สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 35 ตอนที่ 1047 ถังเสวี่ยถูกโจมตี
ไม่นานนัก ทุกคนก็พบตำแหน่งคร่าวๆ ของสุสานจิ่นอีโหว
อู๋จุนกระโดดลงจากหลังม้า ยืนมือเท้าสะเอว มองความงดงาม ภูเขาแม่น้ำลำธารเบื้องหน้า และถอนหายใจให้กับทิวทัศน์ที่ทอดยาวออกไปเป็นพื้นที่กว้างสุดสายตา ดั่งดวงดาวโอบจันทรา
“ยอดเยี่ยม ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนเลือกดินแดนที่ล้ำค่าเช่นนี้ ชัยภูมิฮวงจุ้ยแบบนี้น่าทึ่งมาก ล้ำเลิศกว่าจักรพรรดิใดๆ เสียอีก”
เยี่ยโยวเหยาไม่เป็นอันใดมาก จิ่วหรงลงจากม้าและเดินไปที่รถม้าพลางเหลือบมองอาการของซูจิ่นซี แม้อาการของซูจิ่นซีจะไม่ดีขึ้น ทว่าโชคดีที่ยังอยู่ในสภาวะไม่ดีขึ้นและไม่เลวร้ายจนเกินไป
จิ่วหรงออกจากรถม้าอย่างรวดเร็ว
มู่หรงฉีพูดว่า “พอได้แล้ว ไม่ต้องมองแล้ว รีบขึ้นรถม้า! เราต้องหาทางเข้าสุสานก่อนฟ้ามืด มิฉะนั้นฟ้ามืดก็จะหายากขึ้น”
อู๋จุนฟังคำพูดของมู่หรงฉีอย่างดี เขาขึ้นหลังม้า ทุกคนจึงมุ่งหน้าเดินทางต่อไป
ทว่าจนกระทั่งท้องฟ้ามืดสนิท ทุกคนก็ยังไม่พบทางเข้าสุสานจิ่นอีโหว อีกทั้งเส้นทางแคบลงเรื่อยๆ ทำให้เดินทางยากลำบากมากยิ่งขึ้น
มู่หรงฉีแนะนำว่า “มิสู้พวกเราพักที่นี่ก่อน รอจนถึงเช้าค่อยค้นหากันต่อ เส้นทางบนเขายากลำบาก รถม้าก็เดินทางยาก จิ่นซีอาจจะทนไม่ไหว”
“ข้าเห็นด้วย! ” อู๋จุนเป็นคนแรกที่เห็นด้วย
“ตกลง! ” จิ่วหรงพูด
เยี่ยโยวเหยาไม่ได้พูดอันใด เพียงกระโดดลงจากหลังม้าเดินไปที่รถม้า
ทุกคนจึงพักผ่อนตามอัธยาศัย
แม้ยังไม่ถึงฤดูใบไม้ร่วงย่างเข้าฤดูหนาว ทว่ากลางคืนบนภูเขาอากาศหนาวเย็นเล็กน้อย อู๋จุนกับมู่หรงฉีออกไปหาฟืนและจุดกองไฟ
ถังเสวี่ยนำอาหารที่นางเตรียมมาแจกจ่ายให้กับทุกคน
อาการของซูจิ่นซีดีขึ้นเล็กน้อย นางอยู่ในสภาวะมีสติ
ถังเสวี่ยยื่นขนมนุ่มเหนียวให้ซูจิ่นซี “กินสักเล็กน้อยเถิด! นี่คือสิ่งที่ข้าทำเมื่อไม่กี่วันก่อนตอนที่อยู่สำนักแพทย์เทียนอีและรู้สึกเบื่อๆ เจ้าลองชิมฝีมือข้าได้” ถังเสวี่ยแสดงสีหน้าภูมิใจ
ซูจิ่นซีเห็นสิ่งนั้นก็รู้สึกพะอืดพะอม คิ้วของนางขมวดเข้าหากันและส่ายศีรษะปฏิเสธ
“ไม่ทานอันใดบ้างได้อย่างไร? เจ้าไม่ได้กินมาหลายวันแล้ว ต่อให้เจ้าไม่หิว ยังมีทารกในครรภ์อีก เจ้าจะปล่อยให้ทารกในครรภ์อดไปกับเจ้าไม่ได้! ”
ซูจิ่นซีนิ่งเงียบ เยี่ยโยวเหยาหยิบขนมของถังเสวี่ยและพูดกับซูจิ่นซีอย่างนุ่มนวลว่า “กินสักหน่อยเถิด ดีต่อร่างกายเจ้า หากไม่ชอบก็กินน้อยลงหน่อย รอเจ้าอาการดีขึ้นแล้ว ข้าจะทำอาหารอร่อยให้เจ้าทานเอง” เขาพูดพลางยื่นขนมให้ซูจิ่นซี
