สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 36 ตอนที่ 1055 ตำนานของหญ้าเสินเซียน
สีหน้าทุกคนดูตกตะลึง ทว่าเยี่ยโยวเหยายังคงเป็นห่วงซูจิ่นซีมากที่สุด
อย่างไรเสีย หากล่าช้าเกินหนึ่งนาที อันตรายที่ไม่คาดคิดก็จะเพิ่มขึ้น พวกเขาไม่รู้ว่าสถานการณ์ของซูจิ่นซีในตอนนี้เป็นอย่างไร
ทว่าเขาไม่อาจลนลานเหมือนทุกคนได้ เวลารู้สึกประหม่าอาจพลาดรายละเอียดมากมาย มีเพียงการสงบนิ่งเท่านั้นจึงจะสามารถหาทางออกและพบฟ้าหลังฝนได้
เขานั่งลงอีกฝั่งและพยายามนึกถึงทุกเส้นทางที่เคยผ่านหลังเดินออกมาจากห้องศิลาห้องแรกและทุกห้องศิลาที่เข้าไป กระทั่งทำความเข้าใจกับการตกแต่งและอักษรหินบนกำแพงในห้องศิลาอย่างละเอียด
อู๋จุน มู่หรงฉี และคนอื่นๆ ก็พยายามอย่างสุดความสามารถเช่นกัน
ผ่านไปไม่นาน ทันใดนั้นเยี่ยโยวเหยาก็ลืมตาขึ้น
มู่หรงฉีรีบเอ่ยถาม “โยวอ๋องพบสิ่งใดหรือไม่? ”
“พบจริงๆ พวกท่านตามข้ามา! ”
เยี่ยโยวเหยาเดินนำหน้า ส่วนคนที่เหลือเดินตามหลัง ทุกคนผ่านห้องศิลาหลายห้องไปมา ทว่าครั้งนี้ไม่เหมือนก่อนหน้า พวกเขาเดินช้ามาก เยี่ยโยวเหยาสังเกตและวิเคราะห์อย่างระมัดระวัง ค้นหาทางออกของห้องศิลาทุกห้องอย่างจริงจัง ผลลัพธ์ก็คือไม่ได้เดินวกกลับไปอีก
“ดูเหมือนโยวอ๋องจะค้นพบกฎเกณฑ์บางอย่าง ทว่าท่านรู้ได้อย่างไร? ” มู่หรงฉีเอ่ยถาม
“การพบกฎเกณฑ์ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงต้องค้นหาอย่างใจเย็น” เยี่ยโยวเหยากล่าว “สิ่งสำคัญคือห้องศิลาพวกนี้ไม่ได้มีเพียงทางออกเดียวทว่ามีมากมาย เพียงแค่ต้องหาทางที่ถูกต้องในเส้นทางนั้น แล้วก็… ”
เยี่ยโยวเหยาพูดครึ่งเดียว จู่ๆ ก็ไม่ได้พูดต่อ ราวกับว่ากำลังพิจารณาบางอย่างอยู่
“แล้วก็อันใดหรือ? ” มู่หรงฉีเอ่ยถาม
“หากข้าเดาไม่ผิด สุสานโบราณแห่งนี้น่าจะมีชั้นบนและชั้นล่าง สุสานจิ่นอีโหวที่แท้จริงน่าจะอยู่ใต้เท้าพวกเรา”
ใต้เท้า?
ทุกคนอดก้าวถอยหลังแล้วมองไปที่พื้นใต้ฝ่าเท้าของตนเองไม่ได้
ทว่านอกจากแผ่นหินเย็นเฉียบแล้วก็ไม่เห็นสิ่งใดเลย
ทุกคนมองไปที่เยี่ยโยวเหยาด้วยความสงสัย ทว่าเยี่ยโยวเหยาไม่ได้พูดอันใดและเดินไปข้างหน้าเงียบๆ ทุกคนจึงต้องเดินตามอย่างไม่มีทางเลือก
เป็นจริงดั่งคาด ผ่านไปไม่นานก็มีทางใต้ดินซึ่งนำไปสู่อีกชั้นหนึ่งปรากฏขึ้นมา
ทุกคนเดินลงไปตามทางเดิน ในไม่ช้าก็พบห้องศิลาขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง
ห้องศิลานี้คล้ายกับห้องศิลาห้องแรกสุดที่พวกเขาเห็นตอนเข้ามาในสุสานโบราณ มีเครื่องบรรณาการวางอยู่ไม่น้อย นอกจากนี้ยังมีโลงหินพิทักษ์สุสานโบราณ จากการออกแบบการแกะสลักบนโลงหิน ยศของแม่ทัพผู้นี้คงไม่ต่ำกว่าแม่ทัพในห้องตั้งศพห้องแรก
ทุกคนเดินรอบโลงหินภายใต้การนำของเยี่ยโยวเหยา และในไม่ช้าประตูอีกบานด้านหลังก็เปิดออก
ในตอนที่ประตูหินเปิดออก ทุกคนตะลึงงันอยู่กับที่ รวมถึงเยี่ยโยวเหยาที่อยู่ด้านใน
ห้องศิลาห้องนี้ใหญ่เป็นสามเท่าของห้องศิลาด้านนอก กล่องสีขาวร้อยกว่ากล่องที่ฝังพร้อมกับศพกระจัดกระจายจากประตูทิศเหนือไปจนถึงบนบันไดที่อยู่ใต้โลงหิน นอกจากนี้บนพื้นยังมีกล่องทองคำ อัญมณี อาวุธ และของตกแต่ง รวมถึงรูปปั้นบ่าวรับใช้จำนวนไม่น้อยวางอยู่
“โอ้ จิ่นอีโหวผู้นี้ฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว” อู๋จุนแอบถอนหายใจ
ผู้ใดว่าไม่ใช่!
