สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 35 ตอนที่ 1048 ความลับทางทหารของเยี่ยโยวเหยา
ถังเสวี่ยเห็นมู่หรงฉีเหมือนได้พบกับฝนที่ตกได้ทันเวลา “มู่หรงฉี ช่วยข้าด้วย! อ๊าก… งู ข้ากลัวงูมากที่สุด”
เกรงว่าการเดินทางครั้งนี้จะต้องพบกับคนแคว้นไหวเจียง ขณะที่พวกเขามาถึงก็ได้เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ มู่หรงฉีขอให้ซูจิ่นซีมอบยาถอนพิษของแคว้นไหวเจียงไม่น้อย อีกทั้งยังเตรียมสุราสยงหวง (*สุราผสมกำมะถัน) อีกด้วย
มู่หรงฉีดื่มสุราสยงหวงเข้าไปและพ่นลงไปที่กระบี่ในมือเขา จากนั้นจึงเหาะขึ้นไปและสาดสุราที่เหลือไปทางงูพิษเหล่านั้น
สุราสยงหวงธรรมดาไม่สามารถจัดการกับเหล่างูพิษของแคว้นไหวเจียงได้แน่ ทว่าสุราเหล่านี้มาจากซูจิ่นซี และสุราทั้งหมดได้ผสมกับสมุนไพรในระบบถอนพิษ มีไว้สำหรับจัดการกับงูพิษของแคว้นไหวเจียงโดยเฉพาะ
เป็นจริงดั่งคาด ทันทีที่งูสัมผัสสุราสยงหวงก็สลายหายไปในทันที ส่วนงูที่เหลือได้กลิ่นพิเศษก็รีบล่าถอยและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า… ” งูถอยกลับไปหมดแล้ว ถังเสวี่ยยังคงโบกกระบี่ยาวในมือราวกับถูกปีศาจเข้าสิง
มู่หรงฉีเดินไปข้างหน้าจับมือถังเสวี่ยอย่างรวดเร็ว “แม่นางถังเสวี่ย อย่าเพิ่งตกใจ งูพิษถอยออกไปหมดแล้ว”
ใบหน้าถังเสวี่ยเต็มไปด้วยเหงื่อ เส้นผมของนางเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
“ถอย… ถอยไปแล้วหรือ? ”
ทันทีที่นางพูดจบ สองขาก็อ่อนแรงและเป็นลมหมดสติ มู่หรงฉีเข้าไปประคองถังเสวี่ยอย่างรวดเร็ว ทว่าแสงสีแดงวาบผ่านมาดั่งเมฆสีแดง ตรงเข้าไปผลักมู่หรงฉี
มู่หรงฉีเกือบจะล้มลงกับพื้น หลังถอยกลับไปสองก้าว เขาก็รู้ว่าเป็นอู๋จุน
อู๋จุนกอดถังเสวี่ยและพูดช้าๆ ว่า “มีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถสัมผัสนางได้! ”
มู่หรงฉีมีใบหน้าไม่เข้าใจ “ตอนนี้เจ้าคงรู้ว่านางเป็นคนในหัวใจของเจ้า ตอนที่นางถูกงูพิษล้อมไว้ เจ้าไปอยู่ที่ใด? ”
“ผู้ใดบอกว่าคนที่อยู่ในหัวใจของข้าคือนาง” อู๋จุนปฏิเสธเสียงแข็ง แล้วอธิบายว่า “ใครให้นางวิ่งช้ากว่าข้า ตามข้าไม่ทันเล่า! ข้ามองไม่เห็นนาง กลัวว่านางจะถูกสัตว์ป่ากินก็เลยกลับมาตามหานาง”
หลังพูดจบ เหมือนมู่หรงฉีจะมองความคิดของเขาออกจึงพูดเสริมว่า “วิ่งช้าถึงเพียงนี้ วิ่งตามข้าไม่ทัน จะเป็นคนที่อยู่ในหัวใจข้าได้อย่างไร ในชีวิตนี้มีเพียงคนเดียวที่อยู่ในหัวใจของข้า นั่นก็คือแม่นางพิษน้อย! ”
มู่หรงฉีนิ่งเงียบไม่พูดสิ่งใด หลังอู๋จุนพูดจบก็มองไปรอบๆ “เกิดอันใดขึ้น เหตุใดถึงมีงูพิษอยู่ที่นี่? ”
“จิ่นซีตรวจพบว่าเป็นงูพิษของแคว้นไหวเจียง นางให้ข้าออกมาตามหาพวกเจ้า ที่นี่อยู่นานไม่ได้ พวกเรารีบกลับกันเถิด! ”
