้นรูปอีกครั้ง มองอยู่เป็นเวลานาน แววตาทั้งหมดเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ในฐานะช่างฝีมือ เขาสามารถเห็นเคล็ดวิชาหลอมขึ้นรูปในชีวิตนี้ แม้ตายก็ไม่เสียใจแล้ว
“ช่างฝีมือต้วน รวบรวมของเหล่านี้ครบถ้วนแล้ว ท่านสามารถฟื้นฟูรูปภาพสมบูรณ์ก่อนหน้านี้ได้หรือไม่? ”
“ได้แน่นอน” ช่างฝีมือต้วนตอบโดยไม่ลังเล
ก่อนหน้านี้ อั้นหรานเซียวหุนหยดลงบนอาคมกำไลปี่อั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นก็ปรากฏรูปภาพ เนื่องจากขนาดของอาคมกำไลปี่อั้นเล็กเกินไป รูปภาพที่ปรากฏจึงสมบูรณ์ จากนั้นเยี่ยโยวเหยาก็ตามหาลูกหลานของช่างฝีมือต้วนที่สร้างอาคมกำไลปี่อั้นในเวลานั้น และสอบถามเกี่ยวกับวัสดุที่ใช้อาคมกำไลปี่อั้นอย่างละเอียด
ระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน ในที่สุดทุกคนก็ตามหาวัสดุทั้งหมดที่ใช้สำหรับทำอาคมกำไลปี่อั้น รวมทั้งใช้เคล็ดวิชาการหลอมขึ้นรูปที่สร้างขึ้นพร้อมกัน ขอเพียงภาพที่ปรากฏขึ้นก่อนหน้านี้สามารถปรากฏอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง ทุกคนก็สามารถรู้ตำแหน่งที่ชัดเจนของสุสานจิ่นอีโหว
นี่คือความปรารถนาของเยี่ยโยวเหยา และความปรารถนาของซูจิ่นซี และเป็นเรื่องที่ทุกคนในใต้หล้าต่างเฝ้าปรารถนา
“ช่างฝีมือต้วน ถ้าอย่างนั้น เรามาเริ่มกันเถิด! ” อู๋จุนกล่าว
ช่างฝีมือต้วนเหลือบมองอู๋จุนและยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “เจ้าหุบเขาอู๋คงยังไม่ทราบ การใช้เคล็ดวิชาการหลอมขึ้นรูปรวมธาตุอมฤตทั้งห้าเข้าด้วยกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย อันดับแรก พวกเราต้องหาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังจิตวิญญาณหลิงชี่ โดยอาศัยพลังศักดิ์สิทธิ์หลิงชี่ นอกจากนี้ยังต้องใช้เตาหลอมขนาดใหญ่เพื่อหลอมธาตุอมฤตทั้งห้า จากนั้นใช้เวลาหลอมอีกสี่สิบเก้าวันถึงจะหลอมสำเร็จ ระหว่างนี้ขาดตอนไม่ได้เลย หากขาดตอนกะทันหัน สิ่งที่ทำมาก็สูญเปล่า”
อันใดนะ สี่สิบเก้าวัน?
ซูจิ่นซีจะรอนานถึงเพียงนั้นได้หรือ?