หลานอวี่และคนอื่นๆ มองด้วยสีหน้าชื่นชม
ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ล้วนเป็นบุคคลตำแหน่งสูงจากหลายแคว้นในปัจจุบัน แม้อาณาจักรเทียนเหอยังไม่รวมเป็นปึกแผ่น อ๋องแคว้นต่างๆ ยังทะเลาะเบาะแว้งกันไม่หยุด ทว่าพวกเขาและท่านอ๋องรุ่นก่อนก็วางแผนเพื่องานศพของตนเองในอนาคตแล้วเช่นกัน สร้างสุสานไว้นอนหลับหลังจากเสียชีวิต ทว่ากลับไม่มีผู้ใดสร้างสุสานของตนเองได้หรูหราโอ่อ่าเท่าสุสานของจิ่นอีโหวในตอนนี้เลย
ความลับในการรวบรวมแผ่นดินเป็นปึกแผ่นคือสิ่งใด?
บางทีนี่อาจเป็นความลับในการรวบรวมแผ่นดิน!
เป็นสมบัติล้ำค่าที่มีประโยชน์ที่สุดในการรวบรวมแผ่นดิน
แคว้นที่ทำสงครามตลอดทั้งปี ย่อมมีค่าใช้จ่ายทางการทหารไม่น้อย กองทัพระหว่างทำสงครามมักกลัดกลุ้มกับค่าใช้จ่ายทางการทหาร หากขนย้ายเครื่องบรรณาการของล้ำค่าที่มีประโยชน์พวกนี้ออกไป ย่อมสนับสนุนกองทัพให้ต่อสู้กับสงครามอันยืดเยื้อได้อีกหลายปีแน่นอน
ความจริงแล้วในยุคสงครามเช่นนี้ นอกจากมันสมองของผู้บัญชาการ กลยุทธ์ทางการทหาร และขนาดกองทัพแล้ว กุญแจสำคัญที่สุดในการทำสงครามของแต่ละแคว้นคือทรัพยากรดูแลกองทัพ
หลานอวี่แห่งแคว้นไหวเจียง กูสือซาน จิ้นอี้เฉิน และคนอื่นๆ ได้เริ่มประเมินค่าสิ่งเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว
ทว่าเยี่ยโยวเหยา มู่หรงฉี และคนอื่นๆ กลับไม่มีเวลาคิดเรื่องพวกนี้ ตอนนี้สิ่งที่พวกเขากังวลมากที่สุดคือการตามหาซูจิ่นซีและจิ่วหรง
เยี่ยโยวเหยา มู่หรงฉี อู๋จุน และถังเสวี่ยเดินเข้าไปในห้องศิลาทีละก้าว และเดินไปยังโลงหินสองโลงที่อยู่บนแท่นสูงทางทิศเหนือสุด
กลับพบว่าโลงศพหนึ่งถูกเปิดออก ด้านข้างมีก้อนหินกระจัดกระจายไม่น้อย น่าจะเป็นเพราะว่าได้รับผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือนที่สุสานก่อนหน้านี้ หินที่อยู่บนสุดในห้องศิลาจึงถล่มลงมา
หลังจากมู่หรงฉีสังเกตโลงหินทั้งสองอย่างละเอียดจึงมั่นใจว่า “นี่น่าจะเป็นสุสานหลักของสุสานจิ่นอีโหว โลงหินทางซ้ายที่ไม่มีการขยับน่าจะเป็นจิ่นอีโหว”
“ทว่าโลงหินด้านข้างเป็นของผู้ใด? เหตุใดศพด้านในจึงหายไป? ” ถังเสวี่ยแสดงสีหน้าสงสัย
มู่หรงฉีวิเคราะห์ต่อ “เล่าขานว่ามีสตรีผู้หนึ่งนามว่าฉ่ายเวย ผู้เป็นที่รักของจิ่นอีโหว ก่อนสิ้นชีพ จิ่นอีโหวให้ฝังสตรีผู้นี้ร่วมกับเขาเป็นกรณีพิเศษ ตามร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่หลงเหลือ เดิมทีโลงหินฝั่งขวาน่าจะเป็นฉ่ายเวย”
“ทว่าเหตุใดจึงไม่เห็นศพ? ”
ไม่มีผู้ใดให้คำตอบได้
ผู้อื่นไม่รู้ ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับรู้แน่ชัดว่าสตรีที่ชื่อฉ่ายเวยมีความสัมพันธ์โยงใยกับจิ่วหรงและซูจิ่นซี
เยี่ยโยวเหยาจึงมั่นใจมากว่าจิ่วหรงเคยมาที่สุสานหลักแห่งนี้ และการหายตัวไปของร่างฉ่ายเวยน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเขาและซูจิ่นซี
จิ่วหรง… คิดจะทำอันใดกันแน่?