“ตกลง! ”
อู๋จุนพูดพลางรีบอุ้มถังเสวี่ยจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นทั้งสามกลับมา ซูจิ่นซีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะว่าสารพิษที่ระบบถอนพิษของนางตรวจพบนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กล่าวคือสิ่งมีพิษรอบบริเวณค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น
ช่วงเวลาที่อู๋จุน ถังเสวี่ย และมู่หรงฉีออกจากขบวน พวกเขาก็ยิ่งอันตรายมากขึ้น
ทว่าขณะที่เห็นถังเสวี่ยเป็นลม ซูจิ่นซีก็แสดงสีหน้ากังวลเล็กน้อย “เกิดอันใดขึ้นกับถังเสวี่ย? ”
มู่หรงฉีกลัวว่าซูจิ่นซีจะกังวลมากเกินไปจนส่งผลเสียต่อร่างกายนาง จึงพูดไปว่า “ไม่เป็นไรมาก นางแค่ตกใจจนเป็นลมหมดสติ”
อู๋จุนรีบพูดว่า “แม่นางพิษน้อยไม่ต้องกังวล ดูแลตนเองเถิด เขาอยู่ที่นี่! ” พูดพลางชี้ไปที่จิ่วหรง
จิ่วหรงเดินไปตรวจชีพจรถังเสวี่ย หลังแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีจึงหยิบยาเม็ดที่พกติดตัวมามอบให้ถังเสวี่ยทาน
“แค่ตกใจมากเกินไปจริงๆ กินยาเม็ดนี้เข้าไปสักพักก็ฟื้น” จากนั้นจึงถามอู๋จุนว่า “เมื่อครู่ เจ้ากับแม่นางถังพบสิ่งใด? ”
“ข้าไม่ได้อยู่กับนาง” อู๋จุนปาดจมูกและนั่งลงข้างกองไฟ
มู่หรงฉีพูดว่า “ขณะที่ข้าไปถึง เห็นงูพิษจำนวนมากโจมตีแม่นางถัง” ขณะที่พูด เขาก็เหลือบมองไปที่ซูจิ่นซี “โชคดีที่ข้ามีสุราสยงหวงที่จิ่นซีมอบให้ข้าก่อนหน้านี้ ข้าจึงขับไล่งูพิษเหล่านั้นไปได้”
“งูพิษอีกแล้วหรือ? ” ซูจิ่นซีขมวดคิ้วอย่างหนัก เห็นได้ชัดว่าส่งผลต่ออารมณ์ของนาง สีหน้าของนางพลันซีดขาว
เยี่ยโยวเหยาพูดว่า “มีพวกเราอยู่ เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องเหล่านี้”
จิ่วหรงแสดงท่าทีเพื่อไม่ให้มู่หรงฉีพูดอันใดอีก
ซูจิ่นซีพูดเสียงอ่อนแรงว่า “ข้าจะไม่กังวลได้อย่างไร พวกเจ้าไม่รู้ สารพิษรอบบริเวณมีมากขึ้นเรื่อยๆ หากข้าเดาไม่ผิด คราวนี้แคว้นไหวเจียงต้องโจมตีอย่างสุดกำลัง เตรียมสารพิษทั้งหมดที่มีเข้าต่อสู้แน่นอน”
“ไม่มีทาง เจ้าวางใจได้”
“ไม่มีทางได้อย่างไร? ข้าตรวจพบอย่างชัดเจน… ” ก่อนที่ซูจิ่นซีจะพูดจบ นางก็ไออย่างหนัก เยี่ยโยวเหยาตบหลังซูจิ่นซีเบาๆ ด้วยสีหน้ากังวล “วางใจได้ แม้พวกมันจะมาแล้ว ทว่ายังมีพวกเราอยู่ที่นี่ เรื่องยากลำบากมากมายก็ผ่านมาได้ เราต่อสู้กับแคว้นไหวเจียงมากี่ครั้ง? พวกเขาใช้กลวิธีพิษหลายต่อหลายครั้ง ข้าก็ไม่เห็นพวกเราจะเสียเปรียบเลยสักครั้ง”
“พูดเช่นก็ถูก ทว่า… แค่ก แค่ก แค่ก… ”
จิ่วหรงรีบเข้าไปตรวจชีพจร ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น “เจ้าอย่าใช้ระบบนั้นอีก ของสิ่งนั้นกินพลังงานของเจ้าเช่นกัน ร่างกายของเจ้าไม่สามารถทนต่อการสูญเสียพลังงานได้อีกแล้ว”
