สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 36 ตอนที่ 1051 ผนึกศิลาเทพคุนอวี้
“กรี๊ด… ” ทันใดนั้นถังเสวี่ยก็ร้องดังลั่นด้วยความตกใจและพุ่งเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของอู๋จุน
“เป็นอันใดหรือ? ”
“นั่น… นั่นคือสิ่งใด? ” นางชี้ไปทางประตูสุสาน
ทุกคนมองไปยังทิศทางที่ถังเสวี่ยชี้ไป ก่อนหน้านี้ทุกคนมัวแต่ดูภาพรวมของประตูสุสานโดยไม่ได้สังเกต เมื่อมองอย่างละเอียด นึกไม่ถึงว่าจะมีรูปปั้นสตรีตั้งอยู่ตรงทางเข้า
รูปปั้นนั้นแกะสลักอย่างสวยงามดั่งมีชีวิต ลักษณะท่าทางกำลังเปิดประตูและแววตากำลังมองมายังทิศทางที่พวกเขาอยู่ในขณะนี้ ทันทีที่มองไปก็ให้ความรู้สึกน่าสะพรึงกลัว
“แม่นางถังเสวี่ยไม่ต้องกลัว นี่เรียกว่า ‘สตรีเปิดประตู’ ซึ่งสุสานส่วนใหญ่จะมีรูปปั้นเช่นนี้ มันไม่มีอันใดเลย” มู่หรงฉีอธิบาย
ถังเสวี่ยเหลือบมองไปยังทิศทางของรูปปั้นนั้นอย่างระมัดระวัง แผ่นหลังพลันเย็นวาบขึ้นมา
“ไม่… ไม่มีอันใดจริงหรือ? ”
“ไม่ต้องกลัว นางเป็นเพียงรูปปั้นเท่านั้น”
ถังเสวี่ยเหลือบมองรูปปั้นนั้นอีกครั้ง เหมือนจะไม่ได้หวาดกลัวเท่ากับครั้งแรกที่เห็น
อู๋จุนดึงถังเสวี่ยออก “ออกไป ผมยาวความรู้สั้น”
ถังเสวี่ยเท้าสะเอว “ถังเป่าอวี้ ผมเจ้าก็ไม่ยาว ไม่เห็นว่าเจ้าจะมีความรู้มากสักเท่าไร! เจ้าจงใจต่อว่าข้าใช่หรือไม่? ”
อู๋จุนแบะปาก คร้านจะเถียงเรื่องไร้สาระกับถังเสวี่ยจึงเดินไปยืนอีกฝั่ง
มู่หรงฉีและจิ่วหรงก้าวไปข้างหน้า ขยับรูปปั้นสตรีไปด้านข้างและค่อยๆ เปิดประตูหิน
ภาพภายในประตูหินเหมือนสุสานทั่วไป ด้านหลังประตูหินเป็นกำแพงหินกั้นและด้านหลังกำแพงหินกั้นเป็นเครื่องราชบรรณาการที่ฝังพร้อมกับเจ้าของสุสาน โลงศพวางอยู่ตรงกลาง ตามอักษรที่แกะสลักบนรูปปั้นน่าจะเป็นแม่ทัพใหญ่ แม่ทัพที่โปรดปรานที่สุดของจิ่นอีโหวก่อนเสียชีวิต หลังเสียชีวิตก็ถูกฝังไว้กับจิ่นอีโหว
สิ่งนี้ไม่มีอันใดน่าสนใจมากนัก
“กงล้อโชคชะตานพคุณหลิงหลงอยู่ที่ใด แล้วพวกเราควรทำอย่างไรต่อไป? ” เยี่ยโยวเหยาถาม
“พวกเราค้นหาศิลาเทพคุนอวี้ก่อน” จิ่วหรงกล่าว “ศิลาเทพคุนอวี้เป็นกุญแจสำคัญของสุสานจิ่นอีโหวทั้งหมด ต้องหาศิลาเทพคุนอวี้เพื่อปลดผนึกเท่านั้น จากนั้นพวกเราจึงจะสามารถเปิดประตูสุสานที่เหลือ ท้ายที่สุดก็จะพบกงล้อโชคชะตานพคุณหลิงหลง”
“ตกลง! ” ในตอนนี้ทุกคนเลือกที่จะเชื่อจิ่วหรงและเดินตามจิ่วหรง อย่างไรแล้วเมื่อพันปีก่อนจิ่วหรงก็เป็นคนสร้างสุสานแห่งนี้ด้วยตนเอง ดังนั้นคงหาได้ไม่ยาก ในไม่ช้าทุกคนก็หาตำแหน่งที่อยู่ของศิลาเทพคุนอวี้จนพบ
ภายในสุสานกว้างพอสมควร ศิลาเทพคุนอวี้ได้ถูกผนึกไว้จริงๆ เมื่อเห็นแสงลึกลับของผนึกนั้น แสดงว่าการบำเพ็ญของผู้ผนึกศิลาเทพคุนอวี้ในตอนนั้นถือว่าดีมาก