“เอ๊ะ… นี่คือสิ่งใด? ”
จู่ๆ ถังเสวี่ยก็หยิบหญ้าสีเขียวมันขลับขึ้นมาจากใต้เศษก้อนหินเล็กๆ ตรงมุมโลงหิน ใบหญ้าเรียวยาวและสามารถดูออกได้ว่ามีคนเด็ดมาเป็นเวลานานมากแล้ว ทว่ากลับได้รับการปกป้องด้วยกำลังภายในและเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี
มู่หรงฉีรับมาดูอย่างละเอียด เขามั่นใจว่าเป็นสมุนไพร ทว่าไม่อาจระบุชื่อที่แน่ชัดได้
เยี่ยโยวเหยาหยิบมาดู เขายิ่งไม่เข้าใจ
หลานอวี่ กูสือซาน จิ้นอี้เฉิน และคนอื่นๆ ในเวลานี้ก็เดินมาเช่นกัน
“มันคือหญ้าเสินเซียน! ” จู่ๆ หลานอวี่ก็พูดขึ้น
“เจ้ารู้ได้อย่างไร? ” ถังเสวี่ยถาม
เป็นเรื่องยากลำบากสำหรับหลานอวี่ที่จะอธิบายอย่างอดทนให้ถังเสวี่ยฟัง “แน่นอนว่าข้ารู้ เพราะหญ้าเสินเซียนนี้ไม่เพียงเป็นสมุนไพรเท่านั้น ทว่ายังเป็นยาพิษอีกด้วย ตามตำนานกล่าวว่ามันจะเติบโตบริเวณทะเลอู๋ว่างซึ่งเป็นดินแดนเชื่อมต่อระหว่างแดนเทพ แดนมนุษย์ และแดนปีศาจเท่านั้น หากคิดจะเอาหญ้าเสินเซียนมาไม่ใช่เรื่องง่าย”
หญ้าเสินเซียน…
เยี่ยโยวเหยาและมู่หรงฉีรู้สึกว่าชื่อนี้ช่างคุ้นหูยิ่งนัก เหมือนว่าเคยได้ยินจากที่ใด
“หญ้าเสินเซียน? มันมีความแตกต่างอันใดกับหญ้าเห็ดหลินจือของวิหารเทพซีหวังหมู่? ”
“แน่นอนว่ามีความแตกต่าง! ” หลานอวี่กล่าว “หญ้าเห็ดหลินจือเป็นหญ้าอมตะซึ่งเจริญเติบโตบนเขาคุนหลุน และเป็นสมุนไพรเทพที่ใช้ช่วยชีวิต ทว่าหญ้าเสินเซียนกลับเจริญเติบโตในทะเลอู๋ว่างที่แดนมนุษย์ แดนสวรรค์ แดนปีศาจ และแดนภูตวิญญาณมาบรรจบกัน มีลักษณะที่ซับซ้อนมาก สามารถช่วยชีวิตคนและทำร้ายคนได้เช่นกัน”
“เติบโตในทะเลอู๋ว่าง? ทะเลอู๋ว่างอยู่ห่างจากที่นี่เป็นหมื่นลี้ สิ่งนี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ” ถังเสวี่ยคิดพิจารณาและมองหญ้าเสินเซียนในมือของเยี่ยโยวเหยาอย่างละเอียด
“ทว่าข้ายังรู้ตำนานลึกลับเกี่ยวกับหญ้าเสินเซียนนี้อีกด้วย” จู่ๆ กูสือซานก็เอ่ยขึ้น
“ตำนานอันใด? ” ทุกคนต่างมองไปที่กูสือซาน