สีหน้าของเยี่ยโยวเหยาเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด “ซูจิ่นซี ในใจเจ้ายังมีข้าอยู่! หากข้ายังอยู่ เชื่อฟังข้า หยุดใช้ระบบถอนพิษเสีย”
เพียงเสี้ยววินาที หน้าผากของซูจิ่นซีก็เปียกโชก เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบปรากฏบนหน้าผาก อ่อนแรงจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น “ตกลง ข้าฟังท่าน ท่านดูข้าเถิด ตอนนี้คิดจะทำก็ทำไม่ไหวแล้ว”
“ต้องทำตนเองเป็นถึงแบบนี้ เจ้าถึงจะพอใจ”
ไม่รู้ว่าถังเสวี่ยฟื้นขึ้นตั้งแต่เมื่อใด นางมองไปที่ซูจิ่นซีจากระยะไกล น้ำตาของนางไหลพรั่งพรู “เป็นความผิดของข้าทั้งหมด หากข้าไม่วิ่งไปไกล คงไม่ต้องให้ซูจิ่นซีใช้พลังงานเพื่อตามหาข้าจนทำให้อาการแย่ลงอีกใช่หรือไม่? ”
“มันไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า! ” อู๋จุนพูดว่า “หากผิดก็เป็นความผิดของข้าด้วย! ”
เป็นเรื่องหายาก ถังเสวี่ยนิ่งเงียบ ทว่าน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
มู่หรงฉีพูดว่า “แม่นางถังเสวี่ยและอู๋จุน พวกเจ้าสองคนอย่าตำหนิตนเองอีกเลย เจ้าก็รู้อุปนิสัยของจิ่นซีดี แม้พวกเจ้าไม่ไป นางก็เป็นคนที่ไม่สามารถอยู่เฉยได้ ชอบใส่ใจไปเสียทุกเรื่อง”
ทว่าถังเสวี่ยจะไม่โทษตนเองได้อย่างไร เมื่อเห็นสีหน้าของซูจิ่นซี นางก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
ไม่ต้องพูดถึงอู๋จุน เขาอยากจะตบหน้าตนเองสักสองครั้ง
ไม่ หากทำให้ซูจิ่นซีรู้สึกดีขึ้น เขาสามารถตบหน้าตนเองมากกว่านี้ก็ได้
มู่หรงฉีมองท่าทางของทั้งสองคน รู้ว่าห้ามปรามไปก็ไร้ผล เขาจึงส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้
เขาจึงหันไปถามเยี่ยโยวเหยา “ตามที่โยวอ๋องพูดเมื่อครู่ ท่านได้เตรียมทหารตามชายแดนแคว้นจงหนิงและแคว้นไหวเจียงเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่? ”
เยี่ยโยวเหยาพูดตามความจริงว่า “ข้าเตรียมกองกำลังไว้จริง ใช้กองทัพจากแคว้นซีอวิ๋นบางส่วนและกองกำลังส่วนหนึ่งของวิหารวิญญาณเคลื่อนตัวไปทางใต้แล้ว”
นี่เป็นความลับทางทหารของแคว้นจงหนิง ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับบอกมู่หรงฉีโดยไม่มีท่าทีปกปิดแม้แต่น้อย
แม้จะพูดให้มู่หรงฉีฟัง ทว่าเยี่ยโยวเหยาก็พูดให้ซูจิ่นซีฟังเช่นกัน เพื่อต้องการให้ซูจิ่นซีไม่ต้องกังวลใจมากเกินไป ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น เขาส่งทหารไปประจำการแล้ว มีเขาอยู่ที่นี่ ไม่มีทางทำให้ทุกคนเกิดเรื่องเด็ดขาด
ขอให้นางไม่ต้องกังวลเท่านั้น