แม้ซูจิ่นซีจะไม่อยากกิน ทว่านางก็ไม่อยากให้เยี่ยโยวเหยาเป็นห่วง นางจึงกัดขนมในมือของเยี่ยโยวเหยาไปเล็กน้อย
ขนมเมื่อเข้าปากเหนียวนุ่ม ไม่มันเยิ้ม รสชาติกำลังดี
ถังเสวี่ยมองด้วยสายตาตกตะลึง นางมองเยี่ยโยวเหยาด้วยสายตาอิจฉาและประหลาดใจ
“โอ้ พระเจ้า โยวอ๋องทำอาหารได้ด้วยหรือ? ”
จริงๆ แล้วเขาทำไม่ได้ ทว่าเพื่อให้ซูจิ่นซีมีความสุข เขาจึงเรียนรู้ภายหลังเท่านั้น
ทว่าเรื่องเช่นนี้ เขาไม่มีทางบอกถังเสวี่ยแน่ ยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้อีกด้วย
เสียงของเยี่ยโยวเหยาไม่ดัง มู่หรงฉี อู๋จุน และจิ่วหรง ซึ่งอยู่ไม่ไกลก็ได้ยินอย่างชัดเจน
เยี่ยโยวเหยาดีกับซูจิ่นซี มู่หรงฉีมีความสุขเป็นธรรมดา
จิ่วหรงลูบไล้ขนปุกปุยของจิ้งจอกเก้าสีในอ้อมแขนเบาๆ สีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง
อู๋จุนสบถพึมพำเสียงต่ำ “หากเขาทำอาหารได้ ข้าจะเขียนชื่อตนเองกลับหัวให้ดู”
หูของถังเสวี่ยว่องไว นางได้ยินโดยบังเอิญ ดวงตาหรี่แคบลง มือเท้าเอวค่อยๆ หันหน้าถลึงตาใส่อู๋จุน “ถังเป่าอวี้ เจ้ายังกล้าพูดอีกหรือ? เจ้าแหกตาดูสิ เจ้าดูโยวอ๋องปฏิบัติต่อซูจิ่นซี และวิธีที่เจ้าปฏิบัติต่อข้า เขาเป็นถึงมหาอุปราชแห่งแคว้นจงหนิง โยวอ๋องผู้ยิ่งใหญ่รู้ว่าเขาควรดีต่อภรรยาของเขา ดูเจ้า เจ้ามีอันใดบ้าง? ”
อู๋จุนเฉยเมย “เจ้าบอกว่านางเป็นภรรยาของเขา ส่วนเจ้าถือว่าเป็นสิ่งใด? ”
“ถังเป่าอวี้! ” ถังเสวี่ยโกรธจัดจนหัวร้อน ดวงตาดั่งไฟลุกโชนและเดือดดาลสุดขีด นางหยิบกระบี่ยาวพุ่งเข้าไปหาอู๋จุน
อู๋จุนลุกขึ้นและวิ่งหนีออกไปด้วยท่าทางไม่อยากโต้เถียงกับอิสตรี
“ถังเป่าอวี้ หยุดเดี๋ยวนี้ แน่จริงอย่าหนี ถังเป่าอวี้… ถังเป่าอวี้… ” ในพริบตา ทั้งสองก็คนหายตัวไปแล้ว
สีหน้าของซูจิ่นซีดูอ่อนแอ นางส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ “ถังเสวี่ยจริงใจกับอู๋จุนมากเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อไรบุรุษคนนี้จะเข้าใจนาง”
จิ่วหรงได้ยินคำพูดนี้ มือที่ลูบจิ้งจอกเก้าสีพลันหยุดชะงักเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ามีแสงแปลกประหลาดกะพริบในดวงตาของเขา
จิ้งจอกเก้าสีรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของจิ่วหรง มันร้อง จี๊ด… จี๊ด เสียงต่ำ พยายามซุกหัวเข้าไปในอ้อมแขนของจิ่วหรง
จิ่วหรงจะไม่เข้าใจความคิดของจิ้งจอกเก้าสีได้อย่างไร?
เขายกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเพื่อปลอบใจ และยังลูบขนปุกปุยของเจ้าเก้าสีช้าๆ
เยี่ยโยวเหยาป้อนขนมให้ซูจิ่นซีเล็กน้อย จากนั้นจึงยื่นน้ำให้ซูจิ่นซีดื่ม
ตอนแรกไม่ค่อยอยากกินอันใด ทว่าหลังกัดขนมก็รู้สึกว่าขนมนั้นอร่อยดี จึงกินไปอีกสองชิ้น
ทันใดนั้น สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที…
เยี่ยโยวเหยารีบวางถ้วยน้ำในมือด้วยความตกใจ “เป็นอันใดไปหรือ ไม่สบายที่ใด? ”
ทันทีที่เสียงของเยี่ยโยวเหยาหยุดลง ร่างเงาสีขาววาบผ่าน จิ่วหรงมาอยู่ด้านข้างซูจิ่นซีทันทีและตรวจชีพจรให้ซูจิ่นซี
มู่หรงฉีก็รีบวิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“ไม่ใช่ข้า” ซูจิ่นซีพูด “ข้าไม่เป็นอันใด รีบไป เรียกอู๋จุนกับถังเสวี่ยกลับมา มียาพิษอยู่บริเวณนี้ พิษจากแคว้นไหวเจียง! ”
จิ่วหรงแตะข้อมือของซูจิ่นซีก็รู้ทันทีว่าซูจิ่นซีไม่เป็นอันใด
เป็นเพียงความตื่นตระหนกเท่านั้น
“เร็วเข้า! ” ซูจิ่นซีสีหน้าเป็นกังวล
“ตกลง ข้าจะไปเรียกเขากลับมา! เจ้าไม่ต้องกังวล ความสามารถของอู๋จุนนั้นก็ไม่ด้อย ถังเสวี่ยต้องไม่เป็นอันใดแน่”
มู่หรงฉีพูดพลางลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และรีบเดินไปตามทางที่อู๋จุนและถังเสวี่ยจากไป
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วแน่น
เขาคิดว่าเมื่อไขความลับของอั้นหรานเซียวหุนแล้ว อาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายในอาณาจักรเทียนเหอ และการเดินทางของพวกเขาในครั้งนี้คงไม่ราบรื่นนัก กลับไม่คิดว่าจะรวดเร็วถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังเป็นคนของแคว้นไหวเจียงอีก
คนของแคว้นไหวเจียงตามติดแจเหมือนกอเอี๊ยะติดแผล น่ารำคาญจริงๆ เยี่ยโยวเหยาไตร่ตรองรอบคอบแล้ว เมื่อเขากลับมาจากสุสานจิ่นอีโหวและร่างกายซูจิ่นซีฟื้นตัวเป็นปกติ แคว้นไหวเจียงจะเป็นแคว้นแรกที่จะต้องถูกทำลาย
แม้ระบบถอนพิษของซูจิ่นซีจะสัมผัสได้ถึงพิษที่เข้ามาใกล้ ทว่านางได้รับบาดเจ็บสาหัสและตั้งครรภ์ ประสิทธิภาพของระบบถอนพิษจึงลดลงไปอย่างมาก การตรวจจับสารพิษค่อนข้างช้า อู๋จุนและถังเสวี่ยไปไกลมาก ขณะมู่หรงฉีไปถึงก็สายเกินไปแล้ว
เขาไปได้ไม่ไกลนักก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอันน่าสะพรึงกลัวของถังเสวี่ย
เสียงดังก้องไปทั่วหุบเขา
สีหน้ามู่หรงฉีซีดลงทันทีและรีบวิ่งไปในทิศทางของเสียง
เมื่อมู่หรงฉีมาถึง ฝูงงูพิษล้อมถังเสวี่ย แม้นางจะฟันงูด้วยกระบี่ยาวในมือ ทว่างูพิษมีมากเกินไป ไม่ว่านางจะฟันไปมากเพียงใด งูพิษก็ไม่หมดเสียที อีกทั้งเมื่อฟันงูพิษขาดสองท่อน ส่วนหัวงูยังโจมตีกลับได้อีก
ไม่รู้ว่าอู๋จุนไปที่ใด ไม่เห็นเขาแม้แต่เงา และไม่รู้ว่าเขาจะประสบอันตรายเช่นเดียวกับถังเสวี่ยหรือไม่