“ในตอนนั้น สิ่งนี้ถูกผู้ใดผนึกหรือ? ” อู๋จุนถามจิ่วหรง “หรือว่าการสร้างสุสานโบราณแห่งนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าด้วย? เจ้าไม่สามารถปลดผนึกนี้ด้วยตนเอง? ”
จิ่วหรงตอบตามความจริง “การสร้างสุสานโบราณในตอนนั้นเกี่ยวข้องกับข้าจริงๆ ทว่าผนึกนี้ถูกผนึกโดยยอดฝีมือทั้งห้าที่มีคุณสมบัติเป็นทองคำ ไม้ น้ำ ไฟ ดิน ซึ่งคนธรรมดาไม่สามารถปลดผนึกได้”
“เจ้าก็ทำไม่ได้ด้วยหรือ? ”
จิ่วหรงส่ายศีรษะช้าๆ
หากในตอนนั้น เขาไม่โอนพลังบำเพ็ญเพียรหนึ่งพันปีของตนเองสู่ดวงจิตวิญญาณภายในร่าง เขาก็คงสามารถปลดผนึกนี้ได้ ทว่าตอนนี้อย่าแม้แต่จะคิดเลย
อู๋จุนแสดงสีหน้าหมดหวัง
จิ่วหรงกล่าวว่า “ทว่าหากพวกเราร่วมมือกันก็ไม่น่ายาก”
จิ่วหรง เยี่ยโยวเหยา อู๋จุน มู่หรงฉี ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ล้วนเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกในปัจจุบัน
“แล้วรออันใดอยู่? ” ขณะที่พูด อู๋จุนก็ถ่ายพลังใส่ศิลาเทพคุนอวี้
จากนั้นมู่หรงฉีและจิ่วหรงก็ถ่ายพลังของตนเองใส่ศิลาเทพคุนอวี้เช่นกัน
เยี่ยโยวเหยาวางซูจิ่นซีลงและเข้าร่วมด้วย
ทว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาคาดไม่ถึงคือ เมื่อพลังที่ทุกคนถ่ายโอนเข้าไปเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผนึกบนศิลาเทพคุนอวี้ไม่เพียงไม่อ่อนแอลง ตรงกันข้าม มันกลับแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
“ไม่ถูกต้อง! ” มู่หรงฉีพูด “คุณชายจิ่ว เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าศิลาเทพคุนอวี้กำลังดูดกลืนพลังภายในของข้าอยู่! ”
“ข้าก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ” อู๋จุนกล่าว
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่เพียงปลดผนึกศิลาเทพคุนอวี้ไม่ได้ เกรงว่าพวกเราทุกคนคงต้องสูญเสียวรยุทธ์ด้วยแน่” เยี่ยโยวเหยาพูดเสริม
“รีบคิดหาวิธีเร็วเข้า! ” อู๋จุนแสดงท่าทีกังวล
จิ่วหรงสีหน้าสงบนิ่ง แววตาเหลือบมองนอกห้องแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงทอดยาวว่า “ในเมื่อทุกท่านมาแล้ว เหตุใดไม่ช่วยพวกข้าอีกแรง! หากปลดผนึกศิลาเทพคุนอวี้นี้ไม่ได้ สุสานจิ่นอีโหวทั้งหมดนี้ก็เหมือนกับไม่มีอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็นท่านหรือพวกข้า ล้วนไม่มีประโยชน์อันใด”
มู่หรงฉีและอู๋จุนกำลังไตร่ตรองว่าจิ่วหรงกำลังคุยกับผู้ใด เมื่อสิ้นเสียงคำพูด เงาร่างของหลายคนก็เหาะเข้ามา ในขณะเดียวกันก็ถ่ายโอนพลังใส่ศิลาเทพคุนอวี้ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นหลานอวี่ กูสือซาน จิ้นอี้เฉิน และคนอื่นๆ
มุมปากอู๋จุนกระตุกอย่างรุนแรง “บัดซบ นับว่ารวดเร็วมาก คนพวกนี้ตามมาตั้งแต่เมื่อใด เหตุใดข้าไม่รู้แม้แต่น้อย”
“อย่าว่าแต่เจ้า ข้ากับโยวอ๋องก็ไม่รู้เลยสักนิด” มู่หรงฉีกล่าว
น้ำเสียงจริงจังของจิ่วหรงดังขึ้น “ตั้งสมาธิ อย่าว่อกแว่ก”
อู๋จุนและมู่หรงฉีจึงไม่ได้พูดอันใดอีก ทุกคนต่างรวบรวมพลังและค่อยๆ ถ่ายพลังเข้าไปในศิลาเทพคุนอวี้ คราวนี้ในที่สุดบนผนึกศิลาเทพคุนอวี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ความแข็งแกร่งที่มีแต่เดิมค่อยๆ อ่อนแอลง
“เพิ่มพลังอีกนิดก็จะประสบความสำเร็จแล้ว” มู่หรงฉีพูดพลางพยายามถ่ายพลังเขาไปในศิลาเทพคุนอวี้ คนที่เหลือก็ทำตามจังหวะและส่งพลังคลื่นสุดท้ายไปยังศิลาเทพคุนอวี้
ในที่สุดก็เกิดเสียงปะทุ ผนึกศิลาคุนอวี้ถูกปลดออกแล้ว
ทันใดนั้น ศิลาคุนอวี้ที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ตกลงมา แววตาของหลานอวี่และคนอื่นๆ พลันสว่างขึ้นและเต็มไปด้วยความโลภ จากนั้นจึงรีบไปคว้าศิลาเทพคุนอวี้ กลับไม่คิดว่าจะถูกจิ่วหรงชิงไปอยู่ในเงื้อมมือได้ก่อน
“คุณชายจิ่วฝีมือดีดั่งที่คาดไว้” แม้หลานอวี่จะชมเชยจิ่วหรง ทว่านางไม่ละสายตาไปจากศิลาเทพคุนอวี้ที่อยู่ในมือจิ่วหรงแม้แต่น้อย
แน่นอนว่านางไม่กล้าก้าวไปแย่งมันกลับมา
“คุณชายจิ่ว เราควรทำอย่างไรต่อไป? ” มู่หรงฉีถามจิ่วหรง
จิ่วหรงพลิกฝ่ามือเก็บศิลาเทพคุนอวี้ในมือ แววตาเย็นชาขึ้นทันที เขามองไปทางหลานอวี่และคนอื่นๆ “จัดการกับปัญหาเหล่านี้ก่อนค่อยว่ากัน”
แววตาของหลานอวี่ปรากฏความเย็นยะเยือก กูสือซานขมวดคิ้วแน่น “คุณชายจิ่ว ท่านได้ประโยชน์แล้วจะถีบหัวส่งกันหรือ? เมื่อครู่เราเพิ่งร่วมมือกันแท้ๆ ”
หลานอวี่ยกยิ้มเล็กน้อย “สุสานจิ่นอีโหวเปิดแล้ว ศิลาเทพคุนอวี้ก็ถูกปลดผนึกแล้ว คุณชายจิ่ว มิสู้พวกเรามาแข่งกันอย่างยุติธรรม ผู้ใดค้นพบความลับของสุสานจิ่นอีโหวได้ก่อน ความลับนี้ก็เป็นของผู้นั้น ว่าอย่างไร? ”
อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่าจิ่วหรงจะไม่ตอบกูสือซานและหลานอวี่ ทว่าลงมือจัดการพวกเขาทันที
คุณชายจิ่วทำสิ่งใด จำเป็นต้องหารือก่อนหรือ?
เยี่ยโยวเหยา มู่หรงฉี และอู๋จุนร่วมมือกับจิ่วหรง แน่นอนว่าต้องการช่วยเหลือจิ่วหรงในการต่อสู้ครั้งนี้เพื่อจัดการกับคนของแคว้นไหวเจียง ในไม่ช้าภายในห้องก็เกิดการต่อสู้อีกครั้ง
ทว่าสิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงคือ ในขณะที่ทุกคนกำลังต่อสู้เพื่อจัดการกับคนของแคว้นไหวเจียง จิ่วหรงกลับมุ่งเป้าไปที่เยี่ยโยวเหยา
ด้วยความรวดเร็วและวิธีการแม่นยำอย่างที่ทุกคนไม่เคยเห็นมาก่อน
เยี่ยโยวเหยายังไม่ทันตั้งตัว เงาร่างสีขาวก็ปรากฏตรงหน้า ซูจิ่นซีที่อยู่ในอ้อมกอดถูกกระชากออกไป จากนั้นจิ่วหรงก็พาซูจิ่นซีหายไปจากสายตาของทุกคน
เกิดเสียงดังปึง ประตูสุสานถูกปิดลงอย่